7 แข้งโชว์ฟอร์มน่าผิดหวังในพรีเมียร์ลีกฤดูกาล 2018-19 - The Macho
 
Roral Enfield - Hunter 350
728x150 - Nissan Almera
728x150 - Hunter4
7 แข้งโชว์ฟอร์มน่าผิดหวังในพรีเมียร์ลีกฤดูกาล 2018-19

       รูดม่านปิดฉากไปเป็นที่เรียบร้อยแล้วสำหรับศึกพรีเมียร์ลีก อังกฤษ ซีซั่น 2018-19 ในบรรดา 20 สโมสรมีนักเตะหลายรายโชว์ฟอร์มได้อย่างสุดยอด โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้เล่นในทีมกลุ่มหัวตาราง อาทิ ราฮีม สเตอร์ลิง ปีกตัวเก่งของ แมนเชสเตอร์ ซิตี้, ซาดิโอ มาเน่ ดาวเตะ ลิเวอร์พูล และ เอเด็น อารซาร์ จอมทัพ เชลซี หรือนักเตะในกลุ่มท้ายตารางอย่าง วิลเฟร็ด ซาฮา ตัวริมเส้น ของ คริสตัล พาเลซ

        อย่างไรก็ตาม มีนักเตะจำนวนหนึ่งที่กลับโชว์ฟอร์มได้ไม่สมกับความคาดหวังของแฟนบอล แม้ว่าพวกเขาบางรายจะมีค่าตัวมหาศาลก็ตาม และบรรดาแข้ง 7 รายต่อไปนี้ แสดงให้เห็นว่า การเป็นนักฟุตบอลนั้น มีหลายปัจจัยที่ส่งผลต่อฟอร์มที่น่าผิดหวังในสนามสำหรับการแข่งขันฤดูกาลนี้

1.ไรอัน เซสเซยง (ฟูแล่ม)

       เซสเซยง เลื่อนชั้นขึ้นมาพร้อมกับ ฟูแล่ม ด้วยความคาดหวังของแฟนบอลว่า จะได้เห็นฟอร์มการเล่นที่น่าตื่นเต้นของดาวรุ่งรายนี้ อย่างไรก็ตาม มันตรงกันข้ามโดยสิ้นเชิง

        ในช่วงต้นฤดูกาล ปีกชาวอังกฤษ ลงเล่นอย่างมีความสุข เนื่องจากได้เป็นตัวจริงอย่างต่อเนื่องภายใต้การนำทัพของ สลาวิซา โยคาโนวิช อดีตกุนซือ “เจ้าสัวน้อย” แต่ภายหลัง เคลาดิโอ รานิเอรี่ โค้ชชาวอิตาลี เข้ามาคุมทีมแทน เซสเซยง ถูกทำลายความมั่นใจ และต้องตกเป็นตัวสำรองอย่างต่อเนื่อง

แม้กระทั่งในยุคของ สก็อต ปาร์คเกอร์ เทรนเนอร์ขัดตาทัพเองนั้น เซสเซยง ก็ยังไม่สามารถเรียกฟอร์มเก่งกลับคืนมาได้ และยังมีคำถามมากมายว่า ตำแหน่งที่แท้จริงของ ดาวเตะวัย 18 ปี อยู่ตรงไหน แบ็คซ้าย, ปีกซ้าย หรือตัวรุกฝั่งซ้าย กันแน่

2.ราชิด เกซซาล (เลสเตอร์ ซิตี้)

การหาตัวแทนของ ริยาด มาเรซ อดีตปีกทีมชาติแอลจีเรีย ในทีม เลสเตอร์ ยังคงดำเนินต่อไป เกซซาล ย้ายจาก โมนาโก มาเล่นกับทัพ “สุนัขจิ้งจอก” เมื่อซัมเมอร์ที่แล้ว ด้วยความที่เป็นนักเตะในตำแหน่งเดียวกัน และเล่นในทีมชาติเดียวกัน แต่ใช่ว่า ทั้งคู่จะประสบความสำเร็จเหมือนกัน

เกซซาล มีฟอร์มการเล่นที่ตกลงไปอย่างน่าใจหาย การเลี้ยงบอล, ผ่านบอล หรือสร้างสรรค์เกมของเขาดูติดขัดไปหมด ค่าตัว 12 ล้านปอนด์ กับการยิง 3 ประตู จาก 23 เกม รวมทุกรายการนั้น บ่งบอกความน่าผิดหวังของเขาได้เป็นอย่างดี

3.จอร์แดน พิคฟอร์ด (เอฟเวอร์ตัน)

ในซัมเมอร์ปีที่แล้ว พิคฟอร์ด มีช่วงเวลาที่ดีที่สุดในชีวิตนักฟุตบอล เขากลายเป็นผู้รักษาประตูมือ 1 ของทีมชาติอังกฤษในการทำศึกฟุตบอลโลก 2018 และโชว์ฟอร์มเซฟจุดโทษพาพลพรรค “สิงโตคำราม”เอาชนะ โคลอมเบีย ผ่านเข้ารอบ 8 ทีมสุดท้ายสำเร็จ

แต่มันก็ยังเป็นเรื่องที่น่ากังวลสำหรับอังกฤษ และ เอฟเวอร์ตัน ที่จะเห็นว่า นายทวารวัย 25 ปี ทำผิดพลาดมากี่ครั้งแล้วในฤดูกาลนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเกมเมอร์ซีย์ไซด์ ดาร์บี้ แมตช์ กับ ลิเวอร์พูล

อย่างไรก็ตาม พิคฟอร์ด ยังอายุน้อย เขายังคงมีเวลาที่สามารถเรียกความไว้วางจากแฟนบอล และโค้ชคืนมาได้ แต่ต้องพลิกฟอร์มกลับมาโดยเร็วที่สุด 

4.เฟร็ด (แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด)

แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด มีรายได้มากมายเพื่อลงทุนแข่งขันกับความทะเยอทะยานของ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ยกตัวอย่างกรณีของ เฟร็ด ที่พวกเขาชิงซื้อตัวมากจาก ชัคตาร์ โดเนตสค์ เพื่อตัดหน้า “เรือใบสีฟ้า” ในช่วงซัมเมอร์ที่ผ่ามา

กองกลางชาวบราซิล มีค่าตัวมหาศาลถึง 52 ล้านปอนด์ ซึ่งทำให้แฟนบอล “ปีศาจแดง” คาดหวังว่า เขาจะเข้ามาผนึกกำลังร่วมกับ ปอล ป็อกบา มิดฟิลด์ทีมชาติฝรั่งเศส ได้อย่างยอดเยี่ยม แต่ทั้งในยุคของ โจเซ่ มูรินโญ่ และโอเล่ กุนาร์ โซลชา นั้น เฟร็ด ไม่สามารถยึดตัวจริงได้เลย

ภายใต้สีเสื้อ “ปีศาจแดง” ดาวเตะวัย 26 ปี กลายเป็นนักเตะที่ดูธรรมดา ไม่มีอะไรโดดเด่น หรืออิมแพคใดๆกับทีมเลย เขาวิ่งพล่านไปทั่วสนามแบบไร้จุดหมาย, ไม่มีการแอสซิสต์, ไม่มีการยิงไกล และไม่มีความแข็งแกร่ง และเป็นไปได้ว่า เขาอาจถูกปล่อยตัวออกจากถิ่นโอลด์ แทรฟฟอร์ด ในเร็วๆนี้

5.มักซ์ เมเยอร์ (คริสตัล พาเลซ)

จนถึงขณะนี้นับตั้งแต่ เมเยอร์ ตัดสินใจย้ายออกจาก ชาลเก้ มาร่วมทีม พาเลซ เมื่อซัมเมอร์ที่ผ่านมา นั้น เขาอาจคิดผิด ปีกชาวเยอรมัน ไม่สามารถเข้ามาอยู่ในรายชื่อ 11 คนแรกของกุนซือ รอย ฮอดจ์สัน ได้เลย

ตลอด 5 ปีที่ผ่านมา เมเยอร์ ได้รับการยกย่องว่า เป็นดาวรุ่งฝีเท้าดีที่สุดคนหนึ่งในวงการฟุตบอลยุโรป แต่ปัจจุบัน อดีตกองกลาง ชาลเก้ ได้โอกาสลงสนามให้กับ พาเลซ ในศึกพรีเมียร์ลีกเพียงแค่ 12 นัดเท่านั้น และทำได้เพียง 1 ประตู

ในสัญญาของ เมเยอร์ ที่รายงานข่าวระบุไว้ คือ เขาได้ค่าเหนื่อยกับ พาเลซ อย่างมหาศาลถึง 125,000 ปอนด์ต่อสัปดาห์ นั่นคือสิ่งที่แฟนบอลมีสิทธิ์ที่จะคาดหวังในตัวเขามากขึ้น แต่เชื่อได้ว่า อาชีพของ ดาวเตะวัย 23 ปี กำลังตกอยู่ในอันตรายหากเขาไม่รีบพัฒนาฟอร์มการเล่น

6.เบนฌาแม็ง เมนดี้ (แมนเชสเตอร์ ซิตี้)

        มันรู้สึกอึดอัดเล็กน้อยสำหรับ เมนดี้ ที่ไม่ได้ลงเล่นให้กับ แมนฯซิตี้ มากนักในซีซั่นนี้ เนื่องจากเขาโดนอาการบาดเจ็บเล่นงานอย่างหนัก และต้องพักยาว

          แบ็คซ้ายทีมชาติฝรั่งเศส มีการเล่นเกมรุก และเปิดบอลได้อย่างยอดเยี่ยม แต่เราแทบไม่ได้เห็นเขาทำสิ่งดังกล่าวให้กับ “เรือใบสีฟ้า” ได้เลย ขณะเดียวกัน เขาถูก โอเล็กซานเดอร์ ซินเชนโก้ ดาวรุ่งชาวยูเครน แย่งตำแหน่งตัวจริงไปเรียบร้อยแล้ว

        การวิพากษ์วิจารณ์นักฟุตบอลคนใดที่มีบุคลิกบางอย่างมันอาจไม่ยุติธรรม แต่ เมนดี้ ได้ทำให้ตัวเองถูก เป๊ป การ์ดิโอลา กุนซือ แมนฯซิตี้ มองว่า เขาขาดความเป็นมืออาชีพ

โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การที่ดาวเตะเฟรนช์แมน ชอบทำพฤติกรรมแปลกๆบนโซเชียลมีเดีย และชอบเที่ยวกลางคืนอีกด้วย นั่นทำให้เขาอาจอยู่ในทัพ “เรือใบสีฟ้า” ได้ไม่นาน

7.มัตเตโอ โควาซิช (เชลซี)

จอมทัพทีมชาติโครเอเชีย ย้ายจาก เรอัล มาดริด มาเล่นกับ เชลซี ด้วยสัญญายืมตัวในฤดูกาลนี้ ตลอด 32 นัดทุกรายการที่ลงสนามให้กับ “สิงโตน้ำเงินคราม” นั้น โควาซิช ไม่สามารถยิงประตูให้กับทีมได้เลยแม้แต่ลูกเดียว

ภายใต้การคุมทีม เชลซี ของโค้ช เมาริซิโอ ซาร์รี่ นั้น จอร์จินโญ่ กองกลางทีมชาติอิตาลี เป็นจุดศูนย์กลางในแดนกลาง ขนาบข้างด้วย เอ็นโกโล่ ก็องเต้ มิดฟิลด์ทีมชาติฝรั่งเศส นั่นหมายความว่า แทบไม่เลือที่ว่างให้กับ โควาซิช อีกแล้ว

ในเกมที่ เชลซี บุกไปแพ้ บอร์นมัธ 4-0 ที่ ถือเป็นฟางเส้นสุดท้ายของ ดาวเตะวัย 25 ปี กับ ซาร์รี่ ซึ่งหลังจบเกม กุนซือ “สิงโตน้ำเงินคราม” เลือกดร็อป โควาซิช ไว้ข้างสนาม และให้โอกาส รูเบน ลอฟตัส-ชีค กองกลางดาวรุ่งเล่นเป็นตัวจริงต่อเนื่องจนจบซีซั่น

Picture – lastwordonfootball.com, finance.yahoo.com, skysports.com, sportsindiashow.com, itv.com,

Che Navapun

บทความที่เกี่ยวข้อง

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

Allow All
Manage Consent Preferences
  • Always Active

Save