แม้ห้วงเวลาในอาชีพค้าแข้งของนักฟุตบอลคนนึงจะไม่ได้ยาวนานอะไรมากนัก แต่ก็ต้องยอมรับตามตรงเลยว่า เราหานักฟุตบอลที่ค้าแข้งอยู่กับสโมสรเพียงสโมสรเดียวได้ยากยิ่งนัก เพราะมันเป็นเรื่องธรรมดาแหละ ที่เหล่านักเตะ จะต้องย้ายทีมด้วยเหตุผลต่างๆ จะหาความท้าทายใหม่ คาดหวังระดับสโมสรที่ใหญ่ขึ้น เติบโตมากขึ้นในด้านรายได้ หรือย้ายเพื่อโอกาสลงเล่น อะไรก็แล้วแต่ การโยกย้ายสโมสรจึงเกิดขึ้นตลอดเวลา
ซึ่งการย้ายไปนู่นมานี่ของทั้งนักเตะเหล่านี้ ก็สร้างเซอร์ไพรส์ให้แฟนบอล ว่านักเตะคนนี้ มันเคยอยู่ทีมนี้ด้วยเหรอฟระ? วันนี้ เราเลยอยากลองรวบรวมเรื่องราวที่ว่า ดูซิ ว่ามันจะเซอร์ไพรส์คุณแค่ไหน!? ไปลองดูกัน
ปิแอร์-โอมาริก โอบาเมยอง / เอซี มิลาน
ศูนย์หน้าเชิงสูงของ “ปืนใหญ่” อาร์เซน่อล เป็นที่รู้จักว่าเริ่มดังจากลีกเอิง และประสบความสำเร็จจาก “เสือเหลือง” โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ แต่หลายคนคงไม่ทราบว่า จริงๆ แล้ว แกเป็นนักเตะเยาวชนเริ่มต้นที่เอซี มิลาน มาก่อน!
ในวัยเด็กนั้น โอบาอยู่กับหลายสโมสรในฝรั่งเศส ก่อนจะได้ย้ายมาร่วมทีมเยาวชนของมิลานตอนอายุสัก 18 ปี เคยเล่นในทัวร์นาเมนท์ระดับเยาวชนให้สโมสร ยิงระเบิดซะด้วย แต่ไม่สามารถจะสอดแทรกขึ้นทีมชุดใหญ่ได้ จนถูกส่งไปยืมตัวในแดนน้ำหอม ก่อนได้ย้ายถาวรและสร้างผลงานยอดเยี่ยมกับแซงต์ เอเตียน
มาร์โก้ มาร์เตรัซซี่ / เอฟเวอร์ตัน
แน่นอนว่าทุกคนจดจำนักเตะร่างยักษ์คนนี้กับสีเสื้อของ “งูใหญ่” อินเตอร์ มิลาน (และอาจจะจำได้ตอนที่โดนซีดานโขกเข้าให้!) แต่เชื่อมั้ย ว่าแกเคยลองมาเสี่ยงโชคดูในพรีเมียร์ลีก กับเอฟเวอร์ตันมาฤดูกาลนึงในปี 1998/99 ตอนนั้นแกถูกซื้อมาเป็นแกนหลักเลย เล่นได้ไม่เลว แต่ก็มีปัญหาเรื่องการคาดโทษ เพราะโดนไล่ออกซะ 3 ครั้ง ก่อนที่สุดท้าย จะย้ายกลับไปร่วมกับทีมเดิมอย่างเปรูจา หลังฤดูกาลแรกกับทอฟฟี่สีน้ำเงินสิ้นสุดลง
แฮร์รี่ เคน / เลสเตอร์ ซิตี้
แม้ตอนเยาวชน เคนจะเคยสังกัดหลายสโมสรรวมถึงอาร์เซน่อล แต่พอขึ้นทีมใหญ่ เขาก็อยู่กับ “ไก่เดือยทอง” ท็อตแน่ม ฮ็อตสเปอร์ เพียงทีมเดียวเท่านั้น แต่กว่าจะก้าวขึ้นมาเป็นศูนย์หน้าเบอร์ 1 ของทีม ก็ต้องมีช่วงถูกหยิบยืมไปค้าแข้งในลีกรองกันบ้าง ซึ่งหนึ่งในนั้นคือเลสเตอร์ ซิตี้ นั่นเอง
เคนร่วมทีมเลสเตอร์ ขณะที่จิ้งจอกสยามอยู่ในแชมเปี้ยนชิพ และลุ้นเลื่อนชั้นอยู่ โดยลงเล่นในลีกไป 13 นัด ยิงไป 2 เม็ด มีส่วนช่วยให้ทีมได้ลุ้นเตะเพลย์ออฟ แม้จะพ่ายวัตฟอร์ดในท้ายที่สุดก็ตาม โดยการไปร่วมทีมเลสเตอร์ในช่วงนั้น ทำให้เขาได้ร่วมงานกับเจมี่ วาร์ดี้ ซึ่งต่อมาทั้งคู่กลายมาเป็นศูนย์หน้าทีมชาติอังกฤษ 2 ตัวเลือกแรก ในอีกไม่กี่ปีถัดมา
ดีเอโก้ มาราโดน่า / เซบีญ่า
หลังจากเสือเตี้ยประสบความสำเร็จอย่างสูงกับนาโปลี แต่ต้องมาด่างพร้อยจากการถูกตรวจพบสารกระตุ้น และโดนแบนยาวถึง 15 เดือน เขาก็ปิดฉากการค้าแข้งกับนาโปลี และเลือกเซ็นซบเซบีญ่า ที่มีคาร์ลอส บิลาร์โด้ อดีตกุนซือทีมชาติอาร์เจนติน่า ที่คว้าแชมป์โลกกับมาราโดน่าในปี 1986 คุมทีมอยู่ ทั้งๆ ที่มีข่าวว่าเรอัล มาดริด และมาร์กเซย ให้ความสนใจ
ซึ่งเซบีญ่าในฤดูกาล 1992/93 นั้น นอกจากมาราโดน่า ในวัย 32 ปี ยังมีดีเอโก้ ซิเมโอเน่ และดาวอร์ ซูเคอร์ ในวัยหนุ่มอยู่ร่วมสังกัดด้วย มาราโดน่าทำผลงานได้ไม่เลวในซีซั่นนั้น ลงเล่น 26 นัด ทำได้ 5 ประตู ก่อนจะย้ายไปนีเวลส์ โอลด์ บอยส์ ในปีถัดมา
โจ โคล / ลีลล์
ถือเป็นเรื่องเซอร์ไพรส์เหมือนกันในตอนนั้น ที่โคลถูกยืมตัวไปร่วมทีมลีลล์ในฤดูกาล 2011/12 หลังจากฤดูกาลแรกกับลิเวอร์พูลไม่ประสบความสำเร็จนัก เพราะอาการบาดเจ็บรบกวนเขาอยู่เรื่อย
กับลีลล์ โคลได้ร่วมงานกับเพลย์เมกเกอร์หนุ่มอย่างเอด็อง อาซาร์ และปีกฝีเท้าน่าจับตา ดิมิทรี ปาเยตต์ ผลงานส่วนตัว ก็ได้เป็นตัวหลักในหลายช่วง และทำแฮททริคได้ครั้งนึงซะด้วยในเกมฟุตบอลถ้วย จนรูดี้ การ์เซีย ผู้จัดการทีมลีลล์ต้องการเก็บตัวเขาไว้ต่อ แต่ฝั่งของลิเวอร์พูล ที่พึ่งเปลี่ยนโค้ชเป็นเบรนแดน รอดเจอร์ส ก็ตัดสินใจอยากได้เขากลับไปใช้งาน เขาเลยอยู่ลีลล์แค่สั้นๆ ซีซั่นเดียว
แพททริค ไคลเวิร์ต / ลีลล์
ขอลีลล์อีกซักคน รอบนี้เป็นศูนย์หน้าระดับพระกาฬอย่างไคลเวิร์ต โดยอดีตศูนย์หน้าทีมชาติฮอลแลนด์ และสโมสรบาร์เซโลน่า ย้ายมาหาความท้าทายในลีกเอิงกับลีลล์ ในช่วงท้ายสุดของการค้าแข้ง โดยมีโอกาสร่วมทีมกับนักเตะที่ยังเล่นมาถึงทุกวันนี้อย่างอาดิล รามี่, สเตฟาน ลิชสไตเนอร์, โยฮัน กาบาย, เควิน มิราลลาส และเอด็อง อาซาร์ ที่พึ่งขึ้นชุดใหญ่ตอนนั้น
ก็อย่างที่บอกแหละครับ ว่ามันท้ายอาชีพค้าแข้งแล้ว ไคลเวิร์ตเลยออกสตาร์ทในลีกแค่ 10 นัด และยิงได้เพียง 4 ประตู ก่อนจะบอกลาลีลล์หลังร่วมทีมได้แค่ซีซั่นเดียว และแขวนสตั๊ดในที่สุด
นิโกลาส์ อเนลก้า / ยูเวนตุส
แน่นอนว่าแฟนบอลหลายคนจดจำอเนลก้า ว่าเป็นศูนย์หน้าพเนจรที่อยู่กับทีมยักษ์ใหญ่มามากมาย อย่างในพรีเมียร์ลีก ก็เล่นมาหมดทั้งอาร์เซน่อล, ลิเวอร์พูล, แมนฯ ซิตี้ และเชลซี แต่แทบจะไม่มีใครจำได้เลยว่าเขาเคยสวมเสื้อ “ม้าลาย” ยูเวนตุส ด้วย!?
จริงๆ ที่จำไม่ได้ก็ไม่แปลกเท่าไหร่หรอก เพราะอเนลก้านั้นลงเล่นให้ยูเวนตุสแค่เพียง 3 นัดเท่านั้น แม้จะอยู่ในสัญญายืมตัวจากเซี่ยงไฮ้ เสิ่นหัว นานถึง 5 เดือน ในช่วงต้นปี 2013 โดยเขาประเดิมสนามในแชมป์เปี้ยนส์ลีกกับเซลติก และอีก 2 นัดในเซเรีย อา ซึ่งแม้ปีนั้นม้าลายคว้าสกูเด็ตโต้ได้ แต่ไม่ต้องสืบว่าไม่มีใครคิดถึงชื่อแกเลย
เดนิส ลอว์ / แมนเชสเตอร์ ซิตี้
ย้อนไปในยุค 60-70 แน่นอนว่าชื่อของลอว์ คือตำนานของ “ปีศาจแดง” แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดอย่างแน่นอน เพราะเขาลงเล่นให้ทีมนานเกิน 10 ปี ยิงประตูรวมทุกรายการ 237 ประตู ถือเป็นอันดับ 3 ตลอดกาล เป็นรองแค่เวย์น รูนี่ย์ และเซอร์ บ๊อบบี้ ชาร์ลตันเท่านั้น แต่มีไม่กี่คนจะจำได้ ว่าก่อนอยู่กับยูไนเต็ด ลอว์เคยค้าแข้งกับศัตรูร่วมเมืองอย่างแมนเชสเตอร์ ซิตี้มาก่อนในปี 1960/61 ก่อนจะย้ายไปโตริโน่ และกลับมาอยู่กับฟากฝั่งสีแดงของยูไนเต็ดยาวนานถึง 11 ปี
แต่ถ้าจะนับไฮไลท์ของศูนย์หน้าชาวสก็อตติชกับเรือใบสีฟ้าจริงๆ คงต้องมองไปที่การกลับมาอยู่กับทีมอีกครั้งในฤดูกาล 1973/74 หลังออกจากยูไนเต็ด โดยนัดสุดท้ายของฤดูกาลนั้น ลอว์มีโอกาสได้ลงเล่นเจอกับยูไนเต็ด พร้อมกับทำประตูชัยได้ด้วยลูกตอกส้น ซึ่งลอว์ไม่รู้เลยในตอนนั้น ว่ามันเป็นประตูที่ดับหวังการรอดตกชั้นของยูไนเต็ด นอกจากที่ลอว์จะไม่แสดงอาการดีใจแล้ว เขาเดินคอตกออกจากสนามด้วยอาการผิดหวังชัดเจน เมื่อถูกเปลี่ยนตัวออก หลังทำประตูทีมเก่า โดยแมทช์นั้น แฟนบอลเดือดดาลเป็นพิเศษ และกรูลงมาในสนามและส่งผลให้เกมต้องยกเลิกในนาทีที่ 85 อย่างไรก็ดีสมาคมฟุตบอลให้คงผลการแข่งขัน 1-0 ไว้ตามเดิม จึงทำให้ยูไนเต็ดต้องตกชั้น ทั้งๆ ที่ก่อนนั้น 5 ปีพวกเขาเป็นแชมป์ยูโรเปี้ยนคัพ
และสิ่งที่น่าเศร้ากว่านั้น คือแมทช์ที่ชนะยูไนเต็ด กลายเป็นแมทช์สุดท้ายในอาชีพค้าแข้งของลอว์ เพราะในฤดูกาลถัดมา ลอว์ได้รับแจ้งว่าจะได้เล่นแค่ทีมสำรองเท่านั้น ภายใต้การคุมทีมของโทนี่ บุ๊ค โดยหลังจากลงเล่นในแมทช์อุ่นเครื่อง 2-3 นัด ลอว์ก็ประกาศแขวนสตั๊ดโดยไม่ได้ลงเล่นเป็นทางการเลยในฤดูกาล 1974/75
เป๊บ กวาดิโอล่า / โรม่า
แน่นอนว่านายใหญ่ของเรือใบสีฟ้าในปัจจุบัน ใช้ชีวิตค้าแข้งแทบจะตลอดกับบาร์เซโลน่า ก่อนจะย้ายไปหาความท้าทายในวัย 30 ในเซเรีย อา อิตาลีกับเบรสชา ที่กำลังหาตัวแทนของอันเดรีย ปิร์โล่ ที่ย้ายออกไป โดยเป๊บได้มีโอกาสเล่นเคียงข้างซูเปอร์สตาร์อย่างโรแบร์โต้ บักโจ้ ด้วย ผลงานของเป๊บกับเบรสชาทำได้ไม่เลว จน “หมาป่ากรุงโรม” โรม่า ตัดสินใจเซ็นสัญญาคว้าเขาไปร่วมทีมในฤดูกาลถัดมา โดยมีเพื่อนร่วมทีมคุณภาพทั้งกาเบรียล บาติสตูต้า, ฟรานเชสโก้ ต็อตติ, เอเมอร์สัน, คาฟู หรือดาวรุ่งอย่าอันโตนิโอ คาสซาโน่ และดานิเอเล่ เด รอสซี่ ภายใต้การคุมทีมของฟาบิโอ คาเปลโล่ โดย 2 ปีก่อนนั้นโรม่าเป็นถึงแชมป์ และจบรองแชมป์ในฤดูกาลก่อน (2001/02)
แต่ความคาดหวังที่จะเห็นห้องเครื่องสแปนิชอย่างเป๊บ ขับเคลื่อนเกมให้โรม่าอย่างมีพลังก็ต้องผิดหวัง เพราะนอกจากเป๊บจะโดนโทษแบนโด๊ปยานาน 4 เดือน เขาเองก็ไม่สามารถยึดตำแหน่งตัวจริงในทีมโรม่าของคาเปลโล่ได้เลย เลยลงเล่นไปรวมแค่ 5 นัด โรม่าจบเซเรีย อาปีนั้นแค่ที่ 8 ตัวเป๊บก็ต้องย้ายออกไปยังการ์ต้าในปีถัดไป
เควิน-ปรินซ์ บัวเต็ง / โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์
นักเตะกาน่าจอมพเนจรพึ่งจะสร้างข่าวฮือฮาเมื่อย้ายไปอยู่กับยักษ์ใหญ่อย่างบาร์เซโลน่าในตลาดหน้าหนาวเมื่อเดือน ม.ค. โดยก่อนหน้านั้นเจ้าตัวเล่นมาครบทั้งลีกเยอรมัน, อิตาลี, สเปน หรืออังกฤษ โดยทีมที่อยู่นานสุดของแกคือเอซี มิลาน
แต่จะมีใครจำได้มั้ย ว่าบัวเต็งสมัยที่ย้ายมาไม่ประสบความสำเร็จกับท็อตแน่ม ฮ็อตสเปอร์เท่าไหร่ เคยถูกยืมตัวไปช่วงสั้นๆ ไปร่วมทีม “เสือเหลือง” ดอร์ทมุนด์ด้วย โดยแกเล่นไป 10 นัด พร้อมกับฝากวีรกรรมจักรยานอวกาศเข้าที่หัวของมาโคโตะ ฮาเซเบะของโวล์ฟบวร์ก จนโดนตัดสินแบน 4 นัด แต่เห็นแบบนี้ดอร์ทมุนด์ ที่มีเจอร์เก้น คลอปป์ กุมบังเหียน ก็ยังหลงเสน่ห์แกนะครับ และอยากเซ็นสัญญาถาวรด้วย เพียงแต่สโมสรเองตอนนั้นมีปัญหาการเงินเลยต้องชวดไป บัวเต็งเลยย้ายไปอยู่กับปอร์ทสมัธแทน
เอ็ดการ์ ดาวิดส์ / บาร์เน็ต
กองกลางร่างเล็กพันธุ์ดุชาวดัทช์ เคยมีอาชีพค้าแข้งสุดพีคกับยูเวนตุส และเคยแวะไปอยู่บาร์เซโลน่าด้วย พออายุมากขึ้น ดาวิดส์ก็จับพลัดจับผลูได้ย้ายมาร่วมทีมสเปอร์ ก่อนกลับไปปิดฉากค้าแข้งกับอาหยักซ์สโมสรเก่าในปี 2008 ก่อนจะนึกคึกเซ็นสัญญาแบบได้รับค่าจ้างเฉพาะแมทช์ที่ลงเล่นกับ คริสตัล พาเลซในปี 2010 ก่อนจะแยกทางหลังเล่นสั้นๆ แค่ 6 นัด
หลังจากนั้น ไม่รู้แกติดใจอะไรลอนดอน ดาวิดส์อาศัยอยู่ที่ลอนดอนต่อเรื่อยๆ แถมยังลงขันกับเพื่อนสนับสนุนทีมฟุตบอลสมัครเล่นเป็นงานอดิเรกอีกด้วย จน ต.ค. ปี 2012 สโมสรบาร์เน็ตในระดับลีกทูของอังกฤษ ก็ปิ๊งไอเดียเซ็นสัญญากับแกเป็นนักเตะ ควบตำแหน่งผู้จัดการทีมร่วมกับมาร์ค ร็อบสัน ทำให้แกกลับมาลงเล่นอีกครั้งด้วยวัย 39 ปี และทำผลงานได้ไม่เลวซะด้วย จนได้ขึ้นเป็นผู้เล่น-ผู้จัดการเดี่ยวหลังร็อบสันลาออกไป
ทุกอย่างน่าจะไปได้สวยเพราะดาวิดส์เริ่มสนุกกับการคุมทีมเต็มตัวแล้ว แต่กลายเป็นผลงานสาละวันเตี้ยลงทุกที จนบาร์เน็ตไม่รอดตกชั้น หลุดออกไปนอกลีกจนได้หลังจบซีซั่น 2012/13 สโมสรยังคงเชื่อมั่น และให้แกเป็นผู้เล่น-ผู้จัดการทีมลุยศึกนอกลีกต่อไปในฤดูกาลถัดไป ซึ่งดาวิดส์เองก็สร้างสีสีนเพิ่มเติม ด้วยการประกาศใส่เสื้อเบอร์ 1 เพราะบอกว่าอยากสร้างเทรนด์ที่กองกลางเหมาะจะใส่เบอร์ 1 !!
ผลงานในการคุมทีมลุยศึกนอกลีกของพี่แกก็พอไปวัดไปวาได้ แต่อุปสรรคสำคัญกลับเป็นความดุดันเกินเหตุของแกในการลงเล่น โดย 8 นัดที่แกลงเล่นให้ทีม โดนใบเหลืองทุกนัด และโดนไล่ออก 3 ครั้ง! แถมยังปฏิเสธจะคุมทีมเกมเยือนนัดนึงที่ต้องออกไปค้างต่างเมือง และปล่อยให้ผู้ช่วยคุมทีมแทนอีก! จนแกคงเบื่อจะโดนไล่ออก เลยประกาศแขวนสตั๊ดมันซะในเดือน ธ.ค. ปี 2013 ก่อนจะอยู่คุมทีมต่อไปอีกราวๆ 1 เดือน ก็ลาออกจากการคุมทีมในเดือน ม.ค. ปี 2014 ปิดฉากช่วงเวลาหฤหรรษ์กับบาร์เน็ตไว้แค่นั้น
พาโบล ไอมาร์ / จอหอ ดารุล ทักซิม
หากยังจำกันได้ ไอมาร์ถือเป็นเพลย์เมกเกอร์ที่ได้รับการยกย่องอย่างมากในยุคเกรียงไกรของบาเลนเซีย ที่ทำผลงานได้น่าจดจำในยูฟ่าแชมเปี้ยนส์ลีกเมื่อก้าวเข้าสู่ยุค 2000 และยังพาทีมไอ้ค้างคาวคว้าแชมป์ลา ลีก้า 2 สมัยได้อีกด้วยในยุคของราฟา เบนิเตซ แต่พอการจากไปลิเวอร์พูลของราฟา หลังขัดแย้งกับบอร์ดบริหารในปี 2004 ชื่อของไอมาร์ก็ไปได้ไม่ถึงจุดเดิมอีกเลย
ด้วยอาการบาดเจ็บ และระบบที่เปลี่ยนไปหลังเคลาดิโอ รานิเอรี่เข้ามาคุมบาเลนเซีย ทำให้ไอมาร์ต้องย้ายออกไปซาราโกซ่า ก่อนจะกลับมาเล่นได้มีชีวิตชีวาอีกครั้งกับเบนฟิก้า หลังออกจากทีมเหยี่ยวลิสบอน ไอมาร์สร้างความฮือฮาด้วยการเซ็นสัญญา 2 ปีย้ายมาเล่นในลีกมาเลเซียให้กับจอหอ ดารุล ทักซิม โดยเขาได้รับค่าเหนื่อยสูงที่สุดในลีกขณะนั้น อย่างไรก็ดีด้วยอาการบาดเจ็บที่รังควานไม่เลิก ทำให้ไอมาร์ลงเล่นได้เพียง 8 นัด และถูกยกเลิกสัญญาก่อนฤดูกาลแรกจะจบ ไม่ได้แม้แต่เหรียญรางวัลแชมป์ลีก ที่จอหอทำได้สำเร็จตอนท้ายฤดูกาล
เดวิด อันส์เวิร์ธ / แอสตัน วิลล่า
เคสสุดท้าย เป็นเคสที่แฟนบอลลีกอังกฤษไม่มีทางลืมได้ลง เพราะมันเป็นเคสของอันส์เวิร์ธแบ็คซ้ายฟอร์มสม่ำเสมอที่เคยก้าวไปติดทีมชาติอังกฤษได้ด้วย
เรื่องมีอยู่ว่า อันส์เวิร์ธซึ่งเป็นนักเตะลูกหม้อของเอฟเวอร์ตัน ทำผลงานได้ดีนับตั้งแต่เลื่อนขึ้นมาเล่นชุดใหญ่ หลังลงเล่นเกิน 100 นัด เขาก็ได้ย้ายไปอยูกับเวสต์แฮม ทีมที่ผลงานดีกว่าตอนนั้น แต่ก็อยู่ได้เพียงซีซั่นเดียว เพราะครอบครัวของเขาปรับตัวกับชีวิตในลอนดอนไม่ได้ จึงหาทางย้ายทีม
แม้การกลับบ้านไปอยู่เมืองลิเวอร์พูลจะดูน่าสนใจ แต่อันส์เวิร์ธแกคงอยากหาความท้าทายไปยังทีมใหญ่ทีมอื่น แกเลยเลือกย้ายไปยังแอสตัน วิลล่า ในราคา 3 ล้านปอนด์ โดยคิดว่าเมืองเบอร์มิงแฮมนั้น ใกล้กว่าลอนดอน ดังนั้นครอบครัวน่าจะไม่มีปัญหาการปรับตัว กลับไปลิเวอร์พูลก็น่าจะไม่ลำบาก แต่กลับกลายเป็นว่าเขาคิดผิด!
เพราะแทนที่จะหาซื้อบ้านในเบอร์มิงแฮมให้ไว และเอาครอบครัวย้ายมาอยู่ อันส์เวิร์ธใจสู้ (หรือเพราะเมียไม่อยากมาไม่รู้) ยังคงอยู่ในเมืองลิเวอร์พูล และขับรถทางไกลไปสนามซ้อมแทน! พอได้ลองมาซ้อมสัก 2-3 วัน แกก็เริ่มคิดว่ามันคงไม่ใช่ทางเลือกที่ดีแล้วที่จะอยู่กับวิลล่าต่อไป แม้ผู้จัดการทีมจอห์น เกรกอรี่ จะพยายามเคลียร์กับแก และบอกให้แกหาบ้านในเมืองซะ แต่อันส์เวิร์ธดูจะไม่มีกระจิตกระใจจะทำตามอะไรอีกแล้ว เมื่อสมาธิก็ไม่มี ใจก็ไม่อยากอยู่ สุดท้ายเลยเป็นเอฟเวอร์ตันทีมเก่า ที่ตัดสินใจจ่ายค่าตัว 3 ล้านปอนด์เท่าที่วิลล่าจ่าย ดึงอันส์เวิร์ธกลับไปยังกูดิสัน ปาร์ค ทำให้เราได้เห็นอันส์เวิร์ธได้สวมเสื้อวิลล่าแค่วันเปิดตัว และแมทช์อุ่นเครื่องเท่านั้น!
Text- Rocketseer
Photo – Sportskeeda, Pinterest, El País, SportBible, Forza Italian Football, Sky Sports, FourFourTwo, Futbolretro.es, Foot Mercato, Football 365, TOP Mercato, Goal.com, @GuardiolaTweets, Eurosport, Planet Football, The Daily Mail, The Star, Birmingham Mail,