ในวันหยุดสุดสัปดาห์นี้ หากคุณไม่อยากพาคุณแม่ไปเผชิญอากาศร้อน เบียดฝูงชนนอกบ้าน ลองชวนคุณแม่และครอบครัวทำอาหารล้อมวงนอนดูหนังสักเรื่องที่บ้าน ก็เป็นอีกตัวเลือกที่น่าสนใจในการใช้เวลาร่วมกัน เติมรักกระชับความสัมพันธ์กับคุณแม่ด้วย 12 หนังหลากสไตล์ 12 เรื่องราวผู้เป็น “แม่”
1. Lady Bird (2017)
เจ้าของรางวัลลูกโลกทองคำ สาขา Best Motion Picture (Musical or Comedy) และ Best Actress (Musical or Comedy) และถูกเสนอชื่อเข้าชิงออสการ์ 5 รางวัล เรื่องราวในหนังพูดถึงปี 2002 ช่วงหลังเหตุการณ์ 9/11 ชีวิตของวัยรุ่นสาวไฮสคูลหัวรั้นคนหนึ่งที่กำลังอยู่ในช่วงเปลี่ยนผ่านไปสู่วัยผู้ใหญ่ เมื่อความฝันของเธอสวนทางกับความเป็นจริงทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างแม่ต้องระส่ำระส่าย และสารพัดปัญหาที่รุมเข้ามาในชีวิตที่สะท้อนให้เห็นการต้องการความรักและการยอมรับจากครอบครัว
2. Stepmom (1998)
ดราม่า ซึ้งกินใจ ไปกับฝีมือการแสดงของ Julia Roberts ที่ถ่ายทอดเรื่องราวของเวิคกิ้ง วูแมน ผู้ก้าวเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของ ครอบครัวหย่าร้าง โดยการพยายามเป็นแม่ที่ดีให้กับลูกติดสามี แต่ยังไม่เพียงพอสำหรับพวกเขา ทำให้แม่แท้ๆ ซึ่งรับบทโดย Susan Sarandon ต้องมาเทรนแม่เลี้ยงลูกเธอให้ทำหน้าที่แม่แบบเต็มตัวแทนตัวเองที่กำลังจะเสียชีวิตเพราะโรคร้าย ทุกคนในครอบครัวจึงต้องเรียนรู้เพื่อเติบโตไปด้วยกัน
3.Room (2016)
ซับน้ำตากันต่อด้วยหนังกวาดรางวัลจากหลายเวที การแสดงอันสมจริงของ Brie Larson ส่งให้เธอคว้ารางวัลออสก้าร์ครั้งที่ 88 สาขานักแสดงนำหญิงยอดเยี่ยมไปครอง เรื่องราวแสนเจ็บปวดแต่อบอุ่นของคุณแม่วัยสาวที่ถูกลักพาตัวมากักขังไว้ในห้องเล็กๆ จนให้กำเนิดลูกชายที่เติบโตมาโดยเชื่อว่าห้องนี้ คือโลกทั้งใบของเขา นักแสดงทั้งสองสามารถแบกอารมณ์หนังไว้ได้ทั้งเรื่อง ทำให้คนดูเชื่อสนิทใจและเอาใจช่วยให้เธอกับลูกผ่านช่วงเวลาเลวร้ายไปด้วยกัน
4. Goodnight Mommy (2014)
กระชากอารมณ์ดราม่า มาระทึกขวัญไปกับหนังอินดี้สัญชาติออสเตรเลีย หนังเล่าถึงเด็กฝาแฝดคู่หนึ่งที่คิดว่าผู้เป็นแม่มีพฤติกรรมอะไรบางอย่างผิดแปลกไปหลังกลับมาจากศัลยกรรม จนลูกชายของเธอเริ่มสงสัยว่าเธออาจไม่ใช่แม่ของพวกเขา หนังเพิ่มประเด็นความน่าสงสัยในตัวแม่ด้วยการพันผ้าพันแผลรอบหน้า จนเราคิดตามว่าหรือนี่จะไม่ใช่ แม่เด็กจริงๆ ถึงช่วงแรกหนังจะดำเนินเรื่องเนิบๆ แต่อย่าเพิ่งหลับ เพราะช่วงหลังๆ หนังดึงคนดูให้ร่วมเผชิญชะตากรรมไปกับสถานการณ์อันไม่น่าไว้วางใจของครอบครัวนี้ ถึงขนาดแอบจิตตกตามได้เลย
5. Mommy (2014)
หนังสัญชาติแคนาดาผลงานของ Dolan ที่เขียนบทเองกำกับเองจนคว้ารางวัลในเทศกาลหนังเมืองคานส์ปี 2014 หนังทำเงินไปทั้งสิ้น 13 ล้านเหรียญสหรัฐ เนื้อเรื่องบอกเล่าถึงรัฐบาลออกกฎหมายใหม่ให้ผู้ปกครองที่ไม่อาจดูแลลูกที่มีอาการทางจิต สามารถส่งลูกตัวเองไปบำบัดได้ในโรงพยาบาลของรัฐ โดยไม่ต้องผ่านอำนาจศาล หนังทั้งเรื่องจึงเป็นเครื่องพิสูจน์ผู้เป็นแม่ว่าพร้อมจะรักและดูแลลูกชายที่อาการย่ำแย่ของเธออย่างไม่มีเงื่อนไขหรือไม่ ถึงจะมีเพื่อนบ้านเป็นกำลังใจให้เธอ แต่สุดท้ายเธอก็ต้องต่อสู้กับปัญหานี้เพียงลำพัง การใช้อัตราส่วนหนังแบบหนึ่งต่อหนึ่งทำให้เราสัมผัสได้ถึงความรู้สึก อึดอัด คับแคบตามอารมณ์ผู้เป็นแม่ที่แบกรับปัญหาทั้งหมดไว้
6. Lion (2016)
หนังที่สร้างมาจากหนังสือชื่อ A Long Way Home เค้าโครงจากเรื่องจริงที่เกิดของนักเขียน Saroo Brierley ถูกเสนอชื่อเข้าชิงออสก้าร์ 6 สาขาด้วยกัน เป็นเรื่องราวของเด็กชายชาวอินเดียที่พลัดหลงกับครอบครัวไปอยู่อีกเมืองที่ห่างไกล ต้องใช้ชีวิตเป็นเด็กเร่ร่อนจนได้รับอุปการะการจากสามีภรรยาชาวออสเตรเลีย เมื่อเติบโตมีชีวิตที่ดี ความทรงจำถึงครอบครัวในวันเด็กยังคงติดอยู่ในใจ เขาจึงใช้ Google Earth ตามหาครอบครัวที่แท้จริงของเขาในอินเดีย
7. Away We Go (2009)
เปลี่ยนแนวมาเบาสมองกับหนังดราม่าคอมเมดี้ ที่อาจจะหาดูยากสักนิด เพราะจำกัดโรงฉายเฉพาะในอเมริกา แต่สามารถสั่งซื้อ DVD ในเว็บ Amazon ได้ หนังพูดถึงเรื่องราวการ Road Trip ของสามีภรรยาที่ออกเดินทางไปทั่วอเมริกา ค้นหาสถานที่ที่ดีที่สุดในการสร้างครอบครัวเพื่อลูกคนแรกของเขาที่กำลังจะเกิดมา การเดินทางทำให้พวกต้องเผชิญหน้ากับเพื่อนเก่าและครอบครัวที่บีบบังคับให้พวกเขาเลิกเล่นสนุกและคิดถึงอนาคตในฐานะพ่อแม่ หนังฟิลกู๊ดที่จะทำคุณจะหัวเราะทั้งน้ำตาจนอยากหันไปกอดแม่ในตอนจบ
8. Wild (2014)
ฝีมือการแสดงของ Reese Witherspoon เรื่องราวดัดแปลงมาจากชีวิตจริงของ Cheryl Strayed ผู้หญิงคนหนึ่งกับการเดินป่าระยะทาง 1100 ไมล์ หลังจากแม่ผู้เป็นกำลังใจเพียงหนึ่งเดียวของเธอเสียชีวิตลง ชีวิตสมรสก็กำลังถึงวิกฤติเพราะปัญหาติดเซ็กส์ และยาเสพติด ทำให้ความหวังของเธอมอดดับลง หลายปีที่เธอใช้ชีวิตสูญเปล่าและทำตัวย่ำแย่จนกระทั่งเสียแม่ไป แต่เธอก็ได้ตัดสินใจออกเดินทางผจญภัยเพียงลำพังแม้จะไร้ประสบการณ์ ซึ่งทำให้เธอได้ปลุกพลังในตัวเองและเยียวยาหัวใจ พร้อมเริ่มต้นชีวิตใหม่อีกครั้ง การตัดภาพระหว่างเหตุการณ์ปัจจุบันกับความทรงจำของเธอและแม่ในอดีตเรียกอารมณ์ให้รู้สึกเศร้าและเข้าใจหัวอกคนที่สูญเสียคนรักไป
9. Bad Moms (2016)
หนังคอมเมดี้ที่พูดถึงบรรดาคุณแม่สุดเปรี้ยวที่เหนื่อยหน่ายกับกิจวัตรประจำวันซ้ำซากจำเจของมนุษย์แม่ ในการดูแลลูกๆ ให้ทุกอย่างออกมาเพอร์เฟคที่สุด เธอจึงตัดสินใจเปลี่ยนชีวิตกับเพื่อนอีกสองคน มาทำภารกิจปลดแอกตัวเองจากความรับผิดชอบตามกรอบสังคม สู่การเป็น แก็งค์คุณแม่ตัวแสบ ที่โหยหาความสนุกสนาน และเห็นคุณค่าของตัวเอง ตามฉบับคุณแม่ยุคมิลเลนเนียล รับประกันความฮา ความรั่ว และความบ้าดีเดือด ที่จะมาเรียกเสียงหัวเราะในครอบครัวให้ขำกันจนขากรรไกรค้าง
10. Breaking In (2018)
หนังเรื่องนี้ยังไม่เข้าฉายเมืองไทย แต่เป็นอีกลิสต์หนังคุณแม่นักสู้ ที่พลาดไม่ได้ หนังเข้าฉายช่วงวันแม่แห่งชาติของอเมริกาพอดี เรื่องราวพูดถึงคุณแม่ลูกสองที่เดินทางไปพักผ่อนในบ้านสุดหรู มีระบบรักษาความปลอดภัยสุดไฮเทค รัดกุม แต่ขณะที่เธอกำลังคุยโทรศัพท์อยู่ด้านนอก จู่ๆก็มีโจร 4 คนบุกเข้ามาในบ้าน และเปิดระบบความปลอดภัยพร้อมจับลูกๆของเธอขังไว้ภายในบ้าน เธอจึงต้องทำทุกวิถีทางเพื่อบุกเข้าไปช่วยพวกเขา โดยมีแค่แก้วไวน์กับสายยางรดน้ำเป็นอาวุธ การไล่ล่าสุดระทึกขวัญจึงเริ่มต้นขึ้น
11. The Kids Are All Right (2010)
หนังคอมเมดี้ฟิลกู๊ดเรื่องราวของคู่รักหญิงรักหญิงที่คบกันมาตั้งแต่สมัยเรียน และมีลูกที่เกิดจากการรับบริจาคสเปิร์มด้วยกันสองคน เด็กทั้งสองเติบโตเป็นวัยรุ่นปกติธรรมดาที่ไม่ได้มีพฤติกรรมเบี่ยงเบนทางเพศแต่อย่างใด แต่นึกสงสัยอยากรู้ว่าพ่อของพวกเขาคือใคร เรื่องราววุุ่นๆ จึงเกิดขึ้นเมื่อลูกสาวคนโตพบเอกสารการขอรับบริจาคสเปิร์ม ! ทำให้เขาและเธอรู้ว่าเจ้าของน้ำเชื้อเป็นใคร ถือเป็นหนังครอบครัวรักร่วมเพศที่พูดถึงแต่เนื้อหาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ในครอบครัว และการทำความเข้าใจการเลี้ยงดูลูก มากกว่าการรับมือจากมุมมองสังคมภายนอกที่มีต่อบุคคลรักร่วมเพศ
12. Changeling (2008)
หันมาเอาใจแม่ลูกสายสืบสวนกับหนังที่สร้างขึ้นจากเหตุการณ์จริงสั่นสะเทือนระบบกฎหมายของรัฐแคลิฟอร์เนีย เมื่อตำรวจส่งตัวลูกชายที่ถูกลักพาตัวไปหลายเดือนคืนให้ผู้เป็นแม่ แต่ความเป็นจริงเด็กคนนั้นไม่ใช่ลูกชายของเธอ เธอจึงต้องพิสูจน์ความจริงแก่สาธารณชน และต่อสู้กับตำรวจที่พยายามทำทุกวิถีทางเพื่อยัดเยียดลูกตัวปลอมให้เธอ เรื่องนี้จึงเป็นมากกว่าคดีเด็กหายธรรมดา เพราะมันสะท้อนภาพของสังคมในยุค 1920 ที่ตำรวจสร้างอิทธิพล ใช้อำนาจกดขี่ประชาชน และผู้หญิงไม่มีสิทธิ์มีเสียงอะไรในสังคมยุคนั้น