ในยุคโซเชียลที่ข้อมูลส่วนตัว รูปภาพ หรือคลิปลับหลุดกันทั้งแบบตั้งใจและไม่ตั้งใจ ซึ่งอาจจะเป็นคุณหรือคนข้างตัวเจอผู้ไม่หวังดีเอาข้อมูลเหล่านี้ไปหาผลประโยชน์ วันนี้ถ้าเหตุการณ์พวกนี้ยังไม่เกิดกับคุณก็ถือว่าโชคดี แต่พฤติกรรมบางอย่างของคุณอาจจะทำให้มันเกิดขึ้นได้ในอนาคต ดังนั้น The Macho ขอพาคุณไปเตรียมพร้อมกับวิธีแก้ไข และป้องกันตัวจากสิ่งเหล่านี้กันดีกว่า

ไม่ว่าคุณจะใช้สื่อโซเชียลมีเดียแบบเอาแอคเค้าท์ปลอมเพื่อเข้าไปเล่นกับด้านมืด หรือการอัพไฟล์ข้อมูลต่างๆ ในโทรศัพท์ของคุณขึ้นไปเก็บไว้บน Cloud ก็อาจจะมีเหตุให้โดนสืบ หรือเจาะเข้าไปได้จากแฮคเกอร์ ซึ่งพวกนี้สามารถสืบหาข้อมูลเหยื่อได้โดยการเลือกเหยื่อที่ไม่รอบคอบลงข้อมูลส่วนตัว อัพเดทชีวิตส่วนตัว หรือเช็คอินสถานที่ต่างๆ ที่ทำให้สามารถเดาตัวตนได้ เมื่อคนที่ไม่หวังดีกับคุณ สามารถได้ข้อมูลลับบางอย่างที่คุณไม่อยากเปิดเผยต่อสาธารณะไป แล้วพยายามใช้สิ่งนั้นมาข่มขู่

ขั้นแรกคือ จงตั้งสติ และอย่าแสดงอาการกลัว

เพราะคุณจะตกเป็นเหยื่อของมันในทันที พวกนี้มักจะเอาข้อมูลนั้นที่คุณยังไม่รู้ว่ามันมีอยู่จริงมากน้อยแค่ไหนมาต่อรองข่มขู่อาจจะเป็นเงิน หรือให้ถ่ายคลิป หรือรูปโป๊ของคุณให้มันเพิ่ม หรือนัดเจอ อะไรต่างๆ ที่มันต้องการ แต่ถ้าคุณยอมให้สิ่งที่มันต้องการไป 1 ครั้ง มันมักจะมีครั้งต่อไปตามมาเสมอ และอาจจะมากขึ้นกว่าเดิม

หลีกเลี่ยงการพิมพ์ตอบแชท หรือพูดคุยใดๆ กับคนที่เข้ามาข่มขู่กับคุณ เพราะยิ่งพิมพ์อาจจะยิ่งพลาดให้ข้อมูลในสิ่งที่มันต้องการเพิ่มมากขึ้น

ขั้นที่สอง พยายามคิดว่าเราเปิดช่องให้คนเหล่านี้ได้ข้อมูลที่นำมาข่มขู่เรามาจากช่องทางไหน

รีบแก้ไขแล้วปิดช่องทางนั้นก่อน ควรตั้ง Private ทุกช่องทางโซเชียลมีเดียทั้งหมดของคุณ เพื่อป้องกันไม่ให้ปัญหานั้นใหญ่โตขึ้น คุณจะได้มีเวลาคิดทบทวนด้วยว่ามีช่องทางไหนที่คุณเปิดช่องให้คนพวกนี้เข้ามาถึงข้อมูลส่วนตัวของคุณด้วย

วิธีการป้องกันตัวจากพวกที่หาเหยื่อเพื่อ Blackmail

อย่าลงรูปที่สามารถเทียบว่าเป็นตัวคุณในโซเชียลมีเดียต่างๆ

แต่ละคนย่อมมีตำหนิเฉพาะของตัวเอง เช่น ไฝ ขี้แมลงวัน ไปจนถึงเครื่องประดับต่างๆ ซึ่งต่อให้คุณปิดหน้าตา ก็ยังชี้ไปที่ตัวคุณได้ถ้าถ่ายรูปนั้นในห้องนอน ห้องน้ำ หรือสถานที่ส่วนตัว

ไม่อัพเดทชีวิตลงในโซเชียลมีเดียมากเกินไป

หรือบางคนที่ชอบฟังชั่นอย่างการ Live ใน Facebook ที่บางครั้งเล่าว่าจะไปทำอะไรในวันไหนซึ่งมันสามารถพาคนไม่หวังดีพวกนี้ไปหาคุณถึงที่ได้ หรือการเข้าไปอยู่ใน LINE กลุ่มที่เราไม่รู้ว่าข้างในเป็นใครบ้างก็อาจจะเปิดเผยตัวตนของคุณได้เช่นกัน

ข้อมูลเพิ่มเติม : Netidol ชื่อดังหลายคนยังใช้วิธีการถ่ายรูปแล้วอัพขึ้นโซเชียลมีเดียเมื่อตัวเองออกมาจากสถานที่นั้นเลย คุณก็ควรเอาวิธีนี้ไปใช้นะต้องอยากจะอัพเดทชีวิตอวดใครจริงๆ

Blackmail ส่วนใหญ่จะข่มขู่ว่าจะส่งภาพ หรือข้อมูลไปให้พ่อแม่ หรือเพื่อนคุณ เพื่อให้คุณอับอายแต่มักจะไม่ทำจริง

ขอให้จำไว้ว่าส่วนใหญ่แล้วพวกนี้มักจะไม่ทำจริง เพราะถ้าทำแล้วเท่ากับว่าเขาจะไม่ได้อะไรจากคุณอีกเลย และยิ่งกลายเป็นการเปิดเผยตัวตนของตัวคนทำให้สามารถไล่สืบได้ต่อ

กรณีที่มีคน Blackmail เราโดยการเรียกร้องเงิน

ไม่ว่าจะเป็นการโอนผ่านบัญชีธนาคาร ,True wallet หรืออื่นๆ นี่จะเป็นช่องทางในการตามหาตัวมันได้ หรือถ้าคุณมีเบอร์โทรศัพท์ที่ใช้โทรมาข่มขู่ยิ่งง่ายเข้าไปใหญ่ เพราะสมัยนี้การจะเปิดเบอร์โทรศัพท์จำเป็นต้องมีการยืนยันตัวเองกับค่ายผู้ให้บริการเครือข่าย เพียงแค่คุณไปที่ชอปโทรศัพท์มือถือลองเติมเงินเข้าเบอร์นั้นผ่านตู้เติมเงินอัตโนมัติคุณจะได้ชื่อเจ้าของออกมาทันที

หลังจากนั้นนำข้อมูลเหล่านี้ไปแจ้งกับตำรวจ พาผู้ใหญ่ไปด้วยถ้าคุณยังเรียนอยู่ ซึ่งตำรวจจะไม่ใช่แค่ลงบันทึกประจำวันให้เท่านั้น ยังสามารถออกหนังสือให้เราไปธนาคาร หรือบริษัทเจ้าของ e-wallet เพื่อขอดูข้อมูลเจ้าของบัญชีที่จะให้เราโอนเงินเข้าไปได้ ไม่ว่านั่นจะเป็นบัญชีจริงหรือไม่ ตำรวจก็จะสามารถออกหมายเรียกเจ้าของบัญชีมาพบได้ หรือถ้าไม่มาก็ออกหมายจับได้เช่นกัน และถ้าบัญชีพวกนี้ไม่ใช่ตัวจริง ก็ยังสามารถเช็คต่อได้ว่าเส้นทางการเงินนั้นไปทางไหนต่อ หรือกดเงินผ่าน ATM ที่ไหนก็จะมีข้อมูลทั้งหมด

เมื่อเกิดเหตุการแบบนี้คุณควรเล่าความจริงให้กับคนใกล้ชิดเช่น พ่อแม่ หรือพี่น้องฟัง อย่างน้อยคุณก็จะไม่ต้องเจอปัญหานี้คนเดียว และมีคนที่ร่วมแก้ปัญหาเคียงข้างคุณ

หากคุณอยากรู้ว่าคุณมีตัวตนใน Internet เยอะแค่ไหน ลองพิมพ์ชื่อ-นามสกุล ของคุณลงใน Google ดู ถ้าเจอทั้งรูป และประวัติแล้วก็คุณยิ่งควรระวังตัวให้มากขึ้น

ที่มา – Twitter