ไม่กี่วันที่ผ่านมาทาง Apple พึ่งจะได้ทำการปล่อยอัปเดตเวอร์ชันใหม่ล่าสุดของระบบที่อยู่เบื้องหลังอุปกรณ์ของตัวเองอย่าง iPhone, iPad รวมไปถึง iPod ออกมาให้ได้ใช้งานกับการปล่อยตัว iOS 13 Public Beta และ iPadOS 13 Public Beta แน่นอนว่าประเด็นที่เราจะพูดถึงวันนี้คือเรื่องของปัญหาที่ตามมาจากการรีบอัปเดตระบบของตัวเครื่องมากจนเกินไป ไม่รอดูกระแสตอบรับ ส่งผลให้เมื่อเจอปัญหาแล้วไม่มีการเตรียมพร้อมที่ดีพอ เมื่ออยากจะกลับไปใช้งานระบบตัวเดิมก็ไม่ทันเสียแล้ว ฉะนั้นเราจะมาบอกให้เห็นถึง 5 เหตุผลที่ไม่ควรรีบอัปเดตระบบเป็นเวอร์ชันใหม่

ยังคงเต็มไปด้วยบัค

แน่นอนว่าการอัปเดตที่เราคุ้นชินมักจะเป็นการอัปเดตเพื่อแก้ไขปัญหาต่างๆที่เกิดขึ้น แต่สำหรับการอัปเดตเป็นระบบตัวใหม่ที่ยังไม่สมบูรณ์แบบที่ทาง Apple มีการปล่อย Public Beta ออกมา หรือจะเป็นการอัปเดตระบบใหม่แบบ Android 8.1 ไปเป็น Android 9.0 ซึ่งอะไรที่มันเป็นสิ่งใหม่ที่ยังไม่เคยผ่านการใช้งานมาก่อนจากผู้ใช้วงกว้าง สิ่งที่ตามมาคือบัคมากมายที่อาจจะไม่เคยถูกตรวจพบมาก่อน เพราะแม้จะมีการทดสอบมาก่อนแล้วบางส่วน แต่ด้วยความที่จำนวนผู้ทดสอบไม่ได้มากมายอะไรทำให้ปัญหาเหล่านี้ไม่ถูกพบ

ฟีเจอร์บางอย่างไม่มีให้ใช้งาน

หากเป็นการอัปเดตระบบแบบใหม่หมดจดปัญหานี้อาจจะไม่ได้พบกันมาก แต่สำหรับเวอร์ชัน Public Beta ที่ทาง Apple ปล่อยออกมาให้ใช้งาน มักจะมีการถอดฟีเจอร์บางอย่างออกไปบางส่วน โดยสาเหตุที่มีการนำฟีเจอร์บางอย่างออกไปอาจจะมาจากที่ทางนักพัฒนาได้ตรวจสอบแล้วพบว่ามันมีปัญหาจึงยังไม่ปล่อยให้ใช้งานในเวอร์ชันนี้ หรืออีกอย่างคือเป็นบัคจากตัวระบบที่มีการปิดฟีเจอร์นี้ให้ใช้งานไม่ได้สมบูรณ์

สิ่งใหม่มักสูบแบตเตอรี่

ด้วยความที่เป็นการอัปเดตระบบครั้งใหญ่ สิ่งต่างๆที่มีการใช้งานจากตัวระบบครั้งใหม่นี้มักจะมีปัญหาในเรื่องของการควบคุมการทำงาน ด้วยความที่เป็นระบบใหม่แต่แบตเตอรี่ที่เรามีมันเท่าเดิม ทำให้เกิดปัญหาการเรียกใช้งานในแต่ละแอปพลิเคชัน แน่นอนว่าปัญหานี้เรามักจะสังเกตเห็นเป็นอย่างแรกเป็นประจำเวลาที่เราทำการอัปเดตอะไรใหม่ๆกับตัวเครื่อง

ไม่ง่ายที่จะย้อนกลับไปใช้ระบบตัวเดิม

หากเรามองในมุมของผู้ที่ใช้งานสมาร์ทโฟนมาสักระยะแล้ว และมีการดัดแปลงแก้ไขระบบด้วยตัวเองตลอด การย้อนกลับไปใช้งานระบบตัวเดิมหรือตัวอื่นๆดูจะเป็นเรื่องที่ง่ายไปเลย แต่สำหรับผู้ใช้งานที่ไม่ได้สนใจอะไรมาก และใช้งานทั่วๆไป การที่จะย้อนกลับไปใช้งานระบบตัวเดิมก่อนที่จะทำการอัปเดต ถือว่าเป็นเรื่องที่ทำได้ยากมากๆ เพราะเราไม่สามารถย้อนกลับไปผ่านตัวเครื่องโดยตรงได้ เราจำเป็นที่จะต้องใช้งานอุปกรณ์เสริมอื่นๆและอาศัยความเข้าใจสักเล็กน้อยในการย้อนกลับ ที่สำคัญหากไม่มีการสำรองข้อมูลเอาไว้ก่อนแล้วเกิดปัญหาขึ้นมา บอกได้คำเดียวว่าเละ

แอปพลิเคชันอาจจะไม่รองรับ

สำหรับใครที่มีแอปพลิเคชันที่จำเป็นต้องใช้งานอยู่ในทุกๆวัน หรือใช้งานอยู่บ่อยๆ อย่างเช่นแอปพลิเคชันที่เกี่ยวกับการทำธุรกรรมทางการเงิน การอัปเดตระบบเป็นเวอร์ชันใหม่อาจจะส่งผลให้เราไม่สามารถใช้งานแอปเหล่านี้ได้ ซึ่งมันเป็นอะไรที่เราไม่สามารถแก้ไขได้ด้วยตัวเอง จำเป็นที่จะต้องรอให้ผู้พัฒนาแอปอัปเดตเสียเอง ฉะนั้นใครที่จะใช้งานระบบตัวใหม่ก็ขอให้คิดให้ดีๆว่าตัวเองมีแอปตัวไหนที่ไม่ได้อยู่ในกระแสแล้วต้องใช้งาน ก็ขอให้ระวังเอาไว้ให้ดี

ที่มา – ThisIsGame