อย่างที่ทราบกันดี ว่าใน Netflix สตรีมมิ่งความบันเทิงแห่งยุค มีซีรีส์หลากหลายเชื้อชาติให้เราได้รับชม ฝรั่งมี ยุโรปมี อินเดียมี และแน่นอนว่าเกาหลีเนี่ย มีให้ดูกันไม่หวาดไม่ไหว ซึ่งส่วนใหญ่ก็จะเป็นแนวรอมคอม หรือโรแมนติก-ดราม่า ซึ่งแฟนซีรีส์บ้านเราคุ้นเคยกันดี
แต่เมื่อไม่นานนี้ มันมีซีรีส์ที่แหวกแนวจากซีรีส์แดนโสมทั่วไป มาให้ได้ลองชมกัน 2 เรื่อง ชื่อเสียงเรียงนามคือ “Designated Survivor: 60 Days” กับ “Chief of Staff” ซึ่งมีแนวหนังหลักเป็นดราม่า ที่เกี่ยวข้องกับการเมือง และการปกครองยุคปัจจุบันโดยตรง
ไอ้ตอนแรกก็ค่อนข้างลังเล เพราะกลัวว่าซีรีส์มันจะไม่เข้มข้น เหมือนของฝรั่ง อย่างพวก “House of Cards” หรืออีกหลายเรื่อง ที่เนื้อเรื่องเข้มข้น มีตัวละครที่ถูกปูมาเหนือชั้น และสร้างความเซอร์ไพรส์ให้ลุ้นตามได้ตลอด ประมาณว่าไม่อยากปักใจ ว่ามันจะสนุก น่าติดตามพอ
แต่ปรากฏว่า พอได้ลองดูทั้ง 2 เรื่องนี้ไป กลับให้ความบันเทิงเหนือกว่าที่คาดหวัง เลยอดไม่ได้ที่จะมารีวิว ให้ลองเป็นทางเลือกกัน
Designated Survivor: 60 Days
คอซีรีส์การเมือง อาจจะคุ้นๆ ชื่อของเรื่องอยู่บ้าง เพราะความจริงแล้ว “Designated Survivor: 60 Days” นั้น นำเอาโครงเรื่องมาจากซีรีส์อเมริกาที่ชื่อ “Designated Survivor” ของ ABC ซึ่งตอนนี้รันยาวไปถึงซีซั่น 3 แล้ว (ใน Netflix ก็มีเวอร์ชั่นอเมริกาให้ดูครบ)
ที่ว่าเอาโครงเรื่องมาจากเวอร์ชั่นอเมริกา ก็เพราะเหตุการณ์ที่นำไปสู่เนื้อหาจุดต่างๆ ถูกปูมาในลักษณะคล้ายคลึงกัน เพียงแต่เวอร์ชั่นเกาหลี ก็จะมีการปรับให้เข้ากับการเมือง-การปกครองเกาหลี ทั้งภายใน และภายนอกประเทศ อย่างเช่น การฮึ่มฮั่มกับเกาหลีเหนือ ก็จะถูกใส่เข้ามา
“Designated Survivor: 60 Days” จะเป็นเรื่องราวของรัฐมนตรีกระทรวงสิ่งแวดล้อมของเกาหลีใต้ ที่ชื่อ “พัคมูจิน” ซึ่งจำเป็นต้องขึ้นมารับตำแหน่งประธานาธิบดีรักษาการ 60 วันฉุกเฉิน แบบเหนือความคาดหมาย ภายหลังจากเกิดเหตุการณ์ก่อวินาศกรรม ระเบิดที่ประชุมรัฐสภา ซึ่งทำให้ประธานาธิบดี และคณะรัฐมนตรี ผู้ควรเป็นลำดับรองลงมา ที่มีสิทธิ์รับตำแหน่ง เสียชีวิตทั้งหมด
ในเรื่อง “พัคมูจิน” เอง นอกเหนือจากการเป็นรัฐมนตรที่หนุ่มที่สุด ยังมาจากสายวิชาการ จึงไม่ค่อยประสีประสาเล่ห์เหลี่ยมทางการเมือง แต่กลับต้องมารับตำแหน่งผู้นำสูงสุดของเกาหลีใต้ ในช่วงสถานการณ์อันตราย ซึ่งนอกเหนือจากการเร่งคลี่คลายเรื่องการวางระเบิด ยังต้องรับมือกับเสือสิงห์กระทิงแรด ที่พร้อมช่วงชิงความได้เปรียบทางการเมือง อยู่ตลอดเวลา
ด้วยความที่ซีรีส์ ถูกสร้างในเวอร์ชั่นอเมริกามาก่อน แม้จะมีการใส่เรื่องราวที่เกี่ยวข้องกับเกาหลีใต้เข้ามาเป็นหลัก แต่กลิ่นไอต่างๆ ของการเดินเรื่อง ยังดูมีความเป็นอเมริกันอยู่ไม่น้อย ทั้งมุมกล้อง, การปูตัวละคร หรือมวลรวมของอารมณ์ที่ดูแปลกจากซีรีส์แดนโสมทั่วไป
ในช่วงแรกๆ ของการชม EP ที่ 1 หรือ 2 กลิ่นไอแบบอเมริกันนี้ จะทำให้เรารู้สึกขัดอยู่เหมือนกัน ในการปูเรื่องราวต่างๆ แต่พอเราเริ่มคุ้นชิน กับเนื้อหาที่เข้มข้น และค่อนข้างสมจริง ตัวละครต่างๆ จะทำให้ฟีลโดยรวมของเราสนุกไปกับมัน อย่างไม่เขินอาย
และเมื่อเนื้อหาดำเนินไปเพิ่มเติม กลายเป็นว่ามุมกล้อง และการเดินเรื่องที่ฉับไวในสไตล์ฝรั่ง ทำให้เราลุ้นตามได้สนุกขึ้น และรู้สึกอยากดูต่อเรื่อยๆ
นอกเหนือจากการเอาใจช่วยตัวนำของเรา ที่ต้องชิงไหวชิงพริบมากมาย ตัวละครอื่นๆ ที่มีทั้งคอยซัพพอร์ต และคอยมาตีรวน ก็ถูกสร้างมาได้ดี เส้นเรื่องทั้งหลัก และรอง ก็ทำให้กลมกลืน กับเรื่องราวที่เกิดขึ้นในฝั่งซีกโลกตะวันออก เสริมสร้างอรรถรสการชมได้ครบดี
ณ วันที่ผมเขียนบทความรีวิวนี้อยู่ (วันที่ 20 ก.ค.) ซีรีส์เรื่องนี้ ปล่อยใน Netflix ออกมาแล้ว 6 EP จากความยาวทั้งหมด 14 EP โดย Netflix ใช้ระบบปล่อยตอนใหม่ สัปดาห์ละ 2 EP ในทุกวันจันทร์ และวันอังคาร เวลาประมาณ 3 ทุ่ม บ้านเรา
6 EP ที่ผ่านมา ยอมรับตามตรงว่า ค่อนข้างติดมาก อยากดูตอนใหม่เร็วๆ EP แรกอาจจะเอื่อยหน่อย และต้องใช้เวลาทำความเข้าใจ รวมถึงปูตัวละคร แต่พอเริ่มคุ้นชินกับมัน รับรองเลยว่าคุณจะติดใจ
ระดับความน่าดู : 9/10
Chief of Staff
“Chief of Staff” จะเป็นซีรีส์แนวการเมือง-การปกครอง ของเกาหลีใต้ ที่ถูกปล่อยทาง Netflix ก่อน Designated Survivor: 60 Days โดยปัจจุบัน ปล่อยครบ 10 EP เรียบร้อย
หากเทียบกันถึงรายละเอียด และความลึกซึ้งในระบอบการเมือง-การปกครอง แล้วนั้น “Chief of Staff” ถือว่ามีความลึกซึ้ง และต้องใช้สมาธิดูมากกว่า Designated Survivor: 60 Days โดยมันจะทำให้เราสับสนอยู่บ้าง เกี่ยวกับรูปแบบการเมืองของเกาหลีใต้ ที่เราอาจจะไม่คุ้นชินนัก
“Chief of Staff” จะโฟกัสไปที่ทีมงานผู้ช่วยนักการเมือง ที่มีหัวหน้าทีมคือ “จางแทจุน” ซึ่งคอยเก็บกวาด และวิ่งวุ่นจัดการงานให้กับ “ซงฮีซอบ” อดีตอัยการ ผู้ผันตัวเองมาเป็น ส.ส. และหวังจะไต่เต้าขึ้นสู่ตำแหน่งรัฐมนตรี ซึ่งจะเอื้อให้เขาได้ผลประโยชน์อีกมากมาย กับตัวเอง และพวกพ้อง
นอกเหนือจากตัวละครในทีมงานผู้ช่วย และตัวละครในเกมการเมือง ที่ชิงเล่ห์ชิงเหลี่ยมกันตลอดเวลา ยังมีตัวละคร ส.ส. หญิง ที่เด่นมากอีกตัว ที่ชื่อ “คังซุนยอง” โฆษกประจำรัฐบาล ที่เข้ามามีบทบาทสำคัญ เกี่ยวกับหมากเกมการเมือง แถมเธอยังมีความสัมพันธ์พิเศษกับ จางแทจุน อีกด้วย
จุดเด่นของ “Chief of Staff” แน่นอนว่าคือความลึกซึ้งของเนื้อหา ที่เข้มข้น และดูสมจริงกับการโฟกัสไปที่การทำงานระดับ ส.ส. ซึ่งต้องทำหน้าที่ทั้งเป็นกรรมาธิการในเรื่องสำคัญ และการช่วงชิงขึ้นไปเป็นดาวเด่น ซึ่งส่งผลดีต่อเส้นทางการเมืองในอนาคต
เรื่องราวที่ดำเนินไป เต็มไปด้วยการเดินหมากที่หมกเม็ด และเต็มไปด้วยความ “เทา” ไม่มีใครขาว หรือดำสนิท ไดนามิคตัวละครแต่ละตัว มีความน่าสนใจ และคาดเดาได้ยาก ว่าจะประสบความสำเร็จ หรือพลาดพลั้ง ทั้งเรื่องราวย่อยของตัวละครนั้น และเรื่องราวของคนที่เกี่ยวพันรอบตัว
จุดแข็งอีกอย่างของซีรีส์เรื่องนี้ คือเต็มไปด้วยนักแสดงมีฝีมือ ไม่ว่าจะเป็น “อีจองแจ” ผู้รับบท “จางแทจุน” ซึ่งมีผลงานหนังที่บ้านเราคุ้นเคยกันดีอย่าง Il Mare, Assassination, New World หรือซีรีส์อย่าง Air City และ Triple
บท ส.ส. หญิง คนเก่ง “คังซุนยอง” รับบทโดย “ชินมินอา” ที่พลิกบทบาทได้อย่างดี เพราะปกติเราจะคุ้นกับเธอ ในแนวหนังที่ไม่เข้มข้นขนาดนี้ อย่าง Oh My Venus, A Love to Kill, My Girlfriend is a Nine-Tailed Fox
ส่วนตัวแล้ว “Chief of Staff” ให้ฟีลลิ่งที่แตกต่างออกไปของซีรีส์เกาหลี (ในทางที่ดี) ใครที่อยากลองชมหนังเกาหลี ที่ตัวละครแต่ละตัวไม่ได้เป็นคนดีจ๋า หรือเป็นคนร้ายแบบหาดีไม่ได้ ซีรีส์เรื่องนี้ น่าจะตอบโจทย์คุณได้ดี โดยมีความดิบของเกมการเมือง ที่ทำให้คุณเพลิดเพลิน ได้อย่างคาดไม่ถึง
และถ้าเทียบกับการชม “Designated Survivor: 60 Days” แล้ว “Chief of Staff” โฟกัสที่เกมการเมืองคนละจุด และคนละสไตล์ แต่ให้ความสนุกในการติดตามไม่แพ้กัน แม้ในเบื้องลึก เป็นคนละฟีลกันเลย
ระดับความน่าดู : 8.5/10
Picture : Ready Steady Cut, Netflix, StickPNG, Decider, HanCinema, Hollywood Reporter, Cinema Escapist, tvN, Metro, Medium, JTBC, Me Review, 지방선거, Zukus
Trailer & Teaser : Netflix, tvN DRAMA, The Swoon