การนอนหลับที่ดีในแต่ละคืนเป็นสิ่งสำคัญที่ทุกคนควรได้รับ โดยทางการแพทย์แนะนำว่าเพื่อสุขภาพที่ดีในแต่ละคืนคนเราควรมีเวลานอนหลับพักผ่อน 6-8 ชั่วโมง
และในช่วงที่นอนหลับนี้จะต้องมีช่วงที่หลับลึกไม่น้อยกว่า 4 ชั่วโมงถึงจะเรียกได้ว่ามี คุณภาพการนอนหลับที่ดี แต่กลับกลายเป็นว่าคนทุกวันนี้น้อยคนนักจะที่จะมี คุณภาพการนอนหลับที่ดี ได้อย่างสม่ำเสมอเป็นประจำทุกวัน ที่เป็นเช่นนั้นก็มีผลมาจากหลายปัจจัย แต่ปัจจัยหนึ่งที่ส่งผลมาก และหลายคนอาจไม่เคยทราบมาก่อนก็คือ การเล่นมือถือมากเกินไป ที่ส่งผลให้เรานอนหลับยากอย่างที่คุณไม่เคยคาดคิดมาก่อน มันเป็นเช่นนั้นได้อย่างไร มาติดตามกันเลย
ปัญหาการนอนหลับส่งผลต่อชีวิตของเราอย่างไร
จากการสำรวจล่าสุดพบว่ามีคนในอเมริกามากกว่า 75% ที่มีปัญหาการนอนหลับ ส่วนในไทยก็มีไม่น้อยเช่นกัน พบว่าคนไทย 45% มีปัญหาหลับยาก และผู้คนทั่วโลกจำนวนมากมายมหาศาลที่ประสบปัญหาเช่นเดียวกันนี้
ไม่ว่าใครก็ตามที่ประสบปัญหาการนอนหลับเรื้อรังเป็นเวลานานติดต่อกันหลายวัน ย่อมส่งผลกระทบต่อการทำงาน และการใช้ชีวิตประจำวันเป็นอย่างยิ่ง นอกจากนี้ยังจะมีปัญหาสุขภาพอื่นๆ ตามมาอีกมากมาย การนอนที่มีปัญหาจะทำให้ร่างกายได้รับการพักผ่อนไม่เต็มที่ สมดุลต่างๆ ในร่างกายจะเพี้ยนไป ระบบอวัยวะภายใจจะเริ่มทำงานผิดปกติ ภูมิคุ้มกันในร่างกายก็ต่ำลง ส่งผลให้ติดโรคติดต่อได้ง่ายขึ้นอีกด้วย
สมาร์ทโฟน คือตัวปัญหาสำคัญที่ทำให้คนสมัยนี้มีปัญหาการนอนหลับ
ผู้ประสบปัญหาการนอนหลับหลายคนเผยว่า ก่อนนอนไม่ได้คิดถึงใคร แล้วก็ไม่มีเรื่องอะไรให้กังวลด้วย แต่พอหัวติดหมอนตาก็ยังสว่างโพรงอยู่เลย แต่ก็ไม่รู้จะทำยังไง ได้แค่นอนพลิกตัวไปมา เผลอแป๊บเดียวก็เช้าแล้ว ต้องรีบลุกไปทำงานทั้งที่นอนไม่หลับซะอย่างงั้น
ทุกคนที่มีประสบการณ์เช่นนั้นในคืนก่อนหน้า ต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า “วันทำงานวันนี้เป็นวันที่แย่มาก สมองตื้อ เบลอไปหมด คิดช้า ทำช้า ไม่มีไอเดียสร้างสรรค์ใดๆ เป็นอะไรที่แย่จริงๆ” และไม่มีใครต้องการพบกับประสบการณ์เช่นนี้แน่นอน
ใครที่ไม่อยากเจอกับปัญหานอนไม่หลับอีกแล้วต้องฟังทางนี้ บางทีคุณอาจไม่เชื่อก็ได้ว่าสาเหตุสำคัญที่ทำให้คุณนอนไม่หลับอาจมาจากอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ที่อยู่ใกล้ตัวคุณที่สุดก่อนนอนก็เป็นได้ ซึ่งนั่นก็คือ สมาร์ทโฟน โทรทัศน์ เครื่องเล่นเกม และคอมพิวเตอร์ ที่คุณใช้งานเกือบตลอดเวลานั่นเอง
สมาร์ทโฟน ทำให้เรามีปัญหาการนอนหลับได้อย่างไร
คุณอาจจะยังไม่ทราบมาก่อนว่า ในบรรดาอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ที่มีหน้าจอทั้งหลายนั้นปล่อยแสงสีฟ้า ซึ่ง “แสงสีฟ้า” นี่แหละคือตัวการสำคัญที่ทำให้เรานอนไม่หลับ
จากการศึกษาวิจัยทางการแพทย์ในยุคใหม่ก็เป็นที่ประจักษ์ชัดแล้วว่า แสงสีฟ้าที่ร่างกายได้รับผ่านดวงตานั้นส่งผลยับยั้ง และบิดเบือนการสร้างเมลาโทนินของร่างกาย ซึ่ง “เมลาโทนิน” นั้นเป็นฮอร์โมนสำคัญที่ร่างกายเราจะปล่อยออกมาเพื่อสั่งการให้เรารู้สึกง่วงนอน และมันก็เกี่ยวข้องสัมพันธ์กับ Bio Clock หรือ วัฏจักรการนอนของร่างกายเราโดยตรง
นอกจากแสงสีฟ้าแล้ว การที่เรายังเชื่อมต่อกับงาน หรือเชื่อมต่อกับโลกอินเตอร์เน็ตอย่างไม่ยอมปล่อยวางซักทีแม้รู้ตัวว่าใกล้จะเข้านอนนั้น ย่อมทำให้สมองเราตื่นตัว และเข้าใจว่าเรายังคงต้องทำงานต่อไป สมองจึงตอบสนองเราด้วยการที่มันจะพยายามตื่นตัวตลอดเวลา ทำให้เราไม่ยอมง่วงซักที
ทั้ง แสงสีฟ้า รวมถึงเนื้อหา คอนเทนต์ต่างๆ ที่อยู่ในอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ ไม่ว่าจะเป็น สมาร์ทโฟน คอมพิวเตอร์ โทรทัศน์ และเกมส์ ล้วนแล้วแต่เป็นปัจจัยที่ทำให้เรานอนไม่หลับ ดังนั้นแพทย์ผู้เชี่ยวชาญจึงแนะนำว่าก่อนนอนอย่างน้อย 1-2 ชั่วโมง ควรจะ Unplug ตัวเราออกจากอุปกรณ์เหล่านี้ ซึ่งนั่นจะช่วยให้เรานอนหลับได้ง่ายขึ้น
สถิติต่างๆ ที่น่าสนใจที่สำรวจในอเมริกา เกี่ยวกับอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ที่ส่งผลต่อปัญหาการนอนหลับ
มือถือ
- 65% หลับในขณะมีมือถืออยู่ข้างกาย
- 22% หลับในขณะเปิดระบบเตือนด้วยเสียง
- 10% ตื่นกลางดึกเพราะมือถือ
คอมพิวเตอร์
- 61% ของชาวสหรัฐฯใช้แลปท็อปในชั่วโมงก่อนนอน
- 50% ของคนเหล่านี้นอนหลับไม่ค่อยสนิท
โทรทัศน์
- 84% ของชาวสหรัฐฯมักรับชมโทรทัศน์ก่อนนอน
- 19% เล่นวิดิโอเกมผ่านหน้าจอโทรทัศน์ก่อนนอน
- 50% ของคนเหล่านี้มีปัญหาการนอนหลับ
อัตราการใช้งานอุปกรณ์เทคโนโลยีก่อนนอน
- Gen Z – 56%
- Gen X – 22%
- วัยรุ่น (13-18) – 61%
- ผู้ใหญ่ตอนต้น (19-29) – 23%
และนี่ก็คือผลจากอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ที่มีอิทธิพลอย่างยิ่งกับปัญหาการนอนหลับที่เราอยากแจ้งให้เพื่อนๆ ได้ทราบในครั้งนี้ ก็หวังว่าจะเป็นประโยชน์กันทุกคน สำหรับใครที่ไม่เคยทราบเรื่องนี้มาก่อน เมื่อได้ทราบแล้วก็ควรหาทางป้องกัน ซึ่งจะทำให้คุณมีคุณภาพการนอนหลับที่ดีขึ้น เพื่อจะได้มีสุขภาพร่างกายพลานามัยที่สมบูรณ์แข็งแรงตลอดไป