โลกของเราทุกวันนี้เป็นโลกของธุรกิจ การค้า การลงทุน ที่ถูกสนับสนุนด้วยความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีที่เติบโตอย่างก้าวกระโดด เด็กๆ สมัยใหม่นอกจากจะต้องมีความรู้ในศาสตร์วิชาพื้นฐานด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีที่แข็งแกร่งแล้ว ยังจำเป็นต้องมีความรู้ด้านธุรกิจตั้งแต่เด็กด้วย หรือพูดง่ายๆ ก็คือ เด็กยุคใหม่จำเป็นต้องได้รับการปลูกฝังความมี “หัวการค้า ”

อย่างไรก็ตาม หากสังเกตกันดีๆ เราจะเห็นได้ว่าระบบการศึกษาไทยในตอนนี้ไม่มีการปลูกฝังให้เด็กมีหัวการค้าเลย ถือเป็นการละเลยทักษะที่จำเป็นของชีวิตอย่างน่าเสียดาย ซึ่งแน่นอนว่ามันเป็นการศึกษาที่ไม่ตอบโจทย์โลกยุคใหม่ ดังนั้นมันจึงเป็นหน้าที่ของผู้หลักผู้ใหญ่ทั้งหลายที่มองเห็นจุดอ่อนนี้ต้องเข้ามาเติมเต็มสิ่งที่ขาดหายไป เพื่อเป็นการเน้นย้ำว่าทักษะหัวการค้ามีความจำเป็นสำหรับเด็ก วันนี้เราจึงได้สรุปข้อดีของการมีหัวการค้าตั้งแต่เด็ก ไว้ดังนี้

เพิ่มสีสันให้กับการเรียนรู้

ทุกคนที่ผ่านระบบการศึกษาไทยมาคงทราบดีว่า ในโรงเรียนมีวิชาบังคับให้เรียนมากมาย มีทั้งวิชาที่เราชอบและไม่ชอบ แถมบางวิชาเรายังไม่สามารถตอบคำถามกับตัวเองว่าเรียนแล้วได้ประโยชน์อะไร คนที่ชอบวิทยาศาสตร์ก็อยากที่จะมุ่งเรียนทางสายวิทย์  ในขณะที่คนที่เก่งด้านสังคม ก็อยากจะมุ่งเน้นเรียนวิชาในสายศิลป์

อย่างไรก็ตาม ทักษะหัวการค้า นั้นเป็นทักษะการหาเงินที่จะต้องนำทั้งศาสตร์และศิลป์มาบูรณาการเข้าด้วยกัน เด็กที่มีหัวการค้าจะเห็นคุณค่าของทุกวิชาเรียน มองว่าทุกวิชามีประโยชน์ เพราะเป็นพื้นฐานที่สามารถนำมาต่อยอดทำธุรกิจได้ ไม่ว่าจะเป็น สังคม วัฒนธรรม ภาษา กฎหมาย และคณิตศาสตร์ เด็กที่มีหัวการค้าจึงมีความสนุกสนานกับการเรียนรู้ได้มากขึ้น

สร้างความภาคภูมิใจ

เด็กที่มีหัวการค้ามักจะไม่อยู่นิ่ง เพราะพวกเขาจะหาอะไรทำสร้างความแปลกใหม่ได้เสมอ โดยเฉพาะไอเดียเกี่ยวกับการหาเงิน บางคนสามารถคิดโมเดลทางธุรกิจสร้างรายได้ตั้งแต่เด็ก บางคนสามารถประกวดแข่งขันโมเดลธุรกิจจนได้รับรางวัล ซึ่งความสำเร็จในวัยเยาว์เหล่านี้จะสร้างความภาคภูมิใจ และมีส่วนสำคัญอย่างยิ่งในการต่อยอดความสำเร็จในอนาคต

ฉีดวัคซีนป้องกันความล้มเหลวในชีวิต

การให้เงินแก่เด็ก ก็เปรียบเสมือนกับการ ให้ปลา แต่การมอบทักษะหัวการค้าแก่เด็ก ก็เหมือนกับการให้ วิชาหาปลา ซึ่งจะทำให้เด็กสามารถทำมาหากินได้ตลอดชีวิต เหมือนได้รับวัคซีนป้องกันความยากจน

เพราะคนที่มีหัวการค้า จะสามารถเริ่มต้นหาเงินได้จากการทำธุรกิจไม่ใหญ่ เช่น การค้าขายเล็กๆ น้อยๆ จนสามารถต่อยอดกลายเป็นธุรกิจที่เติบโตได้วันใดวันหนึ่งในอนาคต คนเหล่านี้จะไม่จนมุม และจะไม่ยอมล้มเหลวในชีวิต

สามารถหาเงินได้ตั้งแต่ยังเรียนไม่จบ

เด็กที่มีหัวการค้ามักจะมีลักษณะนิสัยช่างสังเกต สมองพวกเขามักจะมีแต่ตัวเลข เผลอไม่ได้ แป๊บเดียวก็สามารถคิดค้นอะไรที่สามารถแปลงเป็นเงินได้หมด ไม่ว่าจะเป็นสิ่งประดิษฐ์ โมเดลทางธุรกิจ ไอเดียทางการค้า และสินค้าที่อยากขาย เป็นต้น

พวกเขาจะไม่เพียงแค่คิดเท่านั้น บางสิ่งที่สามารถทำได้โดยไม่รบกวนเวลาเรียนมากเกินไป ก็จะลงมือทำทันที สามารถสร้างรายได้ แบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายจากทางบ้านได้เป็นจำนวนมาก และบางครั้งหากกิจการไปได้สวย พวกเขาก็สามารถหาเงินส่งตัวเองเรียนได้โดยไม่ต้องรบกวนทางบ้านเลย

มีเป้าหมายในชีวิตที่ชัดเจน

คุณเคยสังเกตหรือไม่ว่า ระบบการศึกษาไทยนั้นแทบไม่ได้สอนให้เด็กมีเป้าหมายชีวิตที่ชัดเจนเลย พ่อแม่ครูส่วนใหญ่จะปลูกฝังให้เด็กๆ ตั้งใจเรียนทุกวิชา เรียนให้เก่ง เพื่อให้ได้เกรดเฉลี่ยสูงๆ แล้วอนาคตที่ใฝ่ฝันไว้จะดีเอง ด้วยเหตุนี้เด็กไทยจึงเรียนแบบเน้นท่องจำเพื่อไปสอบ สอบเสร็จก็ลืม ความรู้ที่เรียนมาไม่ได้ถูกนำไปต่อยอดใช้ประโยชน์

ตรงกันข้ามกับการเรียนสมัยใหม่ ที่ตอบโจทย์สังคมโลกยุคใหม่ ซึ่งเป็นการเรียนที่ปลูกฝังให้เด็กมีหัวการค้า ทุกรายวิชาที่เรียนต้องมีคุณค่า สามารถนำไปใช้ประโยชน์ในชีวิตได้จริงๆ เด็กจึงมีเป้าหมายในการเรียน และเป้าหมายชีวิตที่ชัดเจน โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อนำไปผนวกเข้ากับประสบการณ์จริงในกิจกรรมการหาเงินยามว่าของเด็กที่มีหัวการค้าแล้ว พวกเขาจะมีความสุขในการเล่าเรียนยิ่งขึ้น และมีเป้าหมายในชีวิตที่ชัดเจนขึ้น

ยกตัวอย่างเช่น เด็กที่ตั้งใจว่าเรียนจบแล้วอยากจะมีกิจการเป็นของตัวเอง ที่ต้องทำธุรกิจค้าขายข้ามชาติให้ได้ พวกเขาจะตั้งใจเรียน คณิตศาสตร์ ภาษาศาสตร์ สังคมศาสตร์ เศรษฐศาสตร์ และกฎหมาย เป็นต้น เพราะรู้ว่าความรู้เหล่านี้จะต้องนำมาใช้ประกอบการทำธุรกิจนั่นเอง

และนี่ก็คือ 5 ข้อดีของการสอนปลูกฝังให้เด็กมีหัวการค้าตั้งแต่เด็กที่เราอยากแนะนำให้เพื่อนๆ ได้ทราบในครั้งนี้ ก็หวังว่าจะเป็นประโยชน์สำหรับทุกคน โดยเฉพาะเพื่อนๆ ที่มีลูกหลานที่ต้องดูแล รวมถึงน้องๆ นักเรียน นักศึกษาด้วย เมื่อได้ทราบแล้วก็นำไปปรับใช้กันนะครับ