10 ผู้จัดการทีมหนุ่มที่น่าจับตามองที่สุด

“ขิงยิ่งแก่ ยิ่งเผ็ด” เป็นสำนวนที่ยังทันสมัยอยู่เสมอนะครับ ในเรื่องของการทำงาน และการใช้ชีวิต เฉกเช่นเดียวกับในวงการลูกหนัง ซึ่งคนที่จะประสบความสำเร็จบนถนนฟุตบอลอาชีพนั้น ประสบการณ์เป็นสิ่งสำคัญ ยิ่งกับตำแหน่งผู้จัดการทีม ที่ปัจจุบันมีความเสี่ยงสูงลิบ เอะอะปลด เอะอะเปลี่ยน จึงไม่แปลกที่หลายสโมสรเลือกใช้บริการคนมีประสบการณ์ผ่านร้อนผ่านหนาว มากกว่าจะเลือกเสี่ยงกับเด็กหนุ่มที่ไฟแรง แต่อาจจะทนแรงเสียดทานไม่ไหว

แต่ทุกสิ่งทุกอย่างมีข้อยกเว้นเสมอ เพราะบางทีความหนุ่มแน่นไฟแรง อาจจะสามารถผนวกเอาความสามารถที่โดดเด่นมาสร้างผลงานที่ยอดเยี่ยม อย่างที่เราได้เห็นความสำเร็จตั้งแต่หนุ่มของ เป๊บ กวาดิโอล่า, ซีเนดีน ซีดาน, เจอร์เก้น คล็อปป์ หรือแม้แต่โชเซ่ มูริญโญ่

ดังนั้น เราจึงต้องมาสำรวจผู้จัดการทีมคนหนุ่มกันสักหน่อย ว่า 10 ผู้จัดการทีมคนหนุ่ม อายุไม่เกิน 45 ปี คนไหนบ้าง ที่น่าจับตามอง และมีแนวโน้มที่ดีที่จะประสบความสำเร็จ

โธมัส ทูเคิล, ปารีส แซงต์ แชร์กแมง : 45 ปี

จุดเด่นสำคัญของกุนซือแอ๊คชั่นเยอะจากเมืองเบียร์ คือรูปแบบการเล่นเกมรุกแบบเท้าสู่เท้า เขามั่นใจในระบบ 4-1-3-2 ที่พร้อมปรับเป็น 3-5-2 ตลอดเวลา รวมถึงการให้โอกาสดาวรุ่งสม่ำเสมอ เส้นทางที่เหลือในซีซั่นนี้กับเปแอสเช คือเขาต้องพิสูจน์ว่าพาทีมเข้ารอบลึกในถ้วยยุโรปได้ (เพราะแชมป์ลีกนอนมาอยู่แล้ว) เพื่อลบคำสบประมาทจากครั้งที่โดนปลดจากดอร์ทมุนด์มา

มาร์โก้ ซิลบา, เอฟเวอร์ตัน : 41 ปี

ไม่มีใครสงสัยในความทะเยอทะยานของซิลบา ตั้งแต่เลือกมาลองของแข็งในพรีเมียร์ลีกตั้งแต่อายุ 40 ปี แม้จะเคยตกชั้นกับฮัลล์ ซิตี้ แต่ฝีมือและแทคติคของเขาก็บ่งบอกได้ว่ามีของอยู่ ก้าวต่อไปกับเอฟเวอร์ตันถือว่าสำคัญมาก หากจะให้เตะตาสโมสรที่ใหญ่กว่านี้ เขาต้องยกระดับทอฟฟี่ให้ได้ลุ้นพื้นที่ยุโรปมากกว่าที่เป็น

สตีเวน เจอร์ราร์ด, กลาสโกว์ เรนเจอร์ส : 38 ปี

04/05/18 IBROX – GLASGOW Steven Gerrard is unveiled as the new Rangers manager

อดีตไอคอนของหงส์แดง รับงานวัดใจกับเรนเจอร์ส เพื่อหวังยกระดับให้สโมสรขยับเข้าใกล้อริร่วมเมืองอย่างเซลติกให้มากกว่าเดิม หลังซบเซามานาน ซึ่งตอนนี้พี่เจิดทำผลงานได้ไม่เลว พาทีมจี้ทีมม้าลายเขียว-ขาวในลีกเหลือเพียง 3 แต้ม และยังสามารถยัดเยียดความปราชัยครั้งแรกของเซลติกในโอลด์เฟิร์ม ดาร์บี้ ได้เป็นครั้งแรกในรอบ 13 นัด รวมถึงเป็นความพ่ายแพ้ครั้งแรกในศึกดาร์บี้คลาสสิกนี้ของนายเก่า เบรนแดน ร็อดเจอร์ส อีกด้วย

ซิโมเน่ อินซากี้, ลาซิโอ : 42 ปี

PALERMO, ITALY – APRIL 10: Head coach Simone Inzaghi of Lazio looks on during the Serie A match between US Citta di Palermo and SS Lazio at Stadio Renzo Barbera on April 10, 2016 in Palermo, Italy. (Photo by Tullio M. Puglia/Getty Images)

อินซากี้คนน้องที่แม้ตอนเป็นนักเตะจะไม่โด่งดังเท่าพี่ แต่พอตอนได้คุมทีม กลับพิสูจน์ว่าตัวเอง มีดีพอจะก้าวเป็นกุนซือแนวหน้าของกัลโช่ ซีรีย์ อา ได้ เขาเริ่มต้นจากการเป็นกุนซือรักษาการณ์ในปี 2016 จนมาถึงตอนนี้ อินซากี้คุมอินทรีฟ้า-ขาวเกินกว่า 130 นัด ด้วยสถิติชนะมากกว่า 54% จุดเด่นสำคัญของเขาคือการแก้เกม และการดึงความสามารถของทรัพยากรนักเตะที่มีมาใช้งานได้ดี ซึ่งถ้านัดสุดท้ายซีซั่นที่แล้วลาซิโอไม่พลาดแพ้อินเตอร์ในบ้าน เราคงจะได้เห็นเขาคุมทีมในแชมป์เปียนส์ ลีก ไปแล้ว

มาร์เซโล กัลยาร์โด, ริเวอร์เพลท : 43 ปี

อดีตเพลย์เมกเกอร์ร่างเล็กชาวอาร์เจนไตน์ เริ่มต้นอาชีพผู้จัดการทีมเร็วตั้งแต่อายุ 35 ปี กับสโมสรนาซิอองนัล ในอุรุกวัย สโมสรสุดท้ายของเขา พอทำผลงานได้ดี คว้าแชมป์ลีกอุรุกวัย ก็กลับไปคุมทีมที่ปลุกปั้นเขามาอย่างริเวอร์เพลท จนตอนนี้คุมทีมเกินกว่า 230 นัด คว้าแชมป์มาแล้ว 9 ถ้วย แถมเป็นโคปา ลิเบอร์ตาโดเรส ถึง 2 สมัย ไม่ต้องสืบเลยว่า หากผู้จัดการทีมชาติอาร์เจนตินามีการเปลี่ยนแปลงอีก ชื่อของกัลยาร์โด จะเป็นเต็ง 1 แน่นอน

โรแบร์โต้ มาร์ติเนซ, เบลเยี่ยม : 45 ปี

จากกุนซือที่โดนแซวว่าเหมาะเฉพาะคุมทีมหนีตกชั้น คุมเอฟเวอร์ตันก็ไม่รอด มาร์ติเนซลบข้อครหาได้เกือบหมดจากการพาทีมชาติเบลเยี่ยมทะลุเข้าไปเป็นอันดับ 3 ในฟุตบอลโลกที่ผ่านมา จุดเด่นของมาร์ติเนซคือเขาเป็นคนละเอียดในเรื่องการเตรียมตัว และการวางแผนหมุนเวียนนักเตะที่ใช้ในแต่ละนัด ซึ่งจุดนี้เคยชนะใจสมาคมฟุตบอลเบลเยี่ยม เหนือกุนซือดังๆ มากมาย จนได้งานนี้มา

เอ็ดดี้ ฮาว, บอร์นมัธ : 41 ปี

during the Premier League match between Everton and AFC Bournemouth at Goodison Park on February 4, 2017 in Liverpool, England.

จากนักเตะลีกล่างโนเนมที่ต้องแขวนสตั๊ดเร็วเพราะอาการบาดเจ็บ แถมยังต้องเริ่มต้นการเป็นกุนซือแบบอาภัพ เพราะทีมเป็นหนี้สินมากมาย ไม่มีแม้กระทั่งเงินจะจ่ายค่าจ้าง เอ็ดดี้ ฮาว ต่อสู้ และสร้างทีมบอร์นมัธมาตั้งแต่ระดับลีก 1 ก่อนจะก้าวมาเป็นขาประจำที่ไม่ต้องลุ้นหนีตกชั้นในพรีเมียร์ลีกได้อย่างน่ายกย่อง จุดเด่นของกุนซือหนุ่มที่เริ่มอาชีพโค้ชตั้งแต่อายุ 29 รายนี้ คือเชื่อมั่นในนักเตะดาวรุ่งเสมอ และไม่เคยกลัวจะเดินเกมในรูปแบบของตัวเอง ไม่ว่าจะเจอทีมเล็กหรือใหญ่ จนเคยเป็นหนึ่งในตัวเต็งจะได้คุมทีมอาร์เซนอลต่อจากอาร์แซน เวนเกอร์ด้วยซ้ำไป

พาโบล มาร์ชิน, เซบีญ่า : 43 ปี

กุนซือหนุ่มชาวสแปนิช พึ่งมามีชื่อเสียงพุ่งขึ้นมาเมื่อซีซั่นก่อน เมื่อสามารถพากิโรน่าเลื่อนชั้นขึ้นสู่ลา ลีก้า และทำผลงานได้ยอดเยี่ยมจนทีมจบอันดับ 10 ได้สำเร็จ ซีซั่นนี้เลยได้งานท้าทายใหม่เป็นการคุมทีมเซบีญ่า ซึ่งเปลี่ยนแปลงผู้จัดการทีมหลายคนในช่วงปีหลังๆ แม้จะไม่เคยคุมทีมใหญ่มาก่อน แต่ปรากฏว่ามาร์ซินทำผลงานได้อย่างโดดเด่น คุมทีมชนะด้วยอัตราเกือบ 60% วนเวียนอยู่ใน 4 อันดับแรกของลา ลีก้า และยังอยู่ในเส้นทางลุ้นแชมป์ยูโรป้า ลีก อีกด้วย

โอเล่ กุนนาร์ โซลชา, แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด : 45 ปี

น้าลูกอม อดีตซูเปอร์ซัพของเหล่าอสูรแดง เคยเอาชื่อมาทิ้งในพรีเมียร์ลีกมาแล้วกับคาร์ดิฟฟ์ ซิตี้ เมื่อ 4 ปีก่อน จนต้องกลับบ้านเกิดไปคุมโมลด์ทีมเดิม และชื่อก็เกือบจะถูกลืมไป แต่ด้วยจังหวะการปลดมูริญโญ่ และต้องการ “คนใน” มารับงานคุมทีมชั่วคราวในช่วงบรรยากาศมาคุ ชื่อของโอเล่จึงถูกเลือกมาคุมแมนฯยู กับความคาดหวังที่ไม่สูงอะไร แต่ปรากฏว่ากุนซือชั่วคราวรายนี้ กลับพาทีมชนะ 8 นัดรวด ปลุกความเชื่อมั่นของสโมสร และปรับรูปแบบการเล่นมาเป็นแบบที่แฟนๆ อยากชม จึงไม่แปลกที่ตอนนี้ แฟนปีศาจแดงมากมายยกมือสนับสนุนให้ทีมตั้งโอเล่คุมทีมถาวรไปเลย!

จูเลียน นาร์เกลส์มันน์, ฮอฟเฟ่นไฮม์ : 31 ปี

กุนซือคนหนุ่มที่ถูกพูดถึงมาตลอด นับตั้งแต่สร้างความฮือฮาก้าวขึ้นมาคุมทีมในบุนเดสลีก้า ด้วยอายุแค่ 28 ปี แถมไม่ใช่มาแค่เล่นๆ เพราะเขาสามารถพาทีมขึ้นมาอยู่ในกลุ่มลุ้นไปเล่นเวทียุโรปได้สม่ำเสมอ จนมีชื่อเป็นหนึ่งในตัวเต็งที่จะได้คุมบาเยิร์น มิวนิก แม้สุดท้าย ทีมเสือใต้จะหันไปเลือกนิโก้ โควัช แทน แต่นาร์เกลส์มันน์ ก็มีงานใหม่ที่ไลป์ซิกรอเซ็นสัญญาอยู่ในซีซั่นหน้า ซึ่งเชื่อว่ามันจะเร้าใจแน่นอน เพราะสไตล์เกมรุกของเขา น่าจะเหมาะกับการเล่นของไลป์ซิกที่เต็มไปด้วยคนหนุ่ม

อีก 10 กุนซือคนหนุ่มที่น่าสนใจ: แฟรงค์ แลมพาร์ด (ดาร์บี้ เคาท์ตี้ / 40), ดาเนียล ฟาร์ค (นอริช ซิตี้ / 42 ปี), ลีโอนาร์โด จาร์ดิม (โมนาโก / 44), อังเดร เชฟเชนโก้ (ยูเครน / 42), พาล ดาร์ได (แฮร์ธ่า เบอร์ลิน / 42), ฟลอเรียน โคห์เฟลท์ (แวร์เดอร์ เบรเมน / 36), โดมินิโก้ เทเดสโก้ (ชาลเก้ 04 / 43), คลาเรนซ์ เซดอร์ฟ (แคเมอรูน / 42), เจนนาโร กัตตูโซ่ (เอซี มิลาน / 41), อังเดร วิลลาส-โบอาส (ว่างงาน / 41)

Text – Rocketseer

ข้อมูล: Marca, BBC, FourFourTwo, Wikipedia

เครดิตภาพ: Daily Record, The National, FOX Sports Asia, Corriere dello Sport, 101 Great Goals, Sunday Post, TN.com, Sky Sports, Football365, Sports Illustrated, talkSPORT, Herald.ng