9 การเซ็นสัญญาที่ดีที่สุดในวันเดดไลน์ของศึกพรีเมียร์ลีก - The Macho
 
Roral Enfield - Hunter 350
728x150 - Nissan Almera
728x150 - Hunter4
9 การเซ็นสัญญาที่ดีที่สุดในวันเดดไลน์ของศึกพรีเมียร์ลีก

       “เดดไลน์” คือ วันสุดท้ายของการซื้อ-ขายนักเตะของวงการฟุตบอลทั่วโลก ซึ่งถือเป็นวันแห่งความสับสน อลหม่าน และวุ่นวายของบรรดาสโมสรต่างๆไม่ว่าจะทีมระดับใหญ่ ระดับกลาง หรือระดับเล็ก ต่างก็ต้องเร่งเครื่องปิดดีลผู้เล่นใหม่ให้ทันเวลา

        ในศึกพรีเมียร์ลีกก็เช่นกัน ทีมต่างๆต้องทำงานอย่างหนักให้ได้ตัวนักเตะที่ต้องการเข้ามาสู่ทีม เพื่อเสริมขุมกำลังให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้นสำหรับสู้ศึกในซีซั่นใหม่ ซึ่งทางฝั่งแฟนบอลเองต่างก็รู้สึกว่า “เดดไลน์” นั้น ได้กลายมาเป็นหนึ่งในวันที่น่าตื่นเต้นที่สุดของพวกเขา

        หากเรามองย้อนกลับไป เชื่อเหลือเกินว่า 9 การเซ็นสัญญาในวันสุดท้ายของตลาดนักเตะแห่งลีกสูงสุดเมืองผู้ดีต่อไปนี้ ถือได้ว่า เป็นการทำสัญญาที่คุ้มค่ามากที่สุดของสโมสรเลยทีเดียว

9. ลูคัส มูร่า (ปารีส แซงต์ แชร์กแมง ไปยัง ท็อตแนม ฮอตสเปอร์ ปี 2018 ค่าตัว 23 ล้านปอนด์)

ท็อตแนมได้รับประสบการณ์จากเวทีระดับนานาชาติของปีกชาวบราซิล จาก ปารีสฯ ด้วยค่าตัวเพียง 23 ล้านปอนด์เท่านั้น นี่เป็นการทำธุรกิจที่สมบูรณ์แบบของ ดาเนี่ยล เลวี่ เจ้าของสโมสร “ไก่เดือยทอง”ในรอบหลายปีเลยก็ว่าได้

        ในฤดูกาลที่ผ่านมา มูร่า โชว์ฟอร์มสุดยอดโดยเฉพาะอย่างยิ่งในเกมยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก รอบรองชนะเลิศนัดที่ 2 ด้วยการซัดแฮตทริคใส่ อาแจ็กซ์ อัมสเตอร์ดัม พา สเปอร์ส เอาชนะ 3-2 ผ่านเข้ารอบชิงฯ ได้สำเร็จ แต่น่าเสียดายที่พวกเขาต้องพ่ายต่อ ลิเวอร์พูล

มิดฟิลด์วัย 27 ปี ใช้เวลาเพียง 1 ซีซั่น ในการปรับตัวกับฟุตบอลอังกฤษ และในเวลานี้ มูร่า กลายเป็นตัวหลักในทีมของ เมาริซิโอ โปเช็ตติโน่ กุนซือ สเปอร์ส เรียบร้อยแล้ว

8. มารูยาน เฟลไลนี่ (สตองดาร์ ลีแอช ไปยัง เอฟเวอร์ตัน ปี 2008 ค่าตัว 15 ล้านปอนด์)

เฟลไลนี่ สร้างผลกระทบทันทีในอังกฤษ หลังจากย้ายมาร่วมทีม เอฟเวอร์ตัน ในวันทุดท้ายของตลาดนักเตะเมื่อปี 2008 ไม่ใช่เพราะทรงผมที่เป็นเอกลักษณ์ของเขา แต่ต้องขอบคุณความสามารถของเจ้าตัวที่ทำให้ “ทอฟฟี่สีน้ำเงิน” ได้เปรียบเสมอเมื่ออยู่ในกรอบเขตโทษคู่แข่ง

กองกลางชาวเบลเยียม ได้รับรางวัลดาวรุ่งยอดเยี่ยมแห่งปีในฤดูกาลแรกของเขากับ เอฟเวอร์ตัน และค่อยๆสร้างชื่อของตัวเองภายใต้การดูแลของ เดวิด มอยส์ ผู้จัดการทีมชาวสก็อตแลนด์ โดยระยะเวลา 5 ปี ในถิ่นกูดิสัน ปาร์ค เฟลไลนี่ ลงเล่นไปทั้งสิ้น 177 เกม ซัดไป 33 ประตู

มันไม่น่าแปลกใจเลยเมื่อ มอยส์ พา เฟลไลนี่ ไปร่วมงานกันที่ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ในปี 2013 ด้วยค่าตัว 28 ล้านปอนด์ อย่างไรก็ตาม เขาก็ไม่ประสบความสำเร็จกับ “ปีศาจแดง” เท่าที่ควร

7. ร็อบบี้ คีน (ลีดส์ ยูไนเต็ด ไปยัง ท็อตแนม ฮอตสเปอร์ ปี 2002 ค่าตัว 7 ล้านปอนด์)

มันยุติธรรมที่จะบอกว่า ลีดส์ อาจจะต้องเรียกค่าตัว คีน จาก ท็อตแนม ให้มากกว่า 7 ล้านปอนด์ หลังจากที่พวกเขาคว้าตัว หัวหอกทีมชาติไอร์แลนด์ มาจาก อินเตอร์ มิลาน ด้วยค่าตัว 6 ล้านปอนด์ ในปี 2001

คีน ใช้เวลา 6 ปี ในถิ่นไวท์ ฮาร์ท เลน ด้วยการโชว์ผลงานถล่มประตูอย่างสุดยอดด้วยการซัดไป 80 ลูก จาก 197 เกม จากนั้นในปี 2008 เข้าย้ายไปเล่นกับ ลิเวอร์พูล แต่ผลงานไม่ดีนัก ซึ่งหลังจากค้าแข้งกับ “หงส์แดง” ได้เพียงซีซั่นเดียว ดาวเตะไอริช ก็กลับสู่ สเปอร์ส อีกครั้ง

การรีเทีร์นสู่ทัพ “ไก่เดือยทอง” คีน ก็ไม่ทำให้แฟนบอลต้องผิดหวัง เขายังคงยิงประตูได้อย่างสม่ำเสมอ และกลายเป็นที่รักของสาวก สเปอร์ส จนถึงตอนนี้

6. คาร์ลอส เตเบซ (โครินเธียนส์ ไปยัง เวสต์แฮม ยูไนเต็ด ปี 2006 ไม่เปิดเผยค่าตัว)

       กองหน้าเจ้าของฉายา “เอล อาปาเช่” ย้ายจาก โครินเธียนส์ ในลีกบราซิล มาเล่นกับ เวสต์แฮม แบบค่อนข้างเซอร์ไพรส์ ไม่มีใครคาดคิดว่า เตเบซ จะย้ายมาเล่นในเมืองผู้ดี ซึ่งการเจรจาย้ายสังกัดของเขาในครั้งนี้ค่อนข้างยื้ดเยื้อ และวุ่นวายอย่างมาก

        ดาวยิงอาร์เจนไตน์ ถือเป็นส่วนสำคัญในการทำให้ เวสต์แฮม รอดตกชั้นในฤดูกาล 2006-2007 โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เขาเป็นคนยิงประตูชัยในเกมกับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ที่สนามโอลด์ แทรฟฟอร์ด ในวันสุดท้ายของซีซั่น

        เตเบซ อยู่ค้าแข้งกับพลพรรค “ขุนค้อน” ได้เพียงปีเดียว จากนั้นเขาย้ายไปยัง แมนฯยูไนเต็ด และข้ามฟากไปเล่นกับ “เรือใบสีฟ้า” แมนเชสเตอร์ ซิตี้

5. แอชลี่ย์ โคล (อาร์เซนอล ไปยัง เชลซี ปี 2006 ค่าตัว 5 ล้านปอนด์)

โคล ถือได้ว่า เป็นหนึ่งในการต่อรองราคาที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ของ เชลซี โดยอดีตแบ็คซ้ายทีมชาติอังกฤษ ย้ายไปอยู่ที่สแตมฟอร์ด บริดจ์ ในราคาเพียง 5 ล้านปอนด์ เท่านั้น ซึ่ง “สิงโตน้ำเงินคราม” ยอมปล่อย วิลเลียม กัลลาส กองหลังชาวฝรั่งเศส ย้ายสลับขั้วไปยัง อาร์เซนอล

ตลอดระยะเวลา 8 ปี ในสีเสื้อ เชลซี โคล ประสบความสำเร็จอย่างมากมาย อาทิ แชมป์พรีเมียร์ลีก 1 สมัย, เอฟเอ คัพ 4 สมัย และยูฟ่า แชมเปียนส์ ลีก 1 สมัย โดยลงเล่นไปทั้งสิ้น 338 เกม ยิงไป 7 ประตู

4. อูโก้ ยอริส (โอลิมปิก ลียง ไปยัง ท็อตแนมแฮม ฮอตสเปอร์ ปี 2012 ค่าตัว 8 ล้านปอนด์)

ยอริส เคยถูกยกย่องว่า เป็นคู่แข่งที่มีสมน้ำสมเนื้อกับ มานูเอล นอยเออร์ ในฐานะผู้รักษาประตูที่ดีที่สุดในโลก ดังนั้นจึงน่าแปลกใจที่ ท็อตแนม เซ็นสัญญากับเขาได้ในราคาเพียง 8 ล้านปอนด์ ในปี 2012

นับตั้งแต่นั้นมา ยอริส ได้กลายเป็นกัปตันของทั้งสโมสร และทีมชาติฝรั่งเศส โดยนายทวารเฟร้นช์แมน เป็นผู้นำในแนวรับอย่างแท้จริง เขาออกคำสั่งได้ชัดเจน, ยืนตำแหน่งยอดเยี่ยม, ปฏิกิริยาว่องไว และมีความมั่นคงในเกมอยู่เสมอ

ความสุดยอดของ ยอริส คือการพาฝรั่งเศสคว้าแชมป์ฟุตบอลโลกเมื่อปี 2018 ที่ประเทศรัสเซีย ได้สำเร็จ

Claude Makelele with his new Chelsea shirt at the club’s Stamford Bridge ground in west London. The player signed from Real Madrid on a 4 year contract. THIS PICTURE CAN ONLY BE USED WITHIN THE CONTEXT OF AN EDITORIAL FEATURE. NO WEBSITE/INTERNET USE UNLESS SITE IS REGISTERED WITH FOOTBALL ASSOCIATION PREMIER LEAGUE.

3. โคล้ด มาเกเลเล่ เรอัล มาดริด ไปยัง เชลซี ปี 2003 ค่าตัว 16 ล้านปอนด์)

        ยอดมิดฟิลด์ตัวรับชาวฝรั่งเศส ได้รับการยกย่องว่า เป็นผู้เล่นที่สำคัญที่สุดในทีม “ราชันขุดขาว” เรอัล มาดริด ในยุคที่เต็มไปด้วยดาราดังอย่าง ซีเนอดีน ซีดาน, หลุยส์ ฟิโก้, โรนัลโด้, ราอูล กอนซาเลซ และเดวิด เบ็คแฮม

        ความสุดยอดของ มาเกเลเล่ ไม่มีอะไรต้องบรรยายอีกแล้ว เห็นได้ชัดจาการที่ ซีดาน ไม่พอใจอย่างมากที่ มาดริด ปล่อยเพื่อนร่วมชาติของเขาให้กับ เชลซี ในปี 2003

ห้องเครื่องเฟร้นช์แมน กลายเป็นองค์ประกอบสำคัญในแดนกลางของ เชลซี ร่วมกับ แฟรงค์ แลมพาร์ด และไมเคิ่ล เอสเซียง ภายใต้การคุมทัพของ โจเซ่ มูรินโญ่ เทรนเนอร์ชาวโปรตุเกส

2. หลุยส์ ซัวเรซ (อาแจ็กซ์ อัมสเตอร์ดัม ไปยัง ลิเวอร์พูล ปี 2010 ค่าตัว 22.8 ล้านปอนด์)

การเซ็นสัญญากับ ซัวเรซ เป็นหนึ่งในธุรกิจที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ของ ลิเวอร์พูล ในเวลาที่พวกเขาทำสิ่งผิดพลาดมากมาย  4 ฤดูกาลในถิ่นแอนฟิลด์ ดาวยิงชาวอุรุกวัย ซัดไป 82 ประตู จากการลงเล่นทั้งหมด 133 เกม และกลายเป็นขวัญใจสาวก “เดอะ ค็อป” ได้อย่างรวดเร็ว

แม้จะไม่สามารถนำ ลิเวอร์พูล คว้าแชมป์พรีเมียร์ลีก ได้ แต่ ซัวเรซ ก็ช่วยให้ “หงส์แดง” คว้าแชมป์ลีกคัพในปี 2012 และได้รับรางวัลส่วนตัวมากมาย อาทิ ผู้เล่นยอดเยี่ยมของสโมสร และผู้เล่น PFA แห่งปีในปี 2014

ขณะเดียวกัน การตัดสินใจย้ายไปยัง “เจ้าบุญทุ่ม” บาร์เซโลน่า ของ ซัวเรซ ก็ยังทำกำไรให้กับ ลิเวอร์พูล ได้กำไรมากถึง 42 ล้านปอนด์

1. เวย์น รูนี่ย์ (เอฟเวอร์ตัน ไปยัง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ปี 2004 ค่าตัว 20 ล้านปอนด์)

ภาพของ รูนีย์ ในฐานะนักเตะดาวรุ่งอาจจะจางหายไปนานแล้ว แต่สำหรับทศวรรษที่ผ่านมา อดีตหัวหอกทีมชาติอังกฤษ ถือเป็น กำลังหลักในแนวรุกของ แมนฯยูไนเต็ด ในยุคของ เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ยอดตำนานกุนซือ “ปีศาจแดง” อย่างแท้จริง

ตลอดระยะเวลา 13 ปี กับ แมนฯยูไนเต็ด รูนี่ย์ ซัดไป 253 ประตู จาก 559 เกม พร้อมกวาดถ้วยแชมป์อย่างนับไม่ถ้วน รวมถึงได้ทำสถิติเป็นผุ้ทำประตูสูงสุดตลอดกาลของสโมสรอีกด้วย

ภาพประกอบ : talksport.com, theguardian.com, footballcounter.com, planetfootball.com, citizentv.co.ke, skysports.com, fourfourtwo.com, teamtalk.com, givemesport.com

Che Navapun

บทความที่เกี่ยวข้อง

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

Allow All
Manage Consent Preferences
  • Always Active

Save