เป็นความรู้สึกแปลกใหม่ดีเหมือนกัน ที่ “มิตรรัก นักแฟนตาซี” ของซีซัน 2019/20 เพิ่งจะลาจอกันไปไม่นาน ซีซันใหม่ 2020/21 ก็กลับมาระเบิดแข้งกันอย่างรวดเร็ว เพราะมีเจ้าโควิด-19 ตัวแสบเป็นเหตุ

อย่างที่ทราบกัน ตอนนี้ Fantasy Premier League เปิดให้จิ้มจัดทีมซีซันใหม่กันแล้ว โดยมีกำหนดการแมทช์แรกคือ 12 ก.ย. ซึ่งแน่นอนว่าจะรวมถึงเป็นเดดไลน์ของ Gameweek 1 ไปด้วย

อย่างไรก็ดี ใน EP 1 นี้ มันยังเร็วเกินไปที่เราจะมาพูดทีเด็ดเฉพาะเจาะจงกันใน Gameweek 1 จึงขอพูดถึงภาพรวมกว้างๆ ให้ทั้งคนที่เล่นอยู่เดิมแล้ว และยังไม่เคยเล่นมาก่อน ได้เข้าใจ ก่อนจะเริ่มเพิ่มดีกรีขึ้นเรื่อยๆ ใน EP ต่อไปครับ

จุดเริ่มต้นของมือใหม่

ขอเกริ่นให้ฟังก่อนสำหรับสมาชิกใหม่ ว่า “Fantasy Premier League” คือเกมจัดตัวนักฟุตบอลถูกต้องตามลิขสิทธิ์ของพรีเมียร์ลีก ซึ่งจัดการโดย Premier League เอง สามารถสมัครแอคเคาท์กันได้ที่ >> fantasy.premierleague.com <<

คอนเซปท์เบสิกของ “แฟนตาซี” คือการให้อำนาจคุณเป็นกุนซือ จัดทีมนักเตะพรีเมียร์ลีกทั้งหมด 15 คน (11 ตัวจริง + 4 ตัวสำรอง ซึ่งสามารถสลับใช้งานได้) โดยมีข้อจำกัดต่างๆ เช่น มีงบประมาณจำกัด, ห้ามมีนักเตะสโมสรนึงเกิน 3 คน เป็นต้น

พอจัดทีมเรียบร้อย คะแนนที่ทีมจะได้ก็มาจากผลการแข่งขันจริง เช่น คุณเลือกบรูโน่ไว้ บรูโน่ยิงหรือแอสซิสต์ในสนามจริง ในเกมก็จะได้คะแนนด้วย หรือคุณเลือกฟาน ไดค์ไว้ แล้วแนวรับลิเวอร์พูลไม่เสียประตู ฟาน ไดค์ก็จะได้คะแนนในเกมด้วย เป็นต้น

โดยรายละเอียดที่ลงลึกทั้ง ทำความรู้จักว่าแฟนตาซีคืออะไร, ทำไม Fantasy Premier League น่าเล่น, เริ่มต้นเล่นยังไง ผมเคยเขียนไว้ตอนต้นซีซันก่อน (Intro 101) สามารถ >> คลิกไปอ่านที่นี่เลย <<

นอกจากนั้น ยังมีการอธิบายรายละเอียดของ Fantasy Premier League ทั้งฟังก์ชันต่างๆ, เทคนิคการจัดทีมเบื้องต้น, กฎหลักการเล่น, วิธีร่วมสนุกกับเพื่อนๆ ในลีกย่อย มีลงข้อมูลไว้เช่นกัน (Intro 201) สามารถ >> คลิกไปอ่านที่นี่เลย <<

รายละเอียดใน Intro 101 และ 201 น่าจะยังเป็นประโยชน์สำหรับมือใหม่อยู่ ที่ต้องอัปเดตหน่อย ก็คงเป็นโค้ดจอยลีกของ “The.Macho League” ซึ่งเราจะพูดถึงอีกทีในตอนท้าย EP นี้

ความน่าสนใจของ FPL ซีซัน 2020/21

เกริ่นแนะนำมือใหม่ไปแล้ว ก็ถึงคราวมาพูดถึงซีซันใหม่กันหน่อย เพราะมีหลายสิ่งหลายอย่างปรับเปลี่ยนไป เปรียบเหมือนการเพิ่มความท้าทายให้กับกุนซือแฟนตาซีทุกท่าน

การปรับราคานักเตะ

แน่นอนแหละ ว่านักเตะที่ทำผลงานซีซัน 2019/20 ได้ร้อนแรง จะต้องมีการดันราคาเพิ่มขึ้นในซีซันใหม่เป็นปกติ โดยมีหลายรายปรับแพงขึ้นแรงไม่เบา เช่น “บรูโน่ แฟร์นันด์ส” ปรับเพิ่มจาก 9.0 ล้านปอนด์ ในช่วงจบซีซันเป็น 10.5 หรือ “เควิน เด บรอยน์” จาก 10.6 เป็น 11.5 เป็นต้น

สิ่งนี้ทำให้กุนซือหลายรายปวดหัว เพราะด้วยระยะเวลาเบรกซีซันที่สั้น ทำให้หลายคนยังคงโฟกัสไปที่ตัวทำคะแนนเดิมๆ อยู่ เมื่อราคาปรับขึ้น การจะเลือกหลายตัวพร้อมๆ กัน จึงยากเป็นธรรมดา

การปรับตำแหน่งของนักเตะ

พวกการปรับเปลี่ยนที่สมควรแล้ว อย่าง “จอห์น ลุนด์สตรัม” เขยิบมาเป็นกองกลาง อันนี้ไม่น่าแปลกใจ แต่กับพวกนักเตะคีย์แมนรายอื่นที่ถูกปรับตำแหน่ง ปฏิเสธไม่ได้ว่าเป็นงานหนักอกกุนซือทั้งหลาย เช่น การปรับมาเป็นกองกลางของโอบาเมย็อง, แรชฟอร์ด, กรีนวู้ด

ด้วยราคาที่ตัวเด็ดปรับขึ้น และการปรับเปลี่ยนตำแหน่ง ทำให้กุนซือหลายท่านอาจจะเปลี่ยนมุมมองในการเลือกตัวทำคะแนนหลัก จากการเน้นแนวรับที่แข็งแกร่ง หรือการมีกองหน้าคุณภาพ กลายเป็นการหันมาให้ความสำคัญที่แดนกลาง ซึ่งระดมสตาร์ไว้เพียบ

Blank ทันทีใน Gameweek 1

ซีซันที่แล้วอันแปรปรวน ทำให้เกิด Blank Gameweek หรือมีทีมที่ไม่มีโปรแกรมเตะใน Gameweek 1 ถึง 4 ทีมได้แก่ แมนฯ ซิตี้, แมนฯ ยู, เบิร์นลีย์, วิลล่า หลัง 2 ทีมจากเมืองแมนเชสเตอร์ เสร็จภารกิจฟุตบอลสโมสรยุโรปช้ากว่าชาวบ้านเค้า

จุดสำคัญคือทั้ง “เรือใบสีฟ้า” และ “ปีศาจแดง” เป็นทีมยอดนิยม (อาจจะรวมเบิร์นลีย์ได้ด้วย หากมีกุนซือชอบความเหนียวแน่นของพวกเขา) จึงกลายเป็นจุดลังเลในการจัดการทีมชุดแรกของเหล่ากุนซือ เพราะหากหันไปเลือกตัวจากทีมอื่น ก็ต้องสแปร์งบประมาณไว้สำหรับนักเตะ 2 ทีมแมนเชสเตอร์ ที่อาจจะดึงเข้าทีมใน Gameweek ถัดไป

โปรแกรมเตะแน่นเอี้ยด

การที่ซีซัน 2019/20 จบช้ามาจนถึงเดือน ส.ค. รวมทั้งกลางปีหน้ามีศึกยูโร 2021 ที่เลื่อนมา 1 ปี ทำให้พรีเมียร์ลีกไม่มีทางเลือกที่จะบีบโปรแกรมที่จำนวนนัดเท่าเดิม แต่ระยะเวลารวบรัดขึ้นกว่าเดิมถึง 5 สัปดาห์

นอกจากนั้นฟุตบอลถ้วยต่างๆ ทั้งในประเทศอย่างเอฟเอ คัพ และลีก คัพ หรือเหล่าทีมท้อปที่ต้องไปลุยฟุตบอลสโมสรยุโรป แม้จะมีการปรับกฎบ้าง เช่น ไม่มีรีเพลย์ในเอฟเอ คัพ หรือไม่มีเตะเหย้า-เยือนในรอบรองฯ คาราบาว คัพ แต่แมทช์แข่งขันก็ยังคงยั้วเยี้ยไม่น้อยกว่าเดิมเท่าไหร่ โดยเฉพาะเดือน ธ.ค. ที่เป็นธรรมเนียมปฏิบัติประจำของแดนผู้ดี

การแข่งขันที่ถี่ยิบ ย่อมส่งผลต่อการบริหารนักเตะของหลายทีมอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ รวมถึงการเกิดทั้ง Double และ Blank Gameweek ที่อาจจะเปลี่ยนไปจากซีซันก่อนๆ ซึ่งส่งผลกระทบต่อการจัดทีมของกุนซือแฟนตาซีอย่างเราแน่นอน

กลยุทธ์การจัดทีมเบื้องต้น

ถึงจะเกริ่นไปว่าจะยังไม่ลงรายละเอียด สำหรับการจัดทัพรับ Gameweek 1 ที่จะเริ่มเตะกัน 12 ก.ย. แต่มันก็หลีกเลี่ยงไม่ได้ที่กลยุทธ์ทั้งหลายแหล่ จะอิงจากการสร้างทีมให้พร้อมสำหรับนัดแรกที่สุด เพราะออกตัวดี ย่อมมีชัยไปกว่าครึ่ง

อย่างไรก็ดีในหัวข้อนี้ เราอยากให้คุณมองไปไกลกว่าแค่การทำแต้มใน Gameweek 1 เพราะเส้นทางของ FPL ค่อนข้างยาวไกล การมีกลยุทธ์ในการจัดทีมที่ลงตัวในระยะยาว ยังไงก็ย่อมดีกว่าการโกยคะแนนประเดี๋ยวประด๋าว แล้วต้องไปเสียตัวช่วย หรือเสียแต้มลบโดยไม่จำเป็น

ลองหาความสำคัญของแต่ละตัว

อย่างแรก อยากให้กุนซือทุกท่านลองจัดตัวให้ครบ 15 ตัว โดยสามารถระบุความสำคัญของแต่ละตัวได้ โดยอาจจะแบ่งเป็นหมวดหมู่ง่ายๆ เช่น ตัวทำคะแนนหลัก, ตัวสำหรับโรเตชั่น, ตัวเลือกทิ้ง

เมื่อได้หมวดหมู่ของแต่ละตัวแล้ว เราจะสามารถเลือกโฟกัสว่า เราจะหยิบเอานักเตะตัวอื่นที่ใกล้เคียงมาใส่แทนแล้วดีกว่ามั้ย เช่น ตัวทำคะแนนหลักคือ “โม ซาล่าห์” ราคา 12.0 ล้านปอนด์ ถ้าจะใส่ตัวอื่นมาแทนอย่าง “มาร์คัส แรชฟอร์ด” ราคา 9.5 ล้านปอนด์ ส่วนต่างที่เราได้ 2.5 ล้านปอนด์ จะไปปรับตำแหน่งอื่นได้ดีขึ้นมั้ย

2.5 ล้านปอนด์ อาจจะสามารถปรับเปลี่ยนตัวเลือกทิ้งอย่าง “คีแนน เดวิส” 4.5 ล้านปอนด์ เขยิบไปเป็นตัวโรเตชั่น (เป็นตัวหลักทีม แต่ไม่ได้ทำคะแนนถล่มทลาย) อย่าง “คริส วู้ด” ราคา 6.5 ล้านปอนด์ได้ เราก็จะเริ่มเห็นทางเลือกมาเปรียบเทียบว่า ซาล่าห์+เดวิส กับ แรชฟอร์ด+วู้ด อันไหนคุ้มกว่ากัน

แน่นอนมองเบื้องต้นแล้ว การมีซาล่าห์น่าจะคุ้มค่ากว่าการมีแรชฟอร์ด (อันนี้มองภาพรวม ไม่ได้สนใจ Blank Gameweek 1) แต่ถ้ามองกว้างขึ้น วู้ดอาจจะเป็นตัวหมุนเวียนที่สำคัญกว่าเดวิส ที่ไม่การันตีลงสนามให้วิลล่า (หรือถึงลง เราก็เลือกใส่เป็นแค่สำรอง) ครั้นจะขยับเปลี่ยนเดวิสในอนาคต ก็คงทำได้ยากเพราะค่าตัวแสนถูก ต้องเพิ่มงบประมาณพอตัว หากจะเลือกตัวอื่น แบบนี้เป็นต้น

ลองคิดข้ามสเต็ปดู

ถึงฟุตบอลจะมีคำพูดคลาสสิกว่า “โฟกัสนัดต่อนัด” แต่กับแฟนตาซี คุณทำแบบนั้นไม่ได้ เพราะมันจะมีเรื่องของการเปลี่ยนตัวที่จำกัด ซึ่งถ้าไม่สามารถจัดการได้ ย่อมส่งผลต่อการติดลบคะแนน เพื่อแลกกับสิทธิ์เปลี่ยนตัวเพิ่มเติม ซึ่งอาจให้ผลลัพธ์กลับมาไม่คุ้มค่า

การคิดข้ามสเต็ปอาจจะไม่ต้องซับซ้อนมาก แค่คุณลองแคปเจอร์ทีมใน Gameweek 1 ไว้ แล้วลองดูว่าหากจะปรับเปลี่ยนตัวผู้เล่นใน Gameweek 2, 3, 4, …. จะปรับที่ตัวไหน เพื่อมองภาพออกว่าเราจะมีทีมที่แข็งแกร่ง (ในความคิดเรา) ได้ในระยะยาวแค่ไหน

แน่นอนว่ามันอาจจะมีเหตุเฉพาะหน้า เช่น ตัวที่คาดหวังดันหลุดเป็นสำรอง, อาการบาดเจ็บ หรือมีตัวฮ็อตอื่นที่น่าเลือกแทรกมาทีหลัง แต่การมีกรอบที่จะเปลี่ยนตัว หรือปรับทีมไว้ก่อน จะพอมองเห็นภาพว่าเราจะเก็บตัวไหนไว้ ซึ่งนั่นส่งผลดีต่อการจัดทีมชุดแรกของเราด้วยเช่นกัน

ทิ้งบางตัวหรือลงทุกตัว

กลยุทธ์คลาสสิกที่ใช้กันมาตลอด นั่นคือการเลือกระหว่างการ “ทิ้งบางตัว” อย่างการเลือกตัวราคาแสนถูก แม้จะไม่ได้ลงเล่น เพื่อเอางบไปเทที่อื่น กับ “ลงทุกตัว” หรือการเลือกทั้ง 15 ตัวที่น่าจะเป็นตัวจริงกับสโมสรทั้งหมด เพื่อสามารถสลับสับเปลี่ยนตัวได้โดยตลอด

ความจริงแล้วเลือกแบบไหน ไม่อยากชี้นำว่าผิดหรือถูก เพราะมันเป็นสไตล์ของการจัดสรรทีมของแต่ละคน เพียงอยากจะย้ำให้รู้ตัวว่า หากคุณเลือกแบบไหนแล้ว ย่อมมีผลกระทบที่จะตามมา

การเลือก “ทิ้งบางตัว” ทำให้คุณมีนักเตะซึ่งอาจไม่มีแต้มเลยอยู่ในทีม ซึ่งแปลว่าคุณจะมีนักเตะหมุนเวียนน้อยลง และการจะปรับเปลี่ยนตัวทิ้งนี้ในอนาคตก็ทำได้ยาก เพราะค่าตัวถูกมาก อย่างที่พูดไปแล้ว

การลดความเสี่ยงของวิธีนี้ คือการค้นหานักเตะราคาต่ำที่มีโอกาสลงเล่นมากที่สุด ที่ได้รับความนิยมขอยกตัวอย่าง “ออร์ยาน นีแลนด์” โกล์วิลล่าที่ราคา 4.0 ล้านปอนด์ เพราะฮีตันยังเจ็บอยู่ มีโอกาสจะหายไม่ทันเปิดฤดูกาล

ดูเผินๆ การเลือกนีแลนด์น่าสนใจ แต่เมื่อฮีตันกลับมายึดมือ 1 (หรือวิลล่าเกิดซื้อโกล์ใหม่ หลังฤดูกาลเริ่มไปแล้ว – ตลาดปิดต้น ต.ค.) การจะขยับเปลี่ยนนีแลนด์จะยากทันที เพราะหาตัวเปลี่ยนราคาเท่ากันยาก และเราคงไม่อยากเสียโควต้าไปกับการเปลี่ยนโกล์โรเตชั่นเท่าไหร่

ส่วนการเลือกแบบ “ลงทุกตัว” แน่นอนว่ากระทบในส่วนงบประมาณของตำแหน่งอื่น เช่น การเลือกตัวที่น่าจะได้ลง อาจเพิ่มงบประมาณ 0.5 หรือ 1.0 ล้านปอนด์ จากตัวที่เลือกแบบทิ้ง ซึ่งบางทีก็ทำให้เราสูญเสียงบประมาณในการเลือกตัวทำคะแนนหลัก หรือตัวโรเตชันไปเช่นกัน

บาลานซ์ตามกระแส-ความอินดี้

หากซีซันผ่านไปแล้วซักครึ่งทาง หรือเข้าสู่โค้งสุดท้าย การเลือกตัวตามกระแส หรือเลือกแหวกแนว คงมีเรื่องของแต้มสะสมในกลุ่มย่อยมาเกี่ยวข้อง แต่กับการตั้งต้นเริ่มใหม่ คุณต้องจูนสติ และบาลานซ์มันให้มากกว่าปกติ

กับตัวยอดนิยม ตัวอย่างเช่น “เทรนท์ อเล็กซานเดอร์-อาโนลด์” ซึ่งตอนนี้มีคนเลือกใช้งานมากกว่า 55% เท่ากับว่าถ้าเราเลือก ก็จะไม่ตกขบวนคนส่วนใหญ่ในเกม จะปังก็ปังด้วย จะแป้กก็แป้กตาม ชอบหรือไม่ชอบ ก็อาจจำใจต้องมีติดทีมไว้

ส่วนตัวที่ได้รับความนิยมรองลงมา อย่างตัวทำคะแนนหลัก ก็อาจจะใส่ความคิดเห็นส่วนตัวเข้ามาเพิ่มเติมได้มากขึ้น ยกตัวอย่างเช่น งบหลักอยากลงที่แดนกลาง แล้วก็ไว้ใจเกมรุกของลิเวอร์พูล ก็อาจจะสโคปให้เหลือ “โม ซาล่าห์”​ กับ “ซาดิโอ มาเน่” ก่อนจะใช้ความมั่นใจส่วนตัวจิ้มเลือกซักคน หรือจะเสี่ยงใช้ทั้งคู่เลย ก็แล้วแต่

ตัวองค์ประกอบอื่นๆ อย่างตัวโรเตชั่น ก็อาจใส่ความชื่นชอบส่วนตัวเพิ่มเข้าไปอีกนิด เพราะน่าจะส่งผลต่อคะแนนได้น้อยกว่าตัวหลักหากพลาดพลั้ง โดยอาจตั้งงบประมาณคร่าวๆ ที่อยากได้ แล้วเอานักเตะในข่ายมาเทียบกันดูว่าชื่นชอบใคร

และเมื่อการแข่งขันดำเนินไป ผลงานของทีมและนักเตะเริ่มมองเห็นภาพชัดขึ้น เราก็ค่อยๆ ปรับมุมมองการเลือกตัวตามกระแส หรือการเลือกตัวแหวกแนวเพิ่มขึ้นในภายหลัง ตามแต่สถานการณ์อีกที

ทำความรู้จักทีมและนักเตะให้มากที่สุด

หัวข้อสุดท้าย ขอเกริ่นไว้ก่อนเพราะตั้งใจจะลงรายละเอียดอีกครั้งใน EP หน้า กับการรู้จักทีมและนักเตะให้มากที่สุด เนื่องจากเราไม่สามารถเลือกใช้แต่ตัวนักเตะจากทีมดังๆ เพียงอย่างเดียว

การทำความรู้จักนักเตะหลากหลายทีม มีข้อมูลซักหน่อยว่าคนไหนมีจุดเด่นพิเศษ เช่น ยิงเยอะ, แอสซิสต์เยอะ, ลงสนามสม่ำเสมอ, เป็นตัวเล่นเซ็ตพีซของทีม จะทำให้เรามีทางเลือกกับตัวโรเตชั่นที่มีประสิทธิภาพ และใช้งบประมาณสมเหตุสมผลมากขึ้น

ซึ่งใน EP หน้า เราจะหยิบเอานักเตะในหมวดหมู่ต่างๆ ที่กุนซือหลายท่านอาจจะมองข้าม เช่น ตัวเลือกจากทีมน้องใหม่ หรือตัวนักเตะราคาถูกที่มีแนวโน้มน่าสนใจ เอามาให้อ่านกัน รอติดตามกันต่อ เผื่อจะมีนักเตะทีเด็ด ที่คุณอาจจะมองข้ามไป

และปิดท้าย EP แรกนี้ ด้วยการพูดถึง “The.Macho League” ลีกแฟนตาซีของเราที่ดุเดือด แจกเสื้อบอลของแท้จริงทุกเดือน ไม่อยากให้คุณพลาดกัน

รายละเอียดของลีก เราได้เตรียมไว้เรียบร้อยแล้ว ใครอยากทราบกฎกติกา, วิธีการคิดคะแนน, รางวัลรายเดือน, รางวัลแชมป์ซีซัน สามารถ >> คลิกไปอ่านที่นี่เลย <<

ส่วนใครยังสงสัยว่าจะจอยยังไง หาทางเข้าไปจอยไม่ถูก เชิญอ่านรายละเอียดตามนี้

เนื่องจากเราตั้งลีกสำหรับซีซัน 2020/21 ใหม่ ดังนั้นทุกท่านจะต้องจอยใหม่อีกครั้งเท่านั้น

จัดทีมครั้งแรกเรียบร้อย แล้วไปที่เมนู Leagues >> เลือก Create or Join leagues >> เลือก Join existing league >> เลือก Private League >> ใส่โค้ด reyrkp แล้วกด Join league ได้เลย

อยากติดตามความเคลื่อนไหว, พูดคุย และแลกเปลี่ยนทัศนะ

เรียนเชิญที่ช่องทางของเราที่มีทั้งกลุ่มเฟซบุ๊ค และกลุ่มแชทใน LINE OpenChat
กลุ่มเฟซบุ๊ค : >> คลิกที่นี่ <<
กลุ่มแชทใน LINE OpenChat : >> คลิกที่นี่ <<

Picture : Fantasy Premier League, Sky Sports, Reddit, Premier League, ESPN, Diario AS, Liverpool FC, RNZ, The Boot Room, Radio Times, Thisisfutbol