Omotenashi ปรัชญาแนวคิดที่ทำให้ญี่ปุ่นกลายเป็นมหาอำนาจด้านนวัตกรรม ผลิตสินค้าตราตรึงใจคนทั้งโลก - The Macho
 
Roral Enfield - Hunter 350
728x150 - Nissan Almera
728x150 - Hunter4
Omotenashi ปรัชญาแนวคิดที่ทำให้ญี่ปุ่นกลายเป็นมหาอำนาจด้านนวัตกรรม ผลิตสินค้าตราตรึงใจคนทั้งโลก

ญี่ปุ่นเป็นประเทศที่มีขนาดความใหญ่ของเศรษฐกิจและอุตสาหกรรมชั้นนำของโลกซึ่งทุกคนคงทราบความจริงข้อนี้ดีอยู่แล้ว

ไม่ว่าจะเป็นอุตสาหกรรมยานยนต์ พลังงาน อิเล็กทรอนิกส์ และอุตสาหกรรมหนัก จากประเทศญี่ปุ่นนั้นไม่เป็นสองรองใคร การันตีด้วยสินค้าคุณภาพมากมาย หลากหลายแบรนด์

สิ่งสำคัญที่ทำให้ชาวญี่ปุ่นประสบความสำเร็จในการส่งมอบสินค้าและบริการให้กับลูกค้าจนได้รับความยอมรับ สร้างความประทับใจให้คนทั้งโลกได้นั้น นอกจากจะเป็นเพราะเทคโนโลยีอันล้ำสมัยแล้ว สิ่งสำคัญที่อยู่เบื้องหลังความสำเร็จเหล่านี้เลยก็คือปรัชญาที่เรียกว่า โอโมเตะนาชิ (Omotenashi) ซึ่งหล่อหลอมชาวญี่ปุ่นตั้งแต่วัยเยาว์ให้เป็นคนละเอียด รอบคอบ ใส่ใจสิ่งเล็กๆ น้อยๆ ทุกรายละเอียดโดยไม่มองข้าม ปรัชญานี้เมื่อถูกนำไปใส่ไว้ในสินค้าและบริการ ย่อมสร้างความประทับใจแก่ผู้บริโภค จนยากใครจะเลียนแบบได้ โอโมเตะนาชิจึงถือเป็นกุญแจแห่งความสำเร็จในการดำเนินธุรกิจของคนญี่ปุ่นที่น่าเรียนรู้ ดังนั้นในครั้งนี้เราจะพาเพื่อนๆ มาทำความรู้จักหลักปรัชญานี้กันให้มากขึ้น

ความเป็นมาของปรัชญา Omotenashi

Omotenashi นั้นเป็นปรัชญาที่มีจุดเริ่มต้นจาก “พิธีชงชา” อันเป็นวัฒนธรรมอันเก่าแก่ของชาวญี่ปุ่นมาอย่างช้านาน ซึ่งในพิธีชงชานั้น ผู้ชงจะทำอย่างพิถีพิถัน ใส่ใจทุกรายละเอียดเริ่มตั้งแต่ขั้นตอนการเก็บและคัดสรรค์ใบชาเลยทีเดียว จุดเด่นของพิธีการชงชาอยู่ที่การชงต่อหน้าผู้ชมทุกคน พร้อมเปิดเผยทุกขั้นตอนให้เห็นโดยละเอียด จึงเป็นกรรมวิธีที่โปร่งใส สะอาดสะอ้าน มีความพิถีพิถันใส่ใจทุกรายละเอียด สร้างความฟินให้กับผู้ชมตั้งแต่ตอนดู

และในสมัยก่อนทุกบ้านของชาวญี่ปุ่นหากมีแขกคนสำคัญมาเยือน พวกเขาจะต้อนรับแขกด้วยพิธีการชงชานี่แหละ ซึ่งการใส่ใจทุกรายละเอียดในพิธีชงชา ส่งมอบความประทับใจในการต้อนรับผ่านชาร้อนๆ แต่ละแก้วนี้ ในเวลาต่อมาก็ได้กลายเป็นปรัชญา Omotenashi ที่หล่อหลอมให้ชาวญี่ปุ่นให้ทำธุรกิจส่งมอบสินค้าและบริการเพื่อมอบสิ่งที่ดีที่สุดแก่ลูกค้า เปรียบเสมือนการส่งมอบความประทับใจให้กับแขกผู้มาเยือนผ่านชาแต่ละแก้วในพิธีชงชาสุดคลาสสิกนี้ 

ปรัชญา Omotenashi อยู่เบื้องหลังความสำเร็จของสินค้าแบรนด์ดังสัญชาติญี่ปุ่น

แบรนด์สินค้าจากประเทศญี่ปุ่นทุกวันนี้ล้วนแล้วแต่ประสบความสำเร็จ แม้ว่าจะเป็นสินค้าประเภทที่ใช้เทคโนโลยีสูงก็ตาม เช่น รถยนต์ เกมส์ เครื่องใช้ไฟฟ้า อิเล็กทรอนิกส์ และอุสาหกรรมหนักอย่าง จรวด รถไฟ รวมถึงสินค้าแฟชั่น และบริการต่างๆ อีกด้วย โดยสินค้าและบริการทั้งหมดนี้นอกจากจะถูกจัดทำขึ้นโดยใส่ใจทุกรายละเอียดในกระบวนผลิต ด้วยวัตถุดิบที่ได้มาตรฐาน ทนทาน ไว้ใจได้เสมอแล้ว ยังมาพร้อมดีไซน์ที่สวยงาม แผงไว้ซึ่งความดีงามของวัฒนธรรมญี่ปุ่น

ยกตัวอย่างเช่น รถยนต์ Lexus รถยนต์หรูเทียบชั้นยานยนต์ยุโรปแต่เป็นของบริษัท Toyota ค่ายยานยนต์ยักษ์ใหญ่แดนอาทิตย์อุทัยนั้น ได้ออกมาเปิดเผยโดยตรงว่าทางค่ายได้นำปรัชญา Omotenashi มาใช้กับรถยนต์ทุกคนที่ปล่อยออกสู่ตลาด

เห็นได้จากการออกแบบรถยนต์แต่ละรุ่น ชิ้นส่วนแต่ละชิ้นนั้น ทีมวิศวกรจะต้องลงพื้นที่สำรวจตลาดก่อนว่าในแต่ละประเทศมีความต้องการรถยนต์แบบไหน ภูมิอากาศ สภาพการจราจร พฤติกรรมการขับขี่ และสรีรศาสตร์ของผู้คนที่นั่นเป็นอย่างไรแล้วจึงนำรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ เหล่านี้มาเป็นข้อมูลสำหรับใช้ออกแบบ

ซึ่งนั่นจึงทำให้รถยนต์ Lexus ทุกคันนอกจากจะมีเทคโนโลยีสุดยอดได้มาตรฐานตามแบบฉบับของญี่ปุ่นแล้ว การตกแต่งทั้งภายนอกและภายในยังทำได้อย่างละเอียด สวยงามน่าทึ่งอย่างไม่ต้องสงสัย เช่น แผงประตูที่ถูกตกแต่งด้วยผ้าพับจีบ (Origami) ที่ทำด้วยมือ และถือเป็นงานศิลปะชั้นสูงของคนญี่ปุ่น โดยทางค่ายเชื่อว่า เจ้าของรถคู่ควรที่จะได้รับการต้อนรับอย่างดีเป็นพิเศษจากทางค่ายรถ ผ่านตัวรถคุณภาพดี สร้างขึ้นอย่างพิถีพิถันในทุกรายละเอียด เพื่อให้คุณได้สัมผัสการต้อนรับอย่างอบอุ่นจากรถยนต์ Lexus ทุกคัน เช่นเดียวกับการได้รักการต้อนรับอย่างสุดวิเศษในพิธีชงชา  

การต้อนรับอย่างอบอุ่นด้วยปรัชญา Omotenashi ในปัจจุบัน

แม้ว่ายุคสมัยจะเปลี่ยนไป แต่ชาวญี่ปุ่นสามารถนำเอาปรัชญาโอโมเตะนาชิมาปรับใช้ให้เข้ากับยุคสมัยใหม่ได้อย่างลงตัว นอกจากจะส่งมอบผ่านสินค้าแล้ว ในการบริการ และการต้อนรับของบริษัทสัญชาติญี่ปุ่น ทุกคนสามารถสัมผัสได้ซึ่งปรัชญาโอโมเตะนาชิ  ยกตัวอย่างเช่น โรงแรม The Ritz-Carlton โรงแรมสัญชาติอเมริกัน ที่นำแนวคิด Omotenashi ไปปรับใช้ในการให้บริการ ซึ่งพบว่าเป็นโรงแรมที่ให้บริการได้ดีเยี่ยมในระดับพรีเมียม เริ่มตั้งแต่ลูกค้าเดินทางไปถึงแล้วลงจากแท็กซี่ พนักงานจะมาเปิดประตู พร้อมเอามือกันไว้ด้านบนของขอบประตู เพื่อป้องกันไม่ให้ลูกค้าหัวชนกับขอบประตู ตอนก้าวออกมาจากรถ นอกจากนี้ในบริการซักอบรีดของโรงแรม หากทางโรงแรมพบว่ากระดุมหรือตะเข็บของลูกค้าใกล้หลุด ก็จะช่วยเย็บและเก็บให้เรียบร้อยก่อนส่งคืนลูกค้าทันที เป็นบริการดีๆ จากใจ

ไม่เพียงเท่านั้น Omotenashi ยังถูกนำมาใช้เป็นคำขวัญในสำหรับการเตรียมเปิดประเทศเพื่อต้อนรับแขกผู้มาเยือนจากทั่วโลกในมหกรรมกีฬา Tokyo 2020 Olympic Games ซึ่งทำให้ชาวโลกได้รู้จักปรัชญานี้กันมาขึ้น แต่ก็เป็นที่น่าเสียดายที่โอลิมปิกครั้งนี้ถูกเลื่อนมาจัดในปี 2021 เนื่องจากวิกฤติการณ์โควิด 19

 และนี่ก็คือปรัชญา Omotenashi ที่เราอยากแนะนำให้เพื่อนๆ ได้รู้จักในครั้งนี้ จะเห็นได้ว่าปรัชญานี้คือหัวใจของการส่งมอบความประทับใจของชาวญี่ปุ่นโดยแท้ เพราะปรัชญานี้ได้เริ่มต้นมาจากพิธีชงชา อันเป็นพิธีกรรมอันเก่าแก่มีมนต์ขลังที่ได้หล่อหลอมจิตวิญญาณของความเป็นญี่ปุ่นมาอย่างช้านาน ซึ่งปัจจุบันได้ถูกนำมาส่งผ่านสินค้าและบริการทุกชนิดของคนญี่ปุ่น เมื่ออ่านจบแล้ว ใครอยากลองนำปรัชญานี้ไปใช้กับสินค้าและบริการของคุณเองก็ลองกันได้เลย รับรองว่าทำแล้วดี เพราะมันจะส่งเสริมให้สินค้าและบริการของคุณมีความเป็นพรีเมียม มีเอกลักษณ์เป็นของตัวเองยากที่จะเลียนแบบได้

ที่มา 1 | 2

Sujate Wanchat

What one man calls God, another calls the laws of physics.

วิศวกร นักท่องเที่ยว บล็อกเกอร์ นักเขียนบทความ ชอบติดตามโลกเทคโนโลยีที่ก้าวหน้าล้ำสมัย เรื่องราวการท่องเที่ยวผจญภัย มนุษย์ต่างดาว และสาวๆ เซ็กซี่

บทความที่เกี่ยวข้อง

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

Allow All
Manage Consent Preferences
  • Always Active

Save