สำหรับบางคนหน้าฝนอาจจะเป็นอุปสรรคในการไปไหนมาไหน แต่สำหรับพื้นที่ป่าและลำธารที่เคยเหือดแห้งไปตั้งแต่หน้าหนาวมาจนถึงหน้าร้อนจะกลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้งหนึ่ง
หน้าฝนจึงเปรียบดั่งสวรรค์ของการท่องเที่ยวอีกแบบที่คุณต้องเลิกกลัวเปียก กล้าแบกกระเป๋าสักใบออกไปสัมผัสอากาศเย็น ๆ หลังฝนตกหมาด ๆ สูดกลิ่นไอดินที่ลอยคุ้งจนทั่ว พร้อมกับปล่อยความคิดไปกับความเขียวชะอุ่มของต้นไม้นานาพันธุ์
ในไทยเองก็มีที่เที่ยวไม่น้อยเลยที่เหมาะกับการใช้ช่วงวันสัปดาห์อยู่ท่ามกลางธรรมชาติอันอุดมสมบูรณ์สักสองสามวันเพื่อรีเฟรชตัวเองก่อนกลับไปเจองานหนักที่เราต้องแบกรับอีกทั้งปี แถมการออกไปเที่ยวในช่วง Low Season อย่างนี้นอกจากจะดีต่อเงินในกระเป๋าแล้ว ยังดีต่อคนที่รักความสงบต้องการพักผ่อนแบบส่วนตั๊ว ส่วนตัวกันอีกด้วย
มาดูกันว่ามี 7 ที่เที่ยวไหนบ้างที่เหมาะแก่การออกไปสูดไอดิน พักร่างไปกับความขจีของต้นไม้ใบหญ้าในหน้าฝนแบบนี้บ้าง
1. Arpo De Marng Resort , น่าน
อาโปเดอมางรีสอร์ท แฝงตัวอยู่ท่ามกลางขุนเขาใน อ.บ่อเกลือ จ.น่าน กับที่พักสไตล์กระโจมโอบล้อมด้วยภูเขาน้อยใหญ่ทุกทิศทาง ด้านหน้าเป็นริมแม่น้ำมางที่เพียงเดินไม่กี่ก้าวก็สามารถเอาเท้าชุมน้ำได้ นอกจากเรื่องความสวยงามของทิวทัศน์แล้วที่นี่จึงอากาศเย็นสบายทั้งวันทั้งคืน แบบไม่ต้องพึ่งเครื่องใช้ไฟฟ้าใด ๆ การพักผ่อนจึงไร้ซึ่งความวุ่นวายมีเพียงเราและธรรมชาติเคียงข้างกันไป
เพียงจ้องมองดูวิวขุนเขาเขียวขจีช่วงหน้าฝน ฟังเสียงลำธารไหลเอื่อย ๆ มีกาแฟแก้วอุ่นถืออยู่ในมือ แค่นั้นก็คงสามารถทำให้หลายคนรู้สึกผ่อนคลายกับความเหนื่อยล้ากับเรื่องต่าง ๆ ที่ชีวิตนี้ไปพบเจอเข้า
มันคงเหมือนกับการเติมพลังงาน สูบความสดใสให้มีแรงสู้ต่อ ซึ่งความเรียบง่ายแต่ไม่ธรรมดานี่เองที่ทำให้รีสอร์ตเล็ก ๆ แห่งนี้พิเศษกว่าที่ไหน ๆ อาโปเดอมางรีสอร์ท กลายจึงเปรียบเสมือนอาณาจักรแห่งความสุขที่เพียงยืนนิ่งมองธรรมชาติรอบตัว หัวใจก็สามารถพองโตขึ้นได้โดยไม่ต้องแสวงหา
270 หมู่ 1 ต.บ่อเกลือ อ.บ่อเกลือ จ.น่าน 55200, โทร. 095-626-4851, Facebook: arpodemarng
2. Cher cheeva, เชียงใหม่
เฌอชีวา ตั้งอยู่ในหมู่บ้านแม่แมะ อ.เชียงดาว จ.เชียงใหม่ สถานที่ซึ่งโอบกอดด้วยธรรมชาติและน้ำตก เหมาะกับการพาร่างกายไปฟอกปอด แฝงตัวอยู่ในหุบเขาอย่างกลมกลืนไปกับธรรมชาติและแม่น้ำลำธาร
ด้วยความที่เฌอชีวาวางตัวเองเป็นบ้านอยู่อาศัยธรรมดา จึงมีห้องพักเพียงแค่ 3 ห้อง แต่มันกลับไม่มากไปไม่น้อยจนเกินไป ให้อารมณ์เหมือนไปพักบ้านเพื่อนที่ต้อนรับเราอย่างดีด้วยอาหารพื้นเมืองกับกาแฟคั่วมือดริป
แล้วปล่อยให้คุณใช้เวลาว่างอย่างเรียบง่ายไปกับการนอนฟังเสียงน้ำไหล หยิบหนังสือสักเล่มขึ้นมาอ่าน หรือจะออกไปเดินเส้นทางศึกษาธรรมชาติ กินอยู่กับป่าด้วยวิถีดั้งเดิม ซึมซับวิถีชีวิตความเป็นอยู่ที่เน้นการอยู่กินแบบง่ายๆ บ้านๆ ด้วยตัวเอง แต่ถ้าใครอยากพักผ่อนขนานแท้ทางที่พักมีบริการนวดผ่อนคลายและสปาวิถีบ้านบ้านที่รอให้คุณลองไปใช้บริการอยู่เช่นกัน
บ้านแม่แมะ อ.เชียงดาว จ.เชียงใหม่, โทร. 096-698-9061, Facebook : Cher cheeva
3. โครงการสถานีพัฒนาเกษตรพื้นที่สูงบ้านสะจุก สะเกี้ยง ,น่าน
กระท่อมหลังน้อยแห่งนี้หลบหนีจากโลกภายนอกอยู่บนสถานีพัฒนาเกษตรที่สูงบ้านสะจุก – สะเกี้ยง ดอยขุนน่าน อ.เฉลิมพระเกียรติ จ.น่าน และห่างจากชายแดนลาวแค่ประมาณ 400-500 เมตรโดยมีภูเขากั้นเขตแดนเอาไว้
เดิมทีบริเวณนี้ประสบปัญหาป่าเสื่อมโทรมสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง จึงทรงมีพระราชดำริให้สร้างโครงการสถานีพัฒนาการเกษตรที่สูงขึ้นในหมู่บ้าน เพื่อให้ความรู้เรื่องการทำนาแบบขั้นบันไดให้เหมาะกับภูมิประเทศ ทำให้เพิ่มผลผลิตและยังเพิ่มรายได้ที่มากขึ้นแก่ชาวบ้านและชาวเขาทุกคน
ที่นี่จึงไม่ได้ให้บริการแบบที่พักชั้นดี มีเพียงบ้านพัก 4 หลัง ตั้งตะหง่านอยู่ท่ามกลางไร่ชาที่ถอดยาวออกไปไกลสุดลูกหูลูกตาและดาวเต็มผืนฟ้าอยู่เป็นเพื่อนคุณยามค่ำคืน แต่เท่านั้นก็ถือคุ้มแล้วสำหรับวิวหลักล้านที่เลือกจ่ายได้ตามกำลัง
ใช่แล้ว ที่นี่ไม่มีราคากำหนดเอาไว้ ใครใคร่จ่ายเท่าไหร่ก็จ่ายแต่ต้องนำอาหารไปเอง ไม่มีมื้อเย็น ไม่มีมื้อเช้า ไม่มีใครมาค่อยบริการ ก่อนขึ้นไปคุณจึงต้องเตรียมตัวให้พร้อมที่สุดและต้องยอมรับกับการเดินทางที่ค่อนข้างลำบากเลยทีเดียว
นอกจากการตื่นขึ้นมาเจอกับไร่ชาตอนเช้าท่ามกลางหมอกยังมีแปลงข้าว แปลงพืชผักที่สลับหมุนเวียนกันไปตามฤดูให้เราเก็บภาพสวย ๆ ด้วย
ต.ขุนน่าน อ.เฉลิมพระเกียรติ จ.น่าน โทร. 084-818-1008
4. โรงเรียนชาวนาตำบลศิลาเพชร, น่าน
โรงเรียนชาวนาเป็นที่พักสไตล์โฮมสเตย์ที่ตั้งอยู่ใน ต.ศิลาเพชร อ.ปัว จ.น่าน พูดว่าที่พักติดทุ่งนาอาจจะฟังดูไม่น่าสนใจเท่าไหร่ แต่โรงเรียนชาวนาพิเศษกว่าที่ไหน ๆ ตรงที่บ้านพักทุกหลังตั้งอยู่ท่ามกลางทุ่งนาผืนใหญ่ ไม่ว่าจะเลือกพักห้องไหนก็มั่นใจได้ว่าจะเห็นยอดข้าวเขียวขจีและขุนเขาโอบล้อมตัวคุณทุกทิศทางโดยไม่มีสิ่งใดมาบดบัง
และไฮไลท์อีกอย่างที่หลายๆ คนเห็นแล้วต้องรู้สึกประทับใจ คือ อ่างจากุชชี่ที่ตั้งอยู่ภายในห้องน้ำซึ่งมีวิวท้องทุ่งนาอยู่ริมหน้าต่าง เราสามารถลงไปแช่อ่างพร้อมกับเสพบรรยากาศแห่งท้องทุ่งนาอันอดุมสมบูรณ์ได้ในเวลาเดียวกัน
ในส่วนของอาหารการกินใครที่ชื่นชอบรสชาติสไตล์ชาวบ้านและต้องการที่จะกินอาหารจากท้องถิ่นจริงๆ ที่นี่ก็มีบริการอาหารมือเด็ดที่ทำจากฝีมือของชาวบ้านแท้ ๆ เป็นภัตตาคารบ้านทุ่งที่อร่อยเด็ดไม่แพ้แห่งห้องอาหารใหญ่ ๆ
สำหรับใครที่อยากเรียนรู้การทำนาและการเกษตร ที่นี่เองก็มีบริการให้ความรู้ในด้านการทำนาและการเกษตร รวมถึงการทอผ้าแก่ผู้ที่มาพักด้วย แถมใกล้ ๆ ที่พักยังมีน้ำตกตาดหลวงให้พวกเราไปเล่นน้ำคลายร้อนด้วย
225 หมู่ 1 บ้านนาคำ ต.ศิลาเพชร อ.ปัว จ.น่าน โทร. 089-999-7737, Facebook: homestayfarmerschool
5. ดอยภูลังกา, พะเยา
ดอยภูลังกาตั้งอยู่ใน อ.ปง จ.พะเยา เป็นสถานที่เที่ยวยอดฮิตสำหรับคนอยากมาพักผ่อนท่ามกลางธรรมชาติบนเขาของวนอุทยานภูลังกา
ที่พักส่วนใหญ่ของที่นี่จะเป็นแบบเรียบง่าย มีวิวด้านล่างเป็นแอ่งและเป็นเขาหินปูนประกอบไปด้วยต้นไม้น้อยใหญ่เรียงรายสลับกัน ไฮไลต์เด็ดของการมาเที่ยวภูลังกา คือ การได้ชม พระอาทิตย์ขึ้น ส่องแสงลงมายังทะเลหมอกในแอ่งกระทะอันเป็นเอกลักษณ์ ทำให้ช่วงเวลานั้นบรรยากาศสวยงามราวกับภาพที่วาดขึ้นมา
ตกกลางคืนเมื่อะอาทิตย์เลือนลับหายไปความมืดเข้ามาปกคลุมไปทั่วทั้งภู หลายคนออกตามล่าทางช้างเผือกบนยอดภู ซึ่งภูลังกาก็ไม่ทำให้ผิดหวัง ทางช้างเผือกโผล่ขึ้นมาจากก้อนเมฆทั่วทั้งฟ้ามีแสงสว่างจากดวงดาว มองดูระยิบระยับไปหมด
ไม่เพียงแค่งามที่ธรรมชาติมอบให้แต่ที่ภูลังกายังมีประวัติศาสตร์ให้เราได้ไปศึกษาเรื่องราวการเดินทางของชนเผ่าเมี่ยนในหนังสือที่ยาวที่สุดในโลกซึ่งเรียกว่า “เกีย เซน ป้อง”
แต่ถ้ามาภูลังกาทั้งทีไม่แวะมา Magic Mountain ร้านกาแฟชื่อดังที่อัดแน่นไปด้วยวิวอัน สวยงาม ตัวร้านหันหน้าเข้าหาทะเลหมอก คลอเคล้าภูเขาเขียวขจี เหมาะกับการเก็บภาพบันทึกความทรงจำเรียกว่ามาไม่ถึงเลยแหละ
วนอุทยานภูลังกา โทร.081-883-0307
ภูลังการีสอร์ท 125 หมู่ 4 ตำบล ผาช้างน้อย อำเภอ ปง จังหวัด พะเยา 56140 โทร. 086-1910291 , 081-0232421
6. 500 rai Floating Resort , สุราษฎร์ธานี
เป็นที่พักที่จะทำให้วันหยุดของคุณครบทุกรสชาติจริง ๆ สำหรับ แพ 500ไร่ ห้องพักโลเคชันดีซึ่งตั้งอยู่จุดศูนย์กลางของธรรมชาติและจุดท่องเที่ยวอันอุดมสมบูรณ์ที่สุดของเขื่อนเชียวหลาน
จากหน้าห้องพักทุกห้องคุณจะสามารถมองเห็นวิวเขื่อนได้แบบพาโนรามา ไม่มีอะไรมาบดบังสายตา น้ำใสเห็นตัวปลาอย่างชัดเจน ไร้ความวุ่นวายใด ๆ มีแต่ความสงบเข้ามาครอบงำ แม้แต่สัญญาณโทรศัพท์เองก็ไม่อาจจะรบกวนคุณได้
แต่นั่นกลับเป็นข้อดีที่ทำให้เรามีโอกาสพูดคุย ทำกิจกรรมเล่นสนุกสนานกับคนที่รักได้อย่างเต็มที่ ทางที่พักเองก็มีกิจกรรมให้ทำหลากหลาย ยิ่งช่วงหน้าฝนแบบนี้คุณจะได้ไปเที่ยวน้ำตก แปดเซียนซึ่งอยู่ไม่ไกลมากจากที่พัก หรือไปดูหินงอกหินย้อยถ้ำน้ำทะลุ ถ้ำปะการัง ไม่ก็เดินไปแตะขอบฟ้ามองลงมายังพื้นน้ำเขียวมรกตตัดกับหินปูนสีขาวบริเวณจุดชมวิวมุมสูงอันโด่งดังและไม่ไกลจากที่นี่มาก
ในตอนเช้านอกจากการตื่นขึ้นมาชมหมอกพาดผ่านเทือกเขาหินปูนกลางน้ำ การล่องเรือชมวิถีชีวิตส่องสัตว์ป่า ณ คลองแสน ผืนป่าที่ได้รับการยกย่องให้เป็น 1 ใน 10 ของอุทยานที่สมบูรณ์ที่สุดของโลกก็เป็นอีกกิจกรรมที่น่าสนใจอยู่ไม่น้อย
ใครโชคดีอาจจะเจอช้างป่าหรือกระทิงลงมากินน้ำ แต่ถ้าใครไม่อยากไปไหนไกล หน้าที่พักมีเรือคายัคให้พายเล่นตามความสะดวกใจ แถมในรีสอร์ทเองก็มีแปลงผักปลอดสารและสวนผลไม้ให้ลองไปเดินชมกันได้ด้วย
21/5 หมู่ที่ 3 ต.เขาวง อ.บ้านตาขุน จ.สุราษฏร์ธานี, โทร . 077-953-013, Facebook : 500rairesort
7. หมู่บ้านอีต่อง, กาญจนบุรี
หมู่บ้านอีต่องเป็นหมู่บ้านเล็กๆ ที่โอบล้อมไปด้วยขุนเขาปิล๊อก อยู่อำเภอทองผาภูมิ จังหวัดกาญจนบุรี ซึ่งแต่ก่อนนั้นเป็นเมืองเหมืองแร่วุลแฟรมและดีบุก ที่เคยรุ่งเรืองในอดีตจนมาถึงปี พ.ศ. 2528 เหมืองแร่ต่างๆ เริ่มทยอยปิดตัวลงเหลือไว้แต่เพียงตำนาน แต่ก็ยังคงหมู่บ้านแห่งนี้ไว้
หมู่บ้านที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความสงบสุข ความงดงามของธรรมชาติ ของไอฝน กลิ่นดิน และสายหมอกที่ปกคลุมตลอดทั้งปี กับวิถีชีวิตของชาวบ้านทั้งชาวไทยและชาวเมียนมาร์ที่เป็นมิตรไมตรีต่อกันเรื่อยมาจนถึงปัจจุบัน
ที่นี่จึงเป็นจุดหมายปลายทางที่นักท่องเที่ยวหลายคนต้องการมาสัมผัสอากาศเย็น ๆ วิถีชีวิตอันอบอุ่น และธรรมชาติอันอดุมสมบูรณ์ที่ยังคงไว้เช่นวันก่อนกับการเดินทางผ่าน 399 โค้ง ไปหามัน
ความพิเศษอีกอย่างของหมู่บ้านอีต่องคือการอยู่ใกล้แลนด์มาร์คดัง ๆ ในจังหวัดกาญจนบุรีไม่ว่าจะเป็นน้ำตกจ๊อกกระดิ่น เนินช้างศึก และอุทยานแห่งชาติทองผาภูมิ มันจึงเหมาะกับคนที่ทั้งอยากพักและก็อยากลุยต่อกับกิจกรรมแอดเวนเจอร์อื่น ๆ ในเมืองกาญด้วย
บ้านอีต่อง ต.ปิล็อก อ.ทองผาภูมิ จ.กาญจนบุรี, ททท. กาญจนบุรี โทร. 034-511-200, 034-512-500
