Movie Review | The Lincoln Lawyer กฎหมาย ช่องโหว่ และอภิสิทธิ์ชน - The Macho
 
Roral Enfield - Hunter 350
728x150 - Nissan Almera
728x150 - Hunter4
Movie Review | The Lincoln Lawyer กฎหมาย ช่องโหว่ และอภิสิทธิ์ชน

            ในช่วงหลายวันนี้คงไม่มีข่าวไหนครึกโครมไปกว่าข่าวทายาทมหาเศรษฐีตระกูลดังถูกอัยการสั่ง “ไม่ฟ้อง” ทุกข้อกล่าวหาในคดีขับรถชนตำรวจตายก่อนจะหลบหนีหมายจับไปใช้ชีวิตอย่างสุขสบายอยู่ต่างประเทศเมื่อกว่า 7 ปีที่แล้ว  

สร้างความตกตะลึงให้สังคมไม่เพียงแค่ในประเทศไทย แต่ยังรวมไปถึงทั่วโลก  แน่นอนว่าการหลุดรอดคดีอย่างปาฏิหาริย์ในครั้งนี้ก่อให้เกิดความเคลือบแคลงสงสัยใน “กระบวนการยุติธรรม” โดยเฉพาะเมื่อผู้ถูกกล่าวหาเป็นถึงทายาทมหาเศรษฐีอันดับต้น ๆ ของประเทศและติดอันดับมหาเศรษฐีคนสำคัญของโลก  ดังนั้น เพื่อให้เข้ากระแสเรื่องความ “ยุติธรรม” เราจึงขอแนะนำภาพยนตร์เรื่อง The Lincoln Lawyer (2011)

            The Lincoln Lawyer คือ หนังแนวสืบสวนสอบสวน-ดราม่าว่าความในศาลที่สร้างจากหนังสือนิยายในชื่อเดียวกันโดยฝีมือผู้กำกับ “แบรด เฟอรแมน” (Brad Furman) ซึ่งถือเป็นผู้กำกับหน้าใหม่ที่เคยมีกำกับหนังทุนเล็ก ๆ อย่าง The Take (2009)  เหนืออื่นใด คือ หนังได้นักแสดงคุณภาพคับแก้วอย่าง “แมทธิว แม็คคอนาเฮย์” (Matthew McConaughey) มารับบทนำ ซึ่งบอกได้เลยว่าเขาคือคนแบกหนังแทบทั้งเรื่อง

ผู้กำกับ “แบรด เฟอรแมน” (เสื้อฟ้า)

          ตัวหนังบอกเล่าเรื่องราวของ “มิคกี้ ฮอลเลอร์” (แมทธิว แมคคอนนาเฮย์) ทนายความลีลาแพรวพราวจอมลื่นไหลผู้ไม่เคยรู้จักคำว่าอุดมการณ์หรือจรรยาบรรณ เขายินดีทำทุกอย่างเพื่อให้ “ลูกค้า” ของตัวเองพ้นผิดขอเพียงแค่มี “เงิน” จ้างเขาก็พอ  การหากินแบบนี้ทำให้มิคกี้ต้องหย่ากับภรรยาที่เป็นทนายเหมือนกันเพราะเธอเป็นทนายกินอุดมการณ์และรักความยุติธรรมจึงไม่สามารถทนอยู่ร่วมกับสามีที่เป็นทนายหิวเงิน  จนกระทั่งวันหนึ่ง มิคกี้ถูกครอบครัวมหาเศรษฐีจ้างด้วยเงินก้อนโตให้ว่าความให้กับ “ลูอิส ลูเล็ต” (ไรอัน ฟิลิปเป) ไฮโซเพลย์บอยที่ถูกจับข้อหาทำร้ายร่างกายโสเภณี  แรก ๆ มันก็ดูเหมือนคดีทั่วไปที่มิคกี้สามารถใช้เล่ห์เหลี่ยมและอภินิหารทางกฎหมายช่วยให้ลูกความของตัวเองพ้นผิดได้ไม่ยาก แต่ยิ่งมิคกี้ขุดคุ้ยคดีนี้ลึกลงไป เขากลับพบว่าลูอิสเกี่ยวข้องกับคดีฆ่าคนตายก่อนหน้านี้ที่มิคกี้เคยส่งอดีตลูกความผู้บริสุทธิ์ของตัวเองเข้าคุกมาแล้ว  ความรู้สึกผิดและความละอายใจทำให้มิคกี้จึงต้องเลือกระหว่าง “ความยุติธรรม” ที่เขาไม่เคยสนใจกับ “เงิน” ที่เขาบูชามาตลอดชีวิต

“มิคกี้ ฮอลเลอร์” (แมทธิว แมคคอนนาเฮย์) และ “ลูอิส ลูเล็ต” (ไรอัน ฟิลิปเป)

            The Lincoln Lawyer คือ หนังที่จะพาอารมณ์คนดูไต่ระดับจากจุดต่ำสุดที่ดูเนือย ๆ ในช่วงต้นเรื่องจนไต่มาถึงจุดพีคในช่วงท้ายเรื่อง โดยระหว่างทางความน่าติดตามก็จะเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ จนถึงจุดหนึ่งเราก็จะไม่สามารถหยุดดูกลางคันได้เพราะมันจะเต็มไปด้วยบรรยากาศของหนังสืบสวนสอบสวนที่กำลังพาเราไปคลี่คลายคดีสำคัญ โดยเฉพาะในช่วงครึ่งชั่วโมงสุดท้ายคุณจะไม่อยากลุกไปไหนอย่างแน่นอน   นอกจากนี้ หากพูดถึงเรื่องคุณค่าแล้ว The Lincoln Lawyer ถือเป็นหนังที่เสียดสีและจิกกัดกระบวนการยุติธรรมแบบแสบ ๆ แต่ก็บาดลึกมากพอที่จะทำให้เราต้องย้อนกลับมามองโลกความเป็นจริง โดยเฉพาะสำหรับคนที่ประกอบอาชีพด้านกฎหมายแล้ว The Lincoln Lawyer คือ หนังที่จะท้าทายอุดมการณ์และจรรยาบรรณของคุณอย่างแท้จริง เพราะตัวละครอย่าง “มิคกี้” ถูกสร้างมาเพื่อเป็นตัวแทนของนักกฎหมายสีเทา ๆ ที่หากินกับช่องโหว่และความไม่สมบูรณ์แบบของกระบวนการยุติธรรม ไม่ว่าจะเป็นการขุดประวัติด้านแย่ ๆ ที่ไม่ได้เกี่ยวข้องกับคดีของลูกความฝั่งตรงข้ามมาแฉเพื่อทำให้ลูกความฝั่งตรงข้ามสูญเสียความน่าเชื่อถือจากลูกขุนและผู้พิพากษา หรือแม้แต่การจัดฉากสร้างพยานตัวปลอมให้กับทนายฝั่งตรงข้ามเพื่อให้ทนายฝั่งตรงข้ามแพ้คดีจากการใช้พยานเท็จ ก่อนอื่นเราต้องยอมรับว่าในโลกความจริง ระบบใดก็ตามในโลกที่มนุษย์เป็นผู้ออกแบบย่อมจะต้องมีช่องโหว่เสมอ และจะมีคนอย่างมิคกี้ที่อาศัยช่องโหว่นั้นเพื่อหาผลประโยชน์ แม้สิ่งที่มิคกี้ทำจะไม่สามารถพูดได้เต็มปากว่า “ผิดกฎหมาย” เพราะกฎหมายไม่ได้ระบุไว้ว่าผิด แต่ในเชิงมโนธรรมความเป็นคนแล้วถือเป็นสิ่งที่ “เลวร้าย”  พูดอีกอย่างหนึ่ง คนอย่างมิคกี้คือตัวแทนของนักกฎหมายที่ชอบประดิษฐ์คำเลี่ยงบาลี/ศรีธนญชัยทั้งหลายแหล่

            ในขณะที่ตัวละครอย่าง “ลูอิส” คือ ตัวแทนของ “อภิสิทธิ์ชน” ที่อาศัย “เงิน” และ “อิทธิพล” ของครอบครัว รวมถึงช่องโหว่ของกระบวนการยุติธรรมเพื่อเอาตัวรอดจากกฎหมาย  นี่ยังไม่รวมถึงกระบวนการยุติธรรมที่เอื้อให้คนรวยได้เปรียบในการสู้คดีมากกว่าคนจน  พูดง่าย ๆ ว่า ลูอิส คือ ตัวแทนของคนรวยที่ไม่เคยเกรงกลัวกฎหมาย เพราะถึงทำผิดตัวเองก็มีช่องทางให้ดิ้นหลุดไปได้ทุกครั้งหรือหากถูกลงโทษจริง ๆ ก็สามารถผ่อนหนักเป็นเบาได้ตามที่ตัวเองต้องการ  ดังนั้น อภิสิทธิ์ชนเหล่านี้จึงสามารถทำผิดได้ซ้ำ ๆ ซาก ๆ ทั้ง ๆ ที่ถ้าเป็นลูกตาสีตาสาก็คงไม่รอดตั้งแต่ครั้งแรก 

            อย่างไรก็ตาม ดูเหมือน The Lincoln Lawyer จะพยายามแสดงให้คนดูเห็นว่า การบิดกฎหมายหรือการเล็ดรอดจากกระบวนการยุติธรรม ไม่ใช่เรื่องที่ตบมือข้างเดียวแล้วดังได้ แต่มันต้องมีคนในกระบวนการยุติธรรมร่วมมือด้วย  เพราะฉะนั้น หากคนที่ทำงานด้านกฎหมาย ไม่ว่าจะเป็น ตำรวจ ทนายความ อัยการ ฯลฯ หนักแน่นในอุดมการณ์และจรรยาบรรณในอาชีพของตัวเองสักนิด มันก็คงเป็นเรื่องยากที่บรรดาอภิสิทธิ์ชนจะทำตัวเหนือกฎหมายได้แบบนี้ เหมือนกับช่วงกลาง-ท้ายเรื่องที่ มิคกี้ รับรู้ถึงความทุกข์ของผู้บริสุทธิ์ ไม่ว่าจะเป็นแพะรับบาปที่เขาส่งเข้าคุกหรือเหยื่อที่ถูกกระทำจนเขาเริ่มเข้าใจว่าหน้าที่และอุดมการณ์ของอาชีพ “ทนาย” คืออะไร   สุดท้ายแล้ว The Lincoln Lawyer ไม่เพียงแต่เป็นหนังที่สะท้อนช่องโหว่และความไม่ยุติธรรมของกระบวนการยุติธรรมในต่างประเทศเท่านั้น แต่มันสะท้อนถึงกระบวนการยุติธรรมทั่วโลกรวมถึงในประเทศไทยที่ล้วนมีปัญหาเดียวกัน นั่นคือ “กฎหมายก็เหมือนกับใยแมงมุม ที่จะดักจับได้เฉพาะคนอ่อนแอและยากจน แต่จะแหลกสลายไม่เป็นชิ้นดีเมื่อเจอกับคนรวยและผู้มีอิทธิพลบารมี” (อแนคคาซิส)

Text – Exocet

บทความที่เกี่ยวข้อง

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

Allow All
Manage Consent Preferences
  • Always Active

Save