ดาวรุ่งลูกครึ่งกาน่า-อเมริกา เคยได้รับการยกย่องว่าจะมีฝีเท้าเทียบเท่ากับ เปเล่ นักเตะในตำนาน แต่ตอนนี้เขากลับกลายเป็นแค่นักเตะไร้สังกัด เท่านั้น

โดยย้อนกลับไปเมื่อเดือนพฤศจิกายน ปี 2003 อาดู โด่งดังไปทั่วโลก เมื่อเขาทำสถิติเป็นนักเตะอาชีพที่อายุน้อยที่สุดของประเทศสหรัฐอเมริกา ด้วยวัยเพียงแค่ 14 ปี ซึ่งแฟนๆ ต่างตื่นตาตื่นใจที่ได้เห็น อาดู เพราะเขามีสเต็ปเท้าที่ว่องไว การจัดระเบียบร่างกายที่ดีเยี่ยม และสัญชาตญาณการทำประตูที่เป็นเลิศ

แต่อีก 16 ปีต่อมา นับตั้งแต่เซ็นสัญญาครั้งแรก จากชีวิตที่ถูกคาดหวังว่าจะเป็นดาว ตอนนี้ อาดู อยากให้ทุกคนลืมทุกอย่างเกี่ยวกับเขาซะ หลังเส้นทางค้าแข้งของเขาใกล้จะยุติลงเต็มที

แต่ช่วงที่เขาเซ็นสัญญาเป็นนักเตะของ ดีซี ยูไนเต็ด เขาเคยได้รับความสนใจจาก เซอร์อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน อย่างจริงจัง เพราะเพียงแค่ฤดูกาลแรกในเมเจอร์ลีก ที่เขาต้องลงเล่นกับนักเตะอายุมากกว่าเป็นสิบปี อาดู ก็ยังสามารถยิงได้ถึง 5 ประตู และทำอีก 3 แอสซิสต์ ซึ่งด้วยฟอร์มที่ยอดเยี่ยมทำให้เขาติดทีมชาติสหรัฐฯ ชุดใหญ่ ด้วยวัยเพียงแค่ 16 ปี

ทำให้ ท่านเซอร์ ต้องรีบเดินเกมไว ด้วยการเชิญดาวรุ่งดวงนี้มาทดสอบฝีเท้าที่ โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด เป็นระยะเวลา 2 สัปดาห์ ซึ่ง อาดู ก็ทำผลงานได้ดี แต่เพราะปัญหาเรื่องเวิร์กเพอร์มิต ทำให้ แมนฯ ยูไนเต็ด ไม่สามารถเซ็นสัญญากับเขาได้

หลังกลับมาจากอังกฤษ ได้เพียงแค่ 6 เดือน อาดู ก็ต้องกลับไปที่ยุโรปอีกครั้ง เพื่อเซ็นสัญญากับ เบนฟิก้า ซึ่งเป็นจุดหักเหของชีวิตเขาเลยก็ว่าได้ เพราะ อาดู ไม่ได้รับโอกาสแสดงความสามารถเลย ซ้ำยังถูกส่งให้ไปอยู่กับหลากหลายสโมสรด้วยสัญญายืมตัว ซึ่งไม่มีที่ไหนเลยที่ให้โอกาสเขาได้ลงเล่นแบบเต็มๆ

โดย อาดู ก็ยอมรับว่าส่วนหนึ่งเป็นความผิดพลาดของเขาในการเลือกสโมสรที่ดูน่าสนใจ มากกว่าสโมสรที่จะมอบโอกาสลงเล่นให้กับเขา หลังพบกับ 4 ปี แห่งความล้มเหลว ในปี 2011 อาดู ย้ายกลับมาที่สหรัฐอีกครั้ง ด้วยการเป็นผู้เล่นของ ฟิลาเดลเฟีย ยูเนี่ยน แต่ผลงานของเขา ในฐานะอดีตความหวังของประเทศชาติก็ไม่เป็นไปตามที่แฟนบอลหวังไว้ จนสุดท้าย อาดู ต้องออกเดินทางอีกครั้ง

เขาตระเวนไปเล่นฟุตบอลในลีกต่างๆ ทั่วโลก ไม่ว่าจะเป็น บราซิล, เซอร์เบีย, ฟินแลนด์ หรือ โปแลนด์ จนสุดท้ายกลับมาร่วมทีมลาส เวกัส ไลท์ เอฟซี ในลีกบ้านเกิดอีกครั้ง แต่ด้วยผลงานที่ยิงได้เพียงแค่ประตูเดียว จากการลงเล่น 15 นัด ทำให้เขาถูกปล่อยตัวออกจากทีมไปเมื่อปลายปี 2018 ที่ผ่านมา และยังหาต้นสังกัดใหม่ไม่ได้อีกเลย

ซึ่ง เฟรดดี้ อาดู นั้นก็หวังว่าคนรุ่นหลังจะได้เรียนรู้อะไรจากเรื่องราวของเขาบ้าง เพราะเมื่อเขาเห็น เด็กคนไหนที่เก่งกว่าคนอื่นมากๆ จนมั่นใจในตัวเองมากเกินไป เขาก็จะเข้าไปเตือนว่าอย่าคิดแบบนั้น เพราะตัวเขาเองก็เคยเป็นแบบนั้นมาก่อน

Text – Patipat10