ในชีวิตการทำงานมีปัญหาที่เราต้องประสบพบเจอมากมาย บางปัญหาก็แก้ง่าย แต่บางปัญหาก็แก้ไม่ตก เช่น ปัญหากับเพื่อนร่วมงาน ที่เป็นเช่นนั้นก็เพราะว่า เราสามารถเลือกเพื่อนที่จะคบได้ แต่ไม่สามารถเลือกเพื่อนร่วมงานได้ เมื่อโชคชะตาพาเรามาร่วมงานในองค์กรเป็นทีมเดียวกัน ต่อให้ไม่ชอบเขาคนนั้นแค่ไหนก็ต้องฝืนทนทำงานด้วย
ช่วงนี้ก็อาจจะดีหน่อย เพราะเป็นช่วงวิกฤติโรคระบาด หลายคนได้ทำงานแบบ Work From Home ก็ถือเป็นโอกาสอันดีที่ไม่ต้องไปเจอเพื่อนร่วมงานที่ไม่ชอบหน้าแบบตัวเป็นๆ แต่เวลามันก็แสนสั้นนั้น เมื่อวิกฤติการณ์นี้ผ่านไป ยังไงก็ได้กลับไปทำงานพบหน้ากันที่ออฟฟิศอยู่วันยังค่ำ แล้วเราจะมีวิธีการแก้ไขปัญหาเกี่ยวกับเรื่องนี้ในระยะยาว อย่างยั่งยืนได้อย่างไร วันนี้ The Macho มีเคล็ดลับดีๆ มาแนะนำ ดังนี้
สำรวจตัวเองว่า เป็นเราที่ไม่ชอบเขาฝ่ายเดียวหรือไม่
ความไม่ชอบนั้น บางทีอาจเป็นเพราะเรารู้สึกไม่ดีกับเขาฝ่ายเดียว ในขณะที่เขาไม่เคยรู้สึกไม่ชอบเราด้วยซ้ำ ซึ่งถ้าเป็นเช่นนั้นก็คงจะเป็นปัญหาที่ตัวคุณเอง คุณควรกลับมาทบทวนว่าการทำงานร่วมกับเขามีข้อบกพร่องอะไร มีอะไรบ้างที่ต้องปรับปรุงแก้ไข หาก “ไม่มี” ก็ย่อมแสดงว่าความไม่ชอบนั้น เป็นเพียงอคติส่วนตัว
หากความไม่ชอบเป็นอคติส่วนตัวแล้ว วิธีแก้ก็คงไม่ใช่เรื่องยากอะไร คุณก็แค่เตือนตัวเองว่า “ความไม่ชอบ กับความไว้ใจนั้นเป็นคนละเรื่อง” คนเราทุกคนสามารถร่วมงานกันได้ ตราบเท่าที่แต่ละคนยังมีความรับผิดชอบที่ดี น่าไว้ใจ แต่ชีวิตส่วนตัวนั้นทุกคนไม่จำเป็นต้องเป็นเพื่อนกันเสมอไป ที่เราต้องร่วมงานกันก็เพราะเป็นหน้าที่รับผิดชอบที่ต้องทำให้ดีที่สุด เพื่อองค์กร และความก้าวหน้าของตัวเราเอง
มองหาสาเหตุปัญหาความไม่ชอบนั้น
การที่คนเราไม่ชอบกันนั้นมีหลายสาเหตุ แต่บางสาเหตุมันก็ไร้สาระเกินไป จนไม่น่าจะเป็นประเด็น ดังนั้นคุณควรถามตัวเองช้าๆ ชัดๆ ว่าไม่ชอบเขาเพราะอะไร หากเป็นเพราะว่า เขาดูมีความมั่นใจในตัวเองมากเกินไป บางครั้งก็ดูขี้อวด นั่นก็เป็นเพราะว่าคุณอาจจะกำลังอิจฉาเขาอยู่ ก็จงเลิกอิจฉา ปล่อยวาง มองว่ามันเป็นลักษณะนิสัยของเขา แล้วการร่วมงานของเป็นทีมของคุณจะดีขึ้น
แต่หากสาเหตุของการไม่ชอบเป็นเพราะวิธีการทำงานของเขาที่เป็นปัญหา เช่น ชอบทำงานเอาหน้า ไม่มีความรับผิดชอบ เอาดีใส่ตัว เอาชั่วให้คนอื่น เห็นแก่ตัว หรือไม่ทำงานเป็นทีมแล้วล่ะก็ นี่ถือว่าเป็นเรื่องใหญ่ ที่ต้องมีการจับเข่าพูดคุยกันอย่างเปิดอก
พิจารณาถึงความสำคัญ และจำเป็นที่ต้องร่วมงานกับเขาคนนั้น
คุณและเขาอาจเคยร่วมงานกันมาแล้วได้สักระยะหนึ่ง จนได้เรียนรู้นิสัยการทำงานของกันและกันมาเป็นอย่างดี จึงทำให้คุณมีปมที่ไม่ชอบเขา แม้ว่าเขาจะไม่รู้สึกอะไรกับคุณเลยก็ตาม ผลงานที่ผ่านมาก็อาจจะสำเร็จบาง ล้มเหลวบางได้ล้มลุกคลุกคลานกันมา จนได้ทำงานร่วมกันเป็นทีมาจนถึงทุกวันนี้
ซึ่งกว่าจะมาถึงวันนี้ได้ก็ถือว่าประสบความสำเร็จมาแล้วระดับหนึ่ง หากการร่วมงานของคุณกับเขาในเวลานี้มีความก้าวหน้าไปมาก ทีมคุณมีโอกาสได้รับโครงการที่ท้าทาย เป็นงานมีรายละเอียดสูง ซึ่งต้องการภาพลักษณ์ในการทำงานเป็นทีมที่ดี และความสำเร็จจากโครงการที่ได้จะนำมาซื่อชื่อเสียงและความก้าวหน้า คุณจำเป็นจะต้องพยายามมองถึงภาพรวมในเนื้องาน ดังนั้นคุณจะต้องโฟกัสไปที่ตัวงาน ก่อนเรื่องความสัมพันธ์ ความรู้สึกไม่ชอบใดๆ ต้องวางลงก่อน เอางานมาก่อนเสมอ แล้วทุกอย่างจะราบรื่นไปด้วยดี
วางแผนอนาคต เพื่อความร่วมมือกันที่ยั่งยืน
กับคนที่ไม่ชอบ ทำอย่างไรก็ไม่ชอบ ดังนั้นการร่วมงานกับคนที่ไม่ชอบควรหาโอกาสปรับทัศนคติการทำงานร่วมกันเป็นทีมบ่อยๆ ทุกครั้งที่เปิดอกพูดคุยกัน ควรโฟกัสแต่เรื่องงาน หลีกเลี่ยงเรื่องส่วนตัวให้มากที่สุด ด้วยการระมัดระวังไม่ให้อีกฝ่ายล้ำเส้นพูดคุยนอกเรื่อง ออกนอกประเด็น
การได้แบ่งปันความคิดและเป้าหมายในการทำงานกับอีกฝ่าย แสดงถึงความรับผิดชอบและงานที่ต้องทำร่วมกัน การคุยกันด้วยเหตุผลจะทำให้เราทำงานร่วมกันได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น การแบ่งปันข้อผิดพลาดระหว่างกันอาจทำให้อีกฝ่ายพูดถึงข้อบกพร่องของตัวเอง การคุยกันจะทำให้เราได้ปรับความรู้สึกของตัวเองด้วยเช่นเดียวกัน นั่นเป็นทางออกที่ดีที่สุดกับการทำงานร่วมกับคนที่เราไม่ชอบหน้า
และนี่ก็คือเคล็ดลับของการทำงานร่วมกับคนที่เราไม่ชอบ หากจะให้สรุปสั้นๆ อีกครั้งก็คือให้เรานึกถึงเป้าหมายในการทำงานเป็นหลักไว้เสมอ ไม่พูดคุยเรื่องส่วนตัว ส่วนนอกเวลางาน กับคนที่คุณไม่ชอบคุณสามารถปฏิเสธการร่วมสมาคมโดยไม่จำเป็นได้ เพราะเราสามารถเป็นเพื่อนร่วมงานได้กับทุกคน แต่ไม่สามารถเป็นเพื่อนสนิทได้กับทุกคน นั่นเอง