Vagabund V13 มอเตอร์ไซค์คัสตอมเหมือนใหม่ ได้รับการอัพเกรดจากต้นแบบที่มีอายุกว่า 30 ปี ด้วยเทคนิค 3D Print - The Macho
 
Roral Enfield - Hunter 350
728x150 - Nissan Almera
728x150 - Hunter4
Vagabund V13 มอเตอร์ไซค์คัสตอมเหมือนใหม่ ได้รับการอัพเกรดจากต้นแบบที่มีอายุกว่า 30 ปี ด้วยเทคนิค 3D Print

มอเตอร์ไซค์เก่ารุ่นคลาสสิกหลายรุ่นในปัจจุบันถือเป็นของสะสมหายาก หากรถมอเตอร์ไซค์คลาสสิกเหล่านี้อยู่ในสภาพที่ดี สามารถขับขี่ได้ตามปกติแล้วล่ะก็ ยิ่งนานวันราคายิ่งเพิ่มสูงขึ้นตามคุณสมบัติของ “แรร์ไอเท็ม” เป๊ะเลย

อย่างไรก็ตามปัญหาที่มักตามมาพร้อมกับความเก่าเสมอก็คือความผุพัง ใช้การไม่ได้ ซึ่งนั่นทำให้นักสะสมมอเตอร์ไซค์เก่าทั้งหลายจำเป็นจะต้องมีทักษะในการบูรณะซ่อมแซม รวมถึงการคัสตอมให้รถกลับมากเหมือนใหม่ สภาพดี และมีความน่าสนใจมากขึ้น ดังเช่นมอเตอร์ไซค์ Vagabund V13 ที่เราจะพาเพื่อนๆ มารู้จักในครั้งนี้ นี่คือมอเตอร์ไซค์เก่าที่มีอายุเก่าแก่เกือบ 30 ปี แล้ว แต่ได้ถูกบูรณะซ่อมแซมให้กลับมาเหมือนใหม่ด้วยเทคโนโลยี 3D Print ทั้งคัน ซึ่งผลงานที่ได้จะออกมาเป็นอย่างไร ใครอยากรู้ ตามมาดูกันเลย

ที่มาที่ไปของมอเตอร์ไซค์ Vagabund V13

Vagabund V13 เป็นชื่อโปรเจ็คหนึ่งของสตูดิโอ Vagabund ซึ่งเป็นบริษัทออกแบบชื่อดังในประเทศออสเตรีย โดยโปรเจ็คนี้ได้นำรถ Honda NX 650 Dominator มอเตอร์ไซค์วิบากที่ผลิตขึ้นในปี ค.ศ. 1991 มาอัพเกรดและคัสตอมใหม่ทั้งคัน สำหรับดีไซน์เนอร์ผู้ออกแบบของโปรเจ็คนี้ก็คือคุณ Stefan Leitner ได้ทำการออกแบบมอเตอร์ไซค์ Vagabund V13 ภายใต้คอนเซ็ปต์ “มอเตอร์ไซค์วิบากออฟโรดสุดคลาสสิก เรียบง่าย ใช้งานได้จริง และถูกกฎหมาย” ซึ่งแน่นอนว่ามอเตอร์ไซค์ Vagabund V13 คันนี้สามารถโลดแล่นบนท้องถนนในประเทศออสเตรียได้โดยไม่ถูกตำรวจเรียก

จุดเด่นของโปรเจ็ค Vagabund V13 ก็คือการนำรถมอเตอร์ไซค์ต้นแบบอย่าง Honda NX 650 Dominator ซึ่งมีอายุเกือบ 30 ปี มาอัพเกรดใหม่ทั้งคันด้วยเครื่องปริ๊น 3 มิติ โดยใช้เวลาในการคัสตอมนานกว่า 2 ปีเลยทีเดียว กว่าจะได้มอเตอร์ไซค์ที่มีสภาพสมบูรณ์พร้อมใช้งานคันนี้

รูปที่ 6

ข้อมูลที่น่าสนใจเกี่ยวกับมอเตอร์ไซค์ Vagabund V13

สำหรับมอเตอร์ไซค์ Honda NX 650 Dominator ซึ่งเป็นตัวต้นแบบที่ใช้ในการดัดแปลงนั้นเป็นมอเตอร์ไซค์ประเภท Dual Sport  เครื่องยนต์ 644 cc ลูกสูบเดี่ยว 4 จังหวะ ให้กำลังสูงสุด 44 แรงม้าที่ 6,000 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 53 นิวตันเมตร ที่ 5,000 รอบต่อนาที จับคู่กับเกียร์แมนนวล 5 สปีด ส่งกำลังด้วยโซ่ ใช้ระบบสตาร์ทด้วยไฟฟ้า  เบรกล้อหน้าเป็นดิสก์เบรก ส่วนเบรกล้อหลังเป็นดรัมเบรก ระยะฐานล้อ 143.5 เซนติเมตร ข้อมูล Dimension มีดังนี้

ความกว้าง: 89 เซนติเมตร
ความยาว: 219.5 เซนติเมตร
ความสูง 122 เซนติเมตร
น้ำหนัก 152 กิโลกรัม
ความจุถังน้ำมัน 13 ลิตร

ลืมความเก่าของรถคันเดิมไปได้เลย เพราะ Vagabund V13 ได้ถูกนำชิ้นส่วนใหม่แกะกล่องทั้งหมดที่ผลิตด้วยเทคโนโลยี 3D Print มาทดแทนของเดิมทั้งคัน แต่คงไว้ซึ่งเอกลักษณ์ของรถต้นฉบับทุกประการ ไม่ว่าจะเป็น แฮนด์บาร์  คันเร่ง  เบรกมือ  ที่ยึดป้ายทะเบียน ไฟเบรก ชุดไฟเลี้ยว  เบาะนั่งหุ้มด้วยหนัง Alcantara และถังน้ำมัน (เป็นส่วนที่สร้างยากที่สุด)   ไม่เพียงเท่านั้น Vagabund V13 ยังใช้เครื่องยนต์ใหม่ เดินสายไฟใหม่  มีการเพิ่มแร็คบรรทุกสัมภาระด้านหน้า และเพิ่มถังน้ำมันสำรองไว้ที่ด้านข้างเพื่อรองรับการเดินทางไกลสำหรับคนรักการผจญภัย

นี่ก็คือ Vagabund V13 มอเตอร์ไซค์วิบากสุดเท่ ที่ได้รับการอัพเกรดทั้งคันผ่านสุดยอดเทคโนโลยี 3D Print ทำให้เราเหมือนได้มอเตอร์ไซค์ใหม่แกะกล่อง แต่คงไว้ซึ่งความเก๋าจากยุค 90s ครบทุกประการ นี่คือพลังของเทคโนโลยี 3D Print ที่ทำให้เพื่อนได้เห็นประจักษ์ชัดด้วยตาตัวเองแล้วนะครับ ซึ่งนั่นทำให้เราเชื่อได้แน่ๆ เลยว่าในอนาคตอันใกล้นี้เทคโนโลยี 3D Print จะเข้ามามีบทบาทอย่างมากในวงการประดับยนต์

ที่มา – Businessinsider

Text – Sujate Wanchat

บทความที่เกี่ยวข้อง

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

Allow All
Manage Consent Preferences
  • Always Active

Save