พาสาวเดทแบบไม่แมสกับ 7 ร้านเจ๋งๆที่มู้ดแอนด์โทนเหมือนถอดมาจากหนังรักฮอลลีวูด - The Macho
 
Roral Enfield - Hunter 350
728x150 - Nissan Almera
728x150 - Hunter4
พาสาวเดทแบบไม่แมสกับ 7 ร้านเจ๋งๆที่มู้ดแอนด์โทนเหมือนถอดมาจากหนังรักฮอลลีวูด

ดูหนังกินข้าวเดินห้าง กินข้าวเดินห้างดูหนัง สูตรสำเร็จการเดทของคู่รักส่วนใหญ่บนโลกไปนี้ บางครั้งเราก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าอะไรที่มันวนอยู่กับเรื่องเดิมๆ ก็น่าเบื่อไม่ใช่น้อย ยิ่งถ้าสาวๆ ของคุณเป็นสาวเจ้าเสน่ห์ที่ผ่านการโดนจีบ ชวนไปเดทมาอย่างโชกโชนคงจะเอียนๆ อยู่เหมือนกัน

วันนี้เราเลยขอเปลี่ยนการเดทอันแสนหน้าเบื่อมาโยงเข้ากับซีนสุดโรแมนติกในหนังรักชื่อดังหลายๆ เรื่อง ซึ่งแทบไม่น่าเชื่อว่าประเทศไทยเองก็มีสถานที่เจ๋งๆ ราวกับซีนหนังรักเรื่องดังแอบซุกซ่อนอยู่ มาดูกันมีที่ไหนเหมาะกับไลฟ์ไสตล์ของคู่คุณบ้าง

1. Zombie Books

https://www.readhowl.com/2016/09/23/zombie-book/

“You” ซีรีส์ดาร์คโรแมนติกจาก Netflix คงจะทำให้ใครหลายคนอยากเดินเข้าร้านหนังสือขึ้นเป็นกอง ยิ่งถ้าคุณและคนรักชอบอ่านหนังสือเป็นชีวิตจิตใจ การพาเธอไปอยู่ในบรรยากาศอบอุ่น อบอวลไปด้วยกลิ่นหนังสือจางๆ ผสมกับกลิ่นกาแฟคั่วบด พลางพูดคุยเรื่องหนังสืออย่างออกรส นี่สิโรแมนติกกว่าการออกไปดินเนอร์เป็นไหนๆ

“Zombie Book” เป็นร้านหนังสือที่นอกจากมาเอาจริงเอาจังเรื่องการอ่าน ยังเหมาะกับการพาสาวมาสวีท นอกจากจะเป็นแหล่งรวมหนังสือดีๆ มากมายหลากสไตล์ให้เลือกอ่าน บนชั้น 2 ของร้านยังเป็นส่วนจัดแสดงงานศิลปะ และเป็น Co-working space สำหรับเปิดใครก็ได้เข้ามาอ่านหนังสือเงียบๆ ตลอด 24 ชม.

https://www.readhowl.com/2016/09/23/zombie-book/

ส่วนทีเด็ดต้องยกให้ชั้น 3 เพราะเขาเปิดเป็นบาร์เท่ๆชื่อว่า “1970s” บรรยากาศข้างในบาร์จะให้อารมณ์ดิบๆ เท่ๆ หน่อย แต่ก็ยังคงความเป็นส่วนตัวเอาไว้ ไม่ได้แออัดมากจนเกินไป เหมาะกับการขึ้นมาพูดคุยกันพร้อมฟังเพลงยุค 70’s จากแผ่นเสียงคลอๆ ไม่ว่าจะเลือกหนังสือกันก่อนแล้วค่อยขึ้นไปมาเมาก็เข้าท่าดี ส่วนใครอยากฟังดนตรีสดทุกคืนศุกร์และวันเสาร์จะมีวงดนตรีฝีมือจ้ดจ้านมามอบเสียงเพลงเพราะๆให้ฟังกันยาวๆด้วย

http://www.baanlaesuan.com/64164/design/living-lifestyle/12-independent-bookstores

เปิดจันทร์-อาทิตย์ 24 ชม. 21/118 อาคาร D โครงการ RCA ซอยศูนย์วิจัย เขตบางกะปิ กรุงเทพฯ โทร.084-654-3954 MRTเพชรบุรี

2. ร้านแผ่นเสียง

https://www.herenow.city/en/bangkok/venue/raan-phan-siang/

ถ้าใครเคยดูหนังเรื่อง “Before Sunrise” คงจะประทับใจ ไม่ก็อมยิ้มตามฉากพระนางฟังเพลงด้วยกันในร้านขายแผ่นเสียงแน่ๆ  ยิ่งถ้าใครเป็นแฟนตัวยงของของหนังรักสุดคลาสสิคเรื่องนี้ ไม่ก็รักการฟังเพลงจากแผ่นเสียงเป็นทุนเดิมแล้วละก็ “ร้านแผ่นเสียง” เป็นจุดมุ่งหมายที่เหมาะจูงมือคนรู้ใจชวนกันไปเลือกแผ่นเสียงด้วยกันยิ่งนัก

บ้านสีขาวสไตล์โคโลเนียลกับสนามหญ้าขนาดใหญ่บริเวณหน้าบ้านอันเป็นที่ตั้งของร้าน ช่วยให้บรรยากาศภายในผ่อนคลาย สบายๆ อบอุ่นเหมือนเดินเล่นอยู่บ้านเพื่อน ด้านในร้านจะแบ่งเป็นโซนต่างๆ ตามประเภทของเพลงโดยมีทั้งเพลงไทยและเพลงสากล รวมถึงมีแผ่นหายากรุ่นลิมิเต็ด หรืออัลบั้มที่โดนแบนด้วย

https://www.herenow.city/en/bangkok/venue/raan-phan-siang/

ซึ่งนอกจากจะอัดแน่นไปด้วยแผ่นเสียงจำนวนมากทุกตารางนิ้วของร้าน บริเวณด้านหลังยังมีเทปคาสเซ็ตจำนวนมากให้เลือกซื้อหาได้เช่นกัน และไม่ต้องห่วงว่าจะไม่มีโมเม้นต์แบบในหนังเพราะทางร้านเขามีโซฟาให้ทดลองฟังเสียงจากเครื่องเสียงคุณภาพดีอยู่ 2 มุมด้วยกัน

https://www.gourmetandcuisine.com/going_out_scoop/detail/84

เปิดจันทร์-อาทิตย์ 11.00 –20.00น. ซอยประดิพัทธิ์ 19 แขวงสามเสนใน เขตพญาไท กรุงเทพฯ โทร – 081-875-5888 BTS สะพานควาย

3. Rabbit Hill

https://www.facebook.com/pg/rabbithillbkk/

แม้หนังของหว่องจะเหงาแต่มู้ดแฮนด์โทนในเรื่อง “In The Mood of love” นั้นกลายมาเป็นแรงบันดาลใจสำหรับการตกแต่งร้านอาหารสไตล์จีนย้อนยุคหลายที่ ซึ่งบาร์เล็กๆ ย่านเยาวราชอย่าง “Rabbit Hill” ก็จัดว่าเป็นบาร์ที่อัดแน่นไปด้วยความหว่องเหมาะกับการมาดินเนอร์สไตล์ย้อนยุค

การตกแต่งโดยใช้โทนสีแดงผสมกับโครงสร้างลอฟต์สไตล์จีน ตั้งแต่หน้าประตูร้านยันพื้นที่ด้านในให้อารมณ์เหมือนหลุดเข้าไปในเซี่ยงไฮ้ยุค 70’s  ยังไงอย่างงั้น  จุดเด่นบริเวณด้านในนอกจากบันไดวนที่ตั้งอยู่กลางร้านแล้ว ภาพวาดหญิงสาวชาวจีนสวมชุดกี่เพ้าบนผนังยังสะดุดสายตามาแต่ไกลชวนให้นึกถึงหน้านางเอกหนังเรื่อง In The Mood of love ขึ้นมาทันที

ซึ่งนอกจากการตกแต่งซะจีนจ๋า ในร้านยังเปิดเพลงจีนให้เข้ากับบรรยากาศ แม้แต่เมนูเครื่องดื่มและเมนูอาหารก็เป็นสไตล์เอเชียนบาร์ให้เข้ากับธีมร้าน ไม่ว่าจะเป็นสาเก เหล้าบ๊วย และไวน์ แต่เด็ดสุดต้องยกให้คราฟต์เบียร์ฮ่องกงแบรนด์  Moonzen Brewery ที่มาพร้อมคาแร็คเตอร์เด่นชัด แปลกใหม่ไม่เหมือนใคร ยิ่งสั่งมากินคู่กันกับ ขาหมูเย็นและไก่ห่อกระดาษโบราณเมนูเด็ดของทางร้านยิ่งฟินขึ้นไปอีก ใครที่ชอบฟีลลิ่งแบบหว่องพลาดที่นี่ไม่ได้เลย

เปิดอังคาร-อาทิตย์ 17.00-00.00 น. 1 ถ. สันติภาพ เขตป้อมปราบศัตรูพ่าย โทร. 092-646-6636 

4. Chocolate Ville

https://www.facebook.com/pg/chocolateville/photos/?ref=page_internal

เชื่อว่าหลายคนอาจจะไม่เคยดูหนัง “Chasing Liberty” เรื่องราวเกี่ยวกับลูกสาวประธานาธิบดีที่หนีออกจากบ้านไปทัวร์ยุโรปด้วยตัวเองและบังเอิญไปเจอหนุ่มคนหนึ่งเข้าการเดทแสนหวานแววกับบรรยากาศสไตล์ยุโรปจึงเริ่มขึ้น

และเมื่อเห็น “Chocolate Ville” แวบแรกเราก็นึกถึงหนังเรื่องนี้ขึ้นมาเลย   บางคนน่าจะคุ้นๆ Chocolate Ville มาบ้างเพราะที่นี่เปิดมาได้สักพักใหญ่ๆเลย และโด่งดังเรื่องการเป็นร้านอาหารสไตล์ยุโรปคอนเซ็ปต์ Dining In The Park  ที่ไม่ได้อยู่เขาใหญ่และไม่ต้องบินไปไหนไกลเพราะมันตั้งอยู่ย่านเกษตร-นวมินทร์นี่เอง

บนพื้นที่กว่า 16 ไร่ถูกตกแต่งให้กลายเป็นหมู่บ้านเล็กๆ สไตล์ยุโรปซึ่งอัดแน่นไปด้วยโซนต่างๆมากมาย ไม่เป็นบ้านไวน์ซึ่งมีไวน์หลายชนิดให้เลือกนับไม่ถ้วน พื้นที่โซนเรือนกระจกสุดโรแมนติก ประภาคารสีขาวขนาดใหญ่ และพื้นที่ริมสระน้ำที่ให้อารมณ์เหมือนอยู่ในเวนิชประเทศอิตาลี โดยเฉพาะช่วงยามเย็นยิ่งพาให้บรรยากาศโรแมนติกเหมาะกับการมาเป็นคู่

https://www.facebook.com/pg/chocolateville/photos/?ref=page_internal

ส่วนเมนูอาหารที่นี่ก็มีหลากหลายสไตล์เช่นกันทั้งอาหารเม็กซิกัน อาหารไทย และอาหารจีน ทั้งยังมีเมนูของหวานให้อิ่มเอมได้เต็มที่ ใครชอบบรรยากาศโรแมนติกทานข้าวเสร็จเดินชิลๆ ถ่ายรูปกันต่อกับหวานใจไปเรื่อย Chocolate Ville นี่แหละเหมาะเลย

เปิดจันทร์-อาทิตย์ 16.00-00.00 น. ซอยนวมินทร์ 74 แยก 3-8 ถนนเกษตร-นวมินทร์ แขวงคลองกุ่ม เขตบึงกุ่ม กรุงเทพฯ โทร. 081-921-2016

5. Feelingbar

https://www.facebook.com/pg/feelingbarAri/photos/?ref=page_internal

หนุ่มๆคนไหนเป็นแฟนซีรีส์ “Black Mioror” ที่ตีแพร่ความดาร์กของเทคโนโลยีน่าจะเคยดู “San Junipero” ในซีซั่น 3 ซึ่งพูดถึงความรักระหว่างหญิงสาวสองคนที่เหมือนจะเจ็บปวดแต่ก็โรแมนติกในคราวเดียว โดยเฉพาะฉากในบาร์ยุค 80s ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของความสัมพันธ์นั้น คงจะทำให้ใครหลายคนอินกับแสงนีออนแสบสันกับเพลงยุคนั้นไม่มากก็น้อย

“Feeling Bar” บาร์เปิดใหม่ย่านอารีย์ทำให้เรารู้สึกเหมือนอยู่ใน San Junipero  ขาดก็แต่ตู้เกมส์ ถ้ามีมาตั้งด้วยนี่ใช่เลย ไฟนีออนจัดเต็มโทนชมพูกับดนตรีสดหลากแนวที่มีทุกวันไม่เว้นวันหยุด ช่างล่อตาล่อใจชาวปาร์ตี้ที่อยากปลดปล่อยอารมณ์ได้ดี  แต่หากจะไปเป็นคู่ก็ไม่เสียหายอะไรเพราะคอปเซปต์ของร้านนั้นต้องการให้เป็นศูนย์รวมของผู้คนมากหน้าหลายตาที่ไม่ว่าคุณจะรู้สึกอย่างไรก็พร้อมให้พักพิงได้เสมอ

โดยแต่ละวันทางร้านจะมีธีมแตกต่างกันไปซึ่งไม่ใช่แค่เพลงเท่านั้นแต่แสงไฟในร้านก็จะปรับเปลี่ยนให้เข้ากับอารมณ์ด้วย แต่ถ้าจะไปเป็นคู่อย่าไปวันพฤหัสบดีจะดีกว่าเพราะเขาเป็นธีมอินกับเพลงเศร้าเคล้าอารมณ์ ถ้าอยากไปอินกับเพลงย้อนยุค 90s ต้องไปโยกกันวันพุธ

https://www.facebook.com/pg/feelingbarAri/photos/?ref=page_internal

นอกจากคอนเซ็ปต์ร้านจะครีเอทออกมาได้ใจ เมนูค็อกเทลกับเมนูอาหารยังจี้ดทั้งชื่อและรสชาติไม่แพ้กัน โดยเมนูค็อกเทลจะใช้ Sangsom เป็นเบสหลัก และทำไซรัปต่าง ๆ เองเกือบทั้งหมด ส่วนเมนูอาหารนั้นเป็นเมนูทานเล่นซะส่วนใหญ่ แต่ถ้าอยากอิ่มท้องก็ต้องเมนู’เด็กเส้น’เลย

เปิดวันอังคาร-เสาร์ 18:00 – 01:00 น. (หยุดวันจันทร์, วันอาทิตย์) อารีย์ซอย 4 ฝั่งเหนือ เขตพญาไท กรุงเทพฯ โทร. 082 425 1515 BTSอารีย์

6. Dine In the Dark

https://sandinmysuitcase.com/dining-in-the-dark-in-bangkok/

ฉากนัดเดทในหนังรักฟีลกู๊ดเรื่อง “About Time” ทำให้เรารู้ว่าบนโลกนี้ยังมีร้านอาหารที่มีคอนเซ็ปต์ดินเนอร์ท่ามกลางความมืดมิดอยู่จริงๆ ซึ่งไม่ใช่ทำขึ้นมาเพื่อความแปลกไม่ซ้ำใครเท่านั้นแต่ยังเป็นการช่วยสร้างอาชีพให้แก่ผู้พิการทางสายตาและรายได้ส่วนหนึ่งยังเป็นการสมทบมูลนิธิคนตาบอดด้วย

“Dine In the Dark” คือชื่อร้านอาหารนั้นที่มีทั่วโลกและไทยก็เป็นหนึ่งในนั้น ตลอดการทานอาหารในร้านจะมีผู้พิการทางสายตามาเป็นไกด์คอยดูแลความสะดวกให้ลูกค้า แต่คุณจะไม่มีโอกาสแม้แต่จะได้เห็นรูปหน้าตาอาหารว่าเป็นอย่างไร เลือกได้แค่ว่าเป็นคอร์สอาหารเอเชีย อาหารเวสเทิร์น อาหารมังสวิรัติ และเมนูเซอร์ไพรส์ เพื่อให้เข้าใจความไม่สะดวกของการมองไม่เห็นอย่างแท้จริง

ภายในห้องมืดอย่าคิดว่าจะมองเห็นอะไรเลือนลางบ้าง เพราะมืดคือมืดสนิทจริงๆ คุณจะได้ใช้ประสาทสัมผัสทั้งหมดเพื่อการลิ้มรสชาติอย่างน่าตื่นเต้น อาจจะหยิบของกินไม่ถูกบ้าง รู้สึกประหลาดๆ กล้าๆ กลัวๆ เพราะธรรมชาติของคนเราถูกสร้างมาให้กลัวสิ่งที่มองไม่เห็น แต่หากควงแขนกันเดินเข้าไปที่นี่น่าจะมอบประสบการณ์ใหม่ให้คู่ของคุณ รวมถึงมอบโอกาสดีๆให้ผู้พิการทางสายตาด้วย

เปิดจันทร์-เสาร์เวลา 18.30 – 21.30 น. ชั้นล่างโรงแรมเชอราตันแกรนด์สุขุมวิท กรุงเทพฯ โทร. 02-6498358 BTS อโศก ,MRT สุขุมวิท

7. Dumbo

https://www.facebook.com/pg/dumbo.bangkok/photos/?ref=page_internal

“Dumbo” เป็นบาร์โอเพ่นแอร์บนดาดฟ้าน้องใหม่ย่านสะพานควายที่จัดจ้านเรื่องดนตรีและบรรยากาศสไตล์มหานครนิวยอร์ก ซึ่งทำให้เรานึกถึงฉากอัดเสียงบนดาดฟ้าแล้วลูกสาวเจ้าปัญหาขึ้นมาเล่นเบสร่วมกับวงดนตรีของพ่อในหนังเรื่อง “Begin again” ถือเป็นฉากหนึ่งที่น่าประทับใจและอบอุ่นใจไม่น้อย

ด้วยความที่ Dumbo เป็นบาร์แบบเปิดคุณจะได้ดื่มด่ำกับบรรยากาศเย็นๆ มีลมพัดเบาๆ พลางมองวิวกว้างตึกสูงและรถไฟฟ้าที่กำลังแล่นผ่าน โดยจะมีเพลงเพลงแจ๊สยุค 50s – 70s คอยขับกล่อมให้เข้ากับบรรยากาศสุดโรแมนติกช่วงเวลานั้น แต่หากใครอยากชมดนตรีสดทุกคืนศุกร์และเสาร์จะมีวงดนตรียิปซีแจ๊สมาคอยมอบความสุขให้ตลอดทั้งคืน

https://www.facebook.com/pg/dumbo.bangkok/photos/?ref=page_internal

นอกจากบรรยากาศและแนวเพลงจะให้กลิ่นอายเมืองนอกจนได้ใจ ค็อกเทลที่นี่ก็เด็ดไม่แพ้กันเพราะได้สูตรลับมาจากบาร์ฝั่งนิวยอร์ก และถูกตั้งชื่อตามเพลงแจ๊สคุ้นหูยอดฮิตรุ่นคุณปู่คุณย่า

https://www.facebook.com/pg/dumbo.bangkok/photos/?ref=page_internal

เปิดทุกวัน 17.00-00.00 น. ชั้น 6 ตึก Inn Office เขตพญาไท กรุงเทพฯ โทร. 094-560-7222 BTS สะพานควาย

Suthamat
The girl with flowers tattoo

บทความที่เกี่ยวข้อง

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

Allow All
Manage Consent Preferences
  • Always Active

Save