Ressence รุ่นใหม่กับการออกแบบเพื่อขับเคลื่อนโลกนาฬิกาไปสู่ยุคอนาคต - The Macho
 
Roral Enfield - Hunter 350
728x150 - Nissan Almera
728x150 - Hunter4
Ressence รุ่นใหม่กับการออกแบบเพื่อขับเคลื่อนโลกนาฬิกาไปสู่ยุคอนาคต

การจะเลือกนาฬิกาข้อมือสักชิ้น นอกจากพิจารณาเรื่องดีไซน์สวยงาม ความคงทน และชื่อเสียงของแบรนด์ ฟังก์ชั่นการใช้งานก็เป็นสิ่งหนึ่งที่หลายๆ คนกำลังมองหาอยู่ โดยเฉพาะคนยุคมิลเลียนเนียลผู้มีไลฟ์สไตล์หลากหลายที่ต้องการเทคโนโลยีล้ำๆ มาช่วยให้การใช้ชีวิตประจำวันง่ายยิ่งขึ้น

หลายคนอาจเคยได้เห็นชื่อเสียง “Ressence” ผู้ผลิตนาฬิกาสุดหรูจากเบลเยี่ยมมาบ้างเพราะแบรนด์นี้เขาขึ้นชื่อเรื่องการผสมผสานเทคโนโลยีสุดล้ำเข้ากับดีไซน์ทันสมัย ใครที่ชอบนาฬิกาที่มีฟังก์ชั่นครบทุกอย่างเบ็ดเสร็จในเรือนเดียว  Ressence คงเป็นตัวเลือกหนึ่งที่หนุ่มๆ หลายคนอยากได้มาไว้ในครอบครองสักเรือนสองเรือน

ในงานแสดงนาฬิกา Salon International de la Haute Horlogerie หรือ SIHH ที่ผ่านมาทางแบรนด์ Ressence ได้เปิดตัวนาฬิการุ่นล่าสุด Ressence Type 1 Slim, Type 2 e-Crown และ Type 3W พอเห็นแล้วเรียกได้มันถูกออกแบบมาเพื่อขับเคลื่อนโลกนาฬิกาไปสู่อนาคตจริงๆ  

Ressence Type 1 Slim

Ressence Type 1 ได้สร้างปรากฎการณ์ใหม่ที่พลิกโฉมประวัติศาสตร์นาฬิกาไปครั้งแรกเมื่อปี 2014 หลังจากผ่านไป 5 ปี Type 1 ก็กลับมาอีกครั้งในเวอร์ชั่นบางกว่าเดิมและดีไซน์ดูทันสมัยมากขึ้น แต่ยังคงเอกลักษณ์ไม่มีเม็ดมะยมในรุ่นเดิมเอาไว้

เม็ดมะยมที่หายไปยังคงถูกแทนที่ด้วยแผ่นแม่เหล็กขนาดเล็กบริเวณด้านหลังตัวเรือน โดยจะมีแป้นหมุนและลูกศรบอกทิศทางว่าทิศทางไหนขึ้นลาน ทิศทางไหนเป็นการปรับแต่งเวลา

ด้วยความบางของตัวเรือนเพียง 11 มม. กว้าง 42 มม.และทำจากวัสดุไทเทเนียมเกรด 5 เมื่อสวมใส่ไว้บนข้อมือจึงเบาสบายกว่าเดิมแต่ก็แข็งแรงทนทานในเวลาเดียวกัน มีพลังงานสำรองกว่า 36 ชั่วโมง ทั้งยังสามารถกันน้ำได้ถึง 1 ATM ขับเคลื่อนด้วยระบบ ROCS (Ressence Orbital Convex System) เอกสิทธิเ์ฉพาะของทางแบรนด์ผสมผสานเข้าคู่กันกับกลไก  ETA 2892 / A

ฟังก์ชั่นการใช้งานรุ่นนี้บอกชั่วโมง นาที วินาที และวันในสัปดาห์ โดยมีให้เลือก 4 สี 4 สไตล์ด้วยกัน ราคาอยู่ที่ 534,303 บาท

Ressence Type 2 Smart Crown

RessenceType 2 เป็นดาวเด่นของปีที่ผ่านมาในงาน SIHH  ถึงจะเพียงต้นแบบที่มีแพลนจะวางขายแต่ก็ได้รับความสนใจเป็นอย่างมากจากผู้ชมในงาน และในที่สุดมันก็จะได้วางขายอย่างเป็นทางการเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

นาฬิการุ่นใหม่นี้มีความพิเศษคือเทคโนโลยี e-Crown เทคโนโลยีที่สามารถเชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟนได้ผ่าน Bluetooth และแอพลิเคชั่นสำหรับตั้งค่านาฬิกา นอกจากนั้น e-Crown ยังสามารถเลือกเขตเวลาแสดงได้พร้อมกันทีเดียวสองเขตและสามารถปรับโหมดได้ด้วยการเคาะที่ตัวหน้าปัดกระจกคริสตัลแซฟไฟร์ทรงโดมเคลือบกันแสงสะท้อนเบาๆ สองครั้ง ตัวเรือนทำจากไทเทเนียมขนาดกว้าง 45 มม. หนา 12 มม. หนัก 52 กรัม กันน้ำ 1 ATM

ส่วนความพิเศษอีกอย่างของเจ้ารุ่นนี้คือแหล่งพลังงานขับเคลื่อน ที่สามารถใช้ได้ทั้งพลังงานแสงอาทิตย์จากตัวรับแสงขนาดเล็กนับสิบอันที่ซ่อนอยู่บริเวณใต้หน้าปัด เมื่อนาฬิกามีพลังงานน้อยลงหรือผู้ใช้ไม่ได้ใส่อยู่ตัวรับแสงจะเปิดระบบรับแสงอัติโนมัติเพื่อสำรองพลังงาน และนอกรับแสงจากดวงอาทิตย์แล้วมันยังสามารถสำรองพลังงานจากพลังงานจลได้ด้วย

โหมดการตั้งค่านาฬิกาของ Type 2 e-Crown Concept นี้มีอยู่สามแบบ โหมดแรกคือควบคุมโดยแอพความแม่นยำอยู่ที่ระดับวินาที  โหมดที่สองคือกึ่งอัตโนมัติ ผู้ใช้ตั้งค่าเวลาเองและ e-Crown จะปรับให้ตรงตามนาที และโหมดควบคุมโดยผู้ใช้เอง ซึ่งส่วนนี้สามารถควบคุมผ่านแอพได้ด้วย มีให้เลือกด้วยกัน 2 สี ราคาก็ตามประมาณ 1,351,872 บาท

Ressence Type 3W

นาฬิการุ่น 3W เปิดครั้งแรกที่งาน Baselworld 2013 มีรายละเอียดปลีกย่อยคล้ายคลึงกับรุ่น Type 1 ตัวเรือนใส่น้ำมันลงไปในกลไกการทำงานซึ่งนอกจากจะหล่อลื่นกลไกแล้ว ยังช่วยให้ไม่มีการสะท้อนกลับทำให้หน้าปัดอ่านได้ง่ายกว่าเดิม นอกจากนั้นยังมีช่องแสดงอุณหภูมิของน้ำมันไว้สำหรับให้ผู้ใช้มองเห็นอยู่ตลอดบริเวณวงกลมสีน้ำเงินและสีแดง เพราะความหนืดที่เปลี่ยนแปลงตามอุณหภูมิจะส่งผลต่อกลไกได้ถ้าไม่อยู่ในอุณหภูมิที่เหมาะสม

ตัวเรือนของนาฬิการุ่นนี้อาจมีขนาดใหญ่กว่า Type 1 และ Type 2 เล็กน้อย แต่ก็ไม่ได้ดูใหญ่เกินกว่าจะอยู่บนข้อมือเพราะมีขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 44 มม. ความหนา 15 มม. และน้ำหนักรวมอยู่ที่ 79 กรัม  การออกแบบให้ตัวเรือนมีโทนสีอ่อนช่วยให้ดูล้ำสมัยมากขึ้นและทำให้เข็มหน้าปัดสีดำดูเด่นชัด ยิ่งเมื่อจับคู่กับสายรัดข้อมือสีเทายิ่งช่วยให้ดูหรูหรายิ่งขึ้น  

บริเวณหน้าปัดของนาฬิกาจะแสดงตัวเลขบอกชั่วโมง นาที วินาที วันในสัปดาห์ อุณหภูมิน้ำมัน นอกจากนี้ยังมีตัวเลขแสดงวันที่ตรงขอบนอกสุดของหน้าปัดด้วย

นาฬิกาทุกรุ่นของ เพิ่มประสิทธิภาพการดูเวลาในที่มืดด้วยการเคลือบสารเรืองแสงรุ่น Superluminova สีน้ำเงินที่อาศัยกลไกควอนตัมในการสร้างแสง ช่วยให้การมองเห็นตอนกลางคืนเด่นชัดกว่าเดิม รุ่นนี้มีให้เลือก 3 สี ราคาอยู่ที่ประมาณ 1,160,086 บาท

Source & Picture :1|2|3

Suthamat
The girl with flowers tattoo

บทความที่เกี่ยวข้อง

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

Allow All
Manage Consent Preferences
  • Always Active

Save