ไขมันทรานส์ คืออะไร? รู้ทันอันตราย ก่อนสายเกินแก้! - The Macho
 
Roral Enfield - Hunter 350
728x150 - Nissan Almera
728x150 - Hunter4
ไขมันทรานส์ คืออะไร? รู้ทันอันตราย ก่อนสายเกินแก้!

เมื่อวิถีรักสุขภาพเริ่มกลับมาเป็นกระแสอีกครั้ง!! จะเห็นได้ว่า ตามร้านอาหาร ร้านขนม หรือร้านเบเกอรรี่ต่างๆ มักจะมีฉลากที่มีข้อความว่า “0% ไขมันทรานส์ หรือ NO Trans Fat” ติดเอาไว้ เต็มไปหมด หลายๆคนคงไม่รู้ และเชื่อว่าหลายๆคนคงต้องมีความสงสัยเหมือนเราแหละว่าทำไมต้องมีข้อความนี้ติดไว้เต็มไปหมด แล้วคำว่า “ไขมันทรานส์ หรือ Trans Fat ” มันคืออะไรหรอ? แล้วทำไมถึงอันตราย? ก็นั่นสินะ…

ดูเหมือนว่าเป็นภัยเงียบที่แฝงอยู่กับพฤติกรรมการกินของคนไทย เพราะส่วนใหญ่อยู่ในอาหาร ขนม คุกกี้ เบเกอรี่ ขนมปังปิ้ง หรือแค่เรารับประทานอาหารที่ผ่านการผัดๆ ทอดๆ ที่ใช้มาการีนหรือน้ำมันเป็นส่วนประกอบ ส่วนหนึ่งเพราะมีต้นทุนที่ถูกกว่าหลายเท่า แต่กลับสร้างโรคร้ายให้กับร่างกายอย่างเงียบๆ ถึงแม้ฉลากสินค้าแม้จะ เขียนว่า “0 เปอร์เซ็นต์ trans fat ” ไม่ได้หมายถึงไม่มีไขมันทรานส์เลย”

ไขมันทรานส์ หรือ Trans Tat คืออะไร?

ตามประกาศราชกิจจานุเบกษา วันที่ 13 ก.ค. 2561 ล่าสุดประกาศกระทรวงสาธารณสุข ห้ามผลิต นำเข้า หรือจำหน่าย “ไขมันทรานส์” มีผลบังคับใช้อีก 180 วัน เผยเสี่ยงต่อการเกิดโรคหัวใจและหลอดเลือด ระบุว่า ปรากฏหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ที่ชัดเจนว่า กรดไขมันทรานส์ (Trans Fatty Acids) จากน้ำมันที่ผ่านกระบวนการเติมไฮโดรเจนบางส่วน (Partially Hydrogenated Oils) 

จะพบเจอ “ไขมันทรานส์” ได้จากอะไรบ้าง?

และเนื่องจาก ไขมันทรานส์ คือไขมันที่เกิดจากการแปรรูป จึงสามารถเก็บรักษาไว้ได้นานโดยไม่เหม็นหืน ไม่เป็นไข และสามารถทนความร้อนได้สูง รวมถึงมีรสชาติที่ใกล้เคียงกับไขมันที่มาจากสัตว์ แต่จะมีราคาที่ถูกกว่า บรรดาผู้ประกอบกิจการอาหารต่าง ๆ มักนิยมนำไขมันทรานส์มาใช้ประกอบอาหารมากมาย โดยเฉพาะกลุ่มอาหารฟาสต์ฟู้ด

ยกตัวอย่างเช่น เนยขาว เนยเทียม คุ้กกี้ โดนัท วิปครีม ขนมขบเคี้ยว และอาหารฟาสต์ฟู้ดต่าง ๆ มันฝรั่งทอด ขนมปัง เค้ก และของทอดต่าง ๆ ฯลฯ และด้วยกระแสการหลีกเลี่ยงการรับประทานอาหารที่มีไขมันทรานส์เป็นส่วนประกอบนั้น ก็ทำให้แบรนด์อาหารชื่อดังต่างๆ เกิดการตื่นตัวมากขึ้น และออกมายืนยันกับผู้บริโภคว่า ทางแบรนด์ของตนนั้น ไม่มีส่วนประกอบของไขมันทรานส์อย่างแน่นอน

“ไขมันทรานส์” ทำไมถึงอันตราย?

เพราะการรับประทานเข้าไปมากๆ มันจะทำให้มีความเสี่ยงต่อการเป็นโรคหลอดเลือดหัวใจสูง ของการเกิดโรคหัวใจ และเส้นเลือดอุดตันในสมอง  ส่งผลให้ในปัจจุบัน ผู้คนเริ่มกลับไปใช้ไขมันอิ่มตัวในการประกอบอาหารแทน เพราะนอกจากจะเป็นนำมันที่ได้จากธรรมชาติแล้ว ยังส่งผลดีต่อสุขภาพอีกด้วย นั่นก็คือการใช้น้ำมันหมูหรือน้ำมันปาล์มในการประกอบอาหารนั่นเอง

ข้อดีของน้ำมันทรานส์ คือ

  1.  มีราคาถูก ผู้ประกอบการทั้งหลายเลยเลือกที่จะนำไขมันทรานส์มาใช้ในการประกอบอาหารนั่นเอง
  2. ถูกแล้วยังสามารถเก็บได้นาน ไม่เหม็นหืน ไม่มีกลิ่น
  3. รสชาติใกล้เคียงกับไขมันจากสัตว์

ข้อเสียของน้ำมันทรานส์ คือ

  1. ย่อยสลายยากกว่าไขมันชนิดอื่น
  2. ทำให้น้ำหนัก และไขมันส่วนเกินเพิ่ม หรือเป็นโรคอ้วน
  3. ภาวะตับทำงานผิดปกติ
  4. หากทานในปริมาณที่ร่างกายเกิดขั้นสะสมแล้ว ก็อาจเป็นโรคเบาหวาน โรคความดันโลหิตสูง โรคหัวใจขาดเลือด หลอดเลือดหัวใจตีบ ไขมันอุดตันเส้นเลือดได้

แนวทางการป้องกันกับยุทธศาสตร์ 6 ขั้นตอนที่จะสามารถกำจัดไขมันทรานส์ได้อย่าง รวดเร็ว หมดจด ยั่งยืน เรียกว่า “รีเพลซ” (REPLACE)”  คือ

  1. RE มาจากคำว่า Review หมายถึง การตรวจสอบถึงแหล่งที่มาของไขมันทรานส์ เพื่อปรับเปลี่ยนนโยบายตามความเหมาะสม
  2. P มาจากคำว่า Promote หมายถึง สนับสนุนการใช้ไขมันประเภทอื่นแทนไขมันทรานส์
  3. L มาจากคำว่า Legislate หมายถึง การออกกฎหมายข้อบังคับต่าง ๆ เพื่อกำจัดไขมันทรานส์
  4. A มาจากคำว่า Assess หมายถึง คอยตรวจสอบปริมาณไขมันทรานส์ในผลิตภัณฑ์อาหาร และปริมาณการบริโภคไขมันทรานส์ของประชาชน
  5. C  มาจากคำว่า Create หมายถึง การสร้างความตระหนักถึงผลเสียที่ไขมันทรานส์มีต่อสุขภาพ ทั้งในทางภาครัฐ ผู้ประกอบการ และประชาชน
  6. E มาจากคำว่า Enforce หมายถึง การบังคับใช้กฎหมายข้อบังคับต่างๆ

ไม่มีไขมันทรานส์ ไม่ได้แปลว่าไขมันต่ำ

กฎหมายบ้านเรา อาจจะไม่ได้ให้เขียนว่าไขมันทรานส์เป็น 0 เพราะถ้าเขียนเช่นนั้น โดยที่ประชาชนยังมีความเข้าใจไม่ครอบคลุม อาจทำให้บริโภคเยอะได้  ซึ่ง รศ.ดร. วันทนีย์ กล่าว “เราควรกินแต่น้อย แต่ไม่ถึงขั้นไม่ให้กินเลย”

และคงเป็นเรื่องยาก ที่เราจะรู้ว่าอาหารที่ขายอยู่ทั่วไปนั้น ใช้น้ำมันอะไรในการประกอบอาหาร หากเราไม่ได้ซื้อวัตถุดิบมาปรุงอาหารเอง อีกทั้งในท้องตลาดอาจจะมีวัตถุดิบที่ปราศจากไขมันทรานส์ได้น้อย และราคาค่อนข้างสูง แต่ถ้าแลกกับสุขภาพที่ดีขึ้น และเราเป็นคนปรุงอาหารขึ้นมาเอง เราก็ไม่ต้องสงสัยในส่วนประกอบเหล่านั้นเลย

แต่ถึงแม้ว่าการที่คุณไม่ทานไขมันทรานส์ หรือเลือกที่จะเลี่ยงนั้น มันไม่ได้หมายความว่าคุณจะมีสุขภาพดี เพียงแต่คุณต้องเลือกทาน และให้ความสำคัญกับวัตถุดิบที่จะนำมาประกอบอาหาร โดยเลือกวัตถุดิบที่มาจากธรรมชาติในการประกอบอาหาร ประกอบกับการออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ ก็จะช่วยลดความเสี่ยงในการเป็นโรคต่างๆ และเพื่อสุขภาพที่ดีของคุณเอง

Sharry

Writer, Project Editor, Photographer

บทความที่เกี่ยวข้อง

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

Allow All
Manage Consent Preferences
  • Always Active

Save