คนส่วนใหญ่ชอบคิดว่า ใครก็ตามที่จะประสบความสำเร็จในธุรกิจได้นั้นต้องเป็นคนที่เข้าสังคมเก่ง ออกกล้องเก่ง หาซีนเก่ง

ทั้งหมดนี้เพื่อสร้าง “คอนเน็คชั่น” ซึ่งเราก็คงได้เห็นตัวอย่าง CEO ของบางบริษัทยักษ์ใหญ่ระดับโลกหลายคนที่ทำตัวไม่ต่างกับ ซุปเปอร์สตาร์ ชอบเป็นดาราหน้ากล้อง พรีเซนต์สินค้าด้วยตัวเอง ปั่นกระแส สร้างกระแสเก่ง เรานิยามคนประเภทนี้ว่า Extrovert

แต่อย่างไรก็ตาม เพื่อนๆ จะต้องไม่เชื่อแน่ๆ หากเราจะบอกว่าผู้บริหารที่มีบุคลิกสุขุม พูดน้อย พิถีพิถันในการเข้าสังคมต่างหากล่ะ ที่เมื่อนับเป็นจำนวนคนแล้วมีเปอร์เซนต์ประสบความสำเร็จมากกว่าผู้บริหารแบบ Extrovert ซึ่งมันเป็นแบบนั้นได้อย่างไร ใครอยากรู้ ตามมาหาคำตอบด้วยกับเลย

นิยามของ “ชาว Introvert”

ในช่วงทศวรรษที่ 1960s นาย Carl Jung เป็นนักจิตวิทยาคนแรกของโลกที่ได้นิยามให้คนจำพวก Introvert ว่าเป็นกลุ่มคนที่ชอบใช้ชีวิตความเป็นอยู่อย่างสันโดษ เพื่อได้รับสิ่งกระตุ้นจากสังคมรอบข้างน้อยที่สุด  ดังนั้นในปัจจุบันใครก็ตามที่มีนิสัยเงียบๆ โลกส่วนตัวสูง ชอบเก็บตัว พูดน้อย ถามคำตอบคำ และเข้าร่วมงานสังคมเท่าที่จำเป็นเท่านั้น ก็สามารถพูดได้เต็มปากเลยว่า คนๆ นั้นคือมนุษย์ Introvert

กุญแจสำคัญของการประสบความสำเร็จทางธุรกิจ อยู่ที่ “การสร้างคอนเน็คชั่น”

จากนิยามของคนจำพวก Introvert ที่เพื่อนๆ ได้ทราบไปแล้วนั้น ทำให้หลายคนคิดว่าอาชีพที่เหมาะสำหรับคนกลุ่มนี้ควรจะเป็นงานที่เป็นศาสตร์ขั้นสูงต่าง ที่ต้องอาศัยการคิดวิเคราะห์ลงลึกถึงแก่นแท้ เช่น งานค้นคว้าวิจัย และงานศิลปะขั้นสูง เป็นต้น แต่ไม่เหมาะกับการทำธุรกิจ

ยกตัวอย่างเช่น Richard Brason นักธุรกิจสาย Extrovert ตัวพ่อ เจ้าของแบรนด์ดังมากมายหลายร้อยบริษัท เช่น บริษัทในเครือ Virgin ได้ออกมาเปิดเผยเคล็ดลับความสำเร็จในการทำธุรกิจของเขาว่า มันคือการ “สร้างคอนเน็คชั่น”  เขาบอกว่าจริงๆ แล้วตัวเขาเองก็ไม่ได้เก่งกาจอะไร อาศัยที่ว่ามีคอนเน็คชั่นที่ดี นำความเก่งของคนโน่นมา คนนี้มา เพื่อขับเคลื่อนธุรกิจของเขาให้ประสบความสำเร็จ ซึ่งสุดท้ายทุกคนก็ได้ประโยชน์ร่วมกัน เป็นชัยชนะแบบ Win-Win

จากเคล็ดลับที่ Richard Branson ได้เปิดเผยออกมานั้น ทำให้หลายคนเชื่อว่าทักษะการสร้างคอนเน็คชั่นแบบนี้ไม่สามารถเป็นไปได้ในมนุษย์ Introvert เพราะบางครั้งในการมีปฏิสัมพันธ์ใดๆ ทางสังคมก็ทำให้ Introvert รู้สึกอึดอัดและเหนื่อยหน่าย

การสร้างคอนเน็คชั่นในสไตล์มนุษย์ Introvert

แม้ว่ามนุษย์ Introvert ทั้งหลายจะไม่ค่อยชอบเข้าสังคม ในเวลาว่างส่วนใหญ่ของพวกเขาต้องการพักผ่อนพวกเขาก็ต้องการที่จะอยู่เงียบๆ คนเดียว ชาร์จพลังให้กับชีวิต มีเวลาได้คิดทบทวน ใคร่ครวญบางสิ่งบางอย่างที่สำคัญ ซึ่งนั่นทำให้ลักษณะของ Introvert ดูขัดกับหลักบางอย่างในการทำธุรกิจโดยเฉพาะในเรื่องการสร้างคอนเนคชั่น

แต่ก็ใช่ว่าจะเป็นเช่นนั้นเสมอไป เพราะชาว Introvert ที่เป็นผู้บริหารระดับสูงมักจะวางตัวในสังคมได้ดีเยี่ยม เรียกได้ว่าเนี๊ยบทุกกระเบียดนิ้ว สร้างบารมี ความเกรงใจ และน่าเกรงขามให้แก่ผู้พบเห็น ส่วนในเรื่องการจะพบปะ เจรจา พูดคุย เพื่อสร้างคอนเน็คชั่นทางธุรกิจกับใคร ชาว Introvert จะมีความพิถีพิถันในเรื่องนี้มาก และจำเป็นจะต้องมีการนัดล่วงหน้าทุกครั้งเพื่อให้พวกเขาได้เตรียมตัว โดยที่พวกเขาจะไม่รับนัดใคร หากคิดว่าการพบปะนั้นไม่มีคุณค่า

และข้อมูลที่จะต้องทำให้หลายคนประหลาดใจก็คือ จากการสำรวจและรวบรวมข้อมูล CEO กว่า 2,000 คน ของ  CEO Genome Project พบว่าส่วนมากแล้ว CEO ที่ประสบความสำเร็จเป็นชาว Introvert ซะด้วย

ข้อดีของสไตล์ Introvert ต่อโลกของการค้าและธุรกิจ

แม้ว่า Extrovert ทั้งหลายจะเข้าสังคมเก่ง แต่หลายครั้งดูเหมือนไม่จริงใจ คล้ายเป็นการแสดงของเหล่าซุปเปอร์สตาร์ ตรงกันข้ามกับ Introvert ที่เวลาสนทนา พูดคุยกับใคร พวกเขาจะเป็นผู้ฟังที่ดี ใส่ใจทุกรายละเอียดของผู้พูด มีมารยาทสูง ไม่พูดแทรกขัดจังหวะ และสามารถตอบทุกข้อซักถามได้อย่างชัดเจนตรงประเด็น ซึ่งทักษะตรงนี้สร้างความประทับใจในการเจรจาทางธุรกิจได้ดีเยี่ยม ทำให้คนที่มาเจรจาด้วยจะรู้สึกว่าได้รับเกียรติอย่างจริงใจ  

การสร้างคอนเนคชั่นหรือผูกมิตรกับใครก็ตามไม่ว่าจะเป็นคู่ค้าทางธุรกิจหรือลูกค้าก็ตาม การเป็นผู้ฟังที่ดีย่อมทำให้เราสามารถสร้างคอนเนคชั่นที่แข็งแกร่งได้ไม่ยาก และการเป็นผู้ฟังที่ดีนั้นคือคุณสมบัติหลักของชาว Introvert ก็ว่าได้

ในโลกของธุรกิจ และการค้านั้นสินค้าเราอาจไม่ได้สร้างความประทับใจเสมอไป เพราะบางชิ้นก็มีข้อผิดพลาดจากกระบวนการผลิต ดังนั้นในกรณีที่สินค้าและบริการของเราถูกลูกค้าต่อว่า การตั้งใจฟังเพื่อรับรู้ปัญหาอย่างจริงใจ ก็สามารถทำให้ลูกค้าทุเลาความเกรี้ยวกราดลงได้แล้ว และยิ่งได้รับการแก้ไขปัญหาอย่างใส่ใจ ตรงไปตรงมา และรวดเร็ว ย่อมสร้างความประทับใจได้ไม่ยาก ซึ่งเรื่องนี้ชาว Introvert ก็ทำได้ดีเช่นกัน

และประการสุดท้ายการฟังนั้นทำให้เรารับรู้ข้อมูลข่าวสารต่างๆ มากขึ้นด้วย ดังนั้นข้อได้เปรียบของชาว Introvert  จึงอยู่ที่การพูดน้อยโดยเปลี่ยนการพูดนั้นเป็นการรับฟังแทน  และนั่นทำให้การรับรู้เรื่องราวต่างๆ ของชาว Introvert มีความชัดเจนสามารถนำมาสังเกตและวิเคราะห์สถานการณ์ที่รายล้อมตัวของเขาได้อย่างมีประสิทธิภาพ ครอบคลุมทุกมิติ  

และนี่ก็คือลักษณะของชาว Introvert ที่เราอยากนำเสนอให้เพื่อนๆ ได้รู้จักในครั้งนี้ ก็หวังว่าจะ มีเป็นประโยชน์สำหรับทุกคน โดยเฉพาะใครที่รู้ตัวว่าตัวเป็นชาว Introvert ที่ก่อนหน้านี้คิดว่าตัวเองไม่เหมาะกับการทำธุรกิจ เมื่อได้อ่านบทความนี้จบไป ก็ควรที่จะเปลี่ยนความคิดได้แล้วนะครับ เพราะธุรกิจนั้นไม่ว่าจะเป็นชาว Extrovert หรือ Introvert ก็ทำได้ หากรู้จักนำข้อดีของแต่ละสไตล์มาปรับใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด