หากพูดถึงแบรนด์ที่มาแรงแบบฉุดไม่อยู่ เอาอะไรมารั้งก็หยุดความฮอตไม่ได้ต้องยกให้ “Dior Men”
ภายใต้การนำทัพของ Kim Jones นักออกแบบมือฉมังผู้จุดกระแสการรวมโลกแฟชั่นชั้นสูงกับสตรีทแวร์เข้าด้วยกันได้อย่างเหนือความคาดหมายตั้งแต่ครั้งอยู่กับ Louis Vuitton
แน่นอนด้วยชื่อเสียงและผลงานที่ผ่านมาของเขา ทำให้ทุกสายตาจากทั่วโลกจับจ้องไปที่คอลเล็คชันในบ้านหลังใหม่ ซึ่ง Kim ก็ไม่ทำให้ใครผิดหวัง แถมสร้างความเปรี้ยงปร้างให้กับตัวเองและภาพลักษณ์ใหม่ของ Dior เพิ่มขึ้นไปอีกเท่าตัวตั้งแต่คอลเล็กชัน Men’s Summer 2019 ที่สลัดคราบความลึกลับเข้มขรึมภายใต้โทนสีโมโนโครม ขาวดำ ตามฉบับ Dior ดั้งเดิมทิ้งแล้วใส่ความเป็นผู้ชายแต่งตัวดี ดูอบอุ่น ขี้เล่น ลงไปแทน นับเป็นการเปิดตัวกับบ้านใหม่ได้อย่างสมภาคภูมิจริงๆ
หลังจากนั้น Dior กับ Kim Jones ก็ปล่อยของกันต่อในคอลเล็กชัน Men’s Pre-Fall 2019 ที่ประเทศญี่ปุ่นด้วยธีมไซไฟล้ำยุค มนุษย์กับหุ่นยนต์ ซึ่งแน่นอนว่ากวาดคำชื่นชมไปอย่างล้นหลามและกลายเป็นผลงานมาสเตอร์พีซส่งท้ายปี 2018 ไปเลยก็ว่าได้
เมื่อสองโชว์ดังเปรี้ยงปร้างขนาดนั้นคอลเล็กชันเปิดศักราชใหม่อย่าง Men’s Fall 2019 ในงานปารีสแฟชั่นวีคฤดูกาล Fall/Winter 2019 จะมาทำให้แฟนๆ ผิดหวังได้อย่างไร Kim จอมดีเทลก็ยังคงรักษามาตรฐานตัวเองไว้ได้ดีไม่มีตก โดยหยิบเสื้อเกราะซึ่งพบเห็นได้ทั่วไปในรูปปั้นหรืองานประติมากรรมรอบๆปารีสมาเป็นแรงบันดาลใจในการสร้างสรรค์เสื้อผ้าสุดเท่ที่หลายๆคนใฝ่ฝันอยากได้มาครอบครอง
นอกจากเสื้อผ้าจะโดดเด่นสะกดทุกสายตาแล้ว ด้าน Accessories ก็ไม่น้อยหน้าเพราะ Kim ได้ดึงเอาเพื่อนๆดีไซเนอร์มากฝีมือมาร่วมออกแบบตั้งแต่ฤดูกาลแรกยันฤดูกาลล่าสุด ซึ่งแต่ละอันมันคูล มันล้ำ มันเท่ แค่ยกนิ้วให้อย่างเดียวไม่พอ แต่ต้องไปสืบเสาะหามาเลยว่าผู้อยู่เบื้องหลังไอเท็มเจ๋งๆ นั้นเป็นใครบ้าง ซึ่งต้องท้าวความกลับไปตั้งแต่คอลเล็กชัน Summer เพราะทุกๆคอลเล็กชัน Kim จะดึงศิลปินชื่อตัวท็อปมาร่วมงานด้วยเสมอ
สัญลักษณ์เจ้าผึ้งน้อยคล้อยบินสู่เวหาเป็นผลงานการร่วมมือกันกับ Brian Donnelly หรือ KAWS ศิลปินสายสตรีทอาร์ทระดับโลกที่นำโลโก้รูปผึ้งยุค Dior Homme มาปรับให้โฉมใหม่ให้หน้าตาน่ารัก ดูขี้เล่นมากขึ้น และไม่เพียงแค่สัญลักษณ์รูปผึ้งแต่เจ้าตุ๊กตาหน้าขนสีชมพูที่ตั้งตระหง่านสูงใหญ่อยู่ในโชว์ พร้อมแจกจ่ายให้กับบรรดาเซเลปคนดังที่เข้าร่วมงาน จนภายหลังออกมาประมูลซื้อขายกันในราคากว่า 130 ล้านบาทก็เป็นผลงานการสร้างสรรค์ของเขา
ต่อกันด้วยเข็มขัดหน้าตาดิบๆ ที่มีหัวเป็นรูปตัวอักษร CD สไตล์ Industrial นั้นเป็นผลงานการออกแบบของ Matthew Williams ผู้ก่อตั้งแบรนด์ Alyx แบรนด์ไฮสตรีทอันเป็นที่นิยมของเหล่า Rapper ซึ่งนอกจากจะใช้บนเข็มขัดแล้วเขายังนำมาใช้กับหมวกเท่ๆ ฝีมือการออกแบบของ Stephen Jones ด้วย
ส่วนตัวล็อคกระเป๋าปรับเปลี่ยนมาใช้ตัวล็อคที่หน้าตาถอดแบบหัวเข็มขัดนิรภัยรถไฟเหาะของแบรนด์ Alyx มาเลย เพียงแต่เพิ่มดีเทลตัวอักษรย่อ CD และคำว่า Christian Dior ลงไปเพื่อความร่วมสมัยมากขึ้น ยิ่งเมื่อมันมาประกบคู่กันกับกระเป๋าอานม้า (Sac Saddle) ในเวอชั่นผู้ชายที่ดูเท่ ดูแมนขึ้นกว่าทรงคลาสสิคซึ่งเคยถูกออกแบบโดย John Galliano เมื่อต้นทศวรรตที่ 2000s ยิ่งเรียกเสียงเซ็งแซ่ดังสุดๆ จนตอนนี้กระเป๋า Sac Saddle ราคาดีดสูงลิ่วและหายากขึ้นมากโดยปริยาย
ผ่านไปหลายไอเท็มแล้ว แต่ยังๆ ยังไม่หมดอยู่แค่นั้นเพราะบรรดาเครื่องประดับทั้งหมดทั้งมวลชิ้นอื่นนั้นนั้นได้ดีไซเนอร์สาวแซ่บลูกครึ่งเกาหลี-อเมริกัน Yoon Ahn ผู้ก่อตั้งแบรนด์สตรีทแวร์ชื่อดังอย่าง Ambush มาช่วยออกแบบ ไอเท็มชิ้นเด็ดๆ คือ แหวน Signet Ring สี Rose gold ที่ใส่เรียงนิ้วกันสะกดให้เป็นคำว่า DIOR และเติมความสนุกกวนๆ ลงไปในสัญลักษณ์โลโก้ตัวอักษร CD และผึ้งด้วยเพชร
นอกจากนั้นในคอลเล็กชัน Pre-Fall 2019 ที่ประเทศญี่ปุ่น Kim ยังเชิญเจ้าพ่อ Air brush ชื่อก้องโลกอย่าง Hajime Sorayama ที่โดดเด่นในงาน Graphic แนวโรโทรล้ำยุคมาร่วมออกแบบหุ่นยนต์สาวขนาดยักษ์บนรันเวย์ ทั้งยังออกแบบเครื่องประดับร่วมกับ Yoon ให้กับคอลเล็กชันนี้ด้วย
เมื่องานของ Yoon มารวมกันกับภาพวาดล้ำๆ ของ Hajime ยิ่งเสริมให้คอนเซ็ปต์โลกอนาคตและการแปลงมนุษย์เป็นหุ่นยนต์ดูสมบูรณ์ทุกรายละเอียด ทั้งเข็มกลัดโลโก้ Dior ต่างหู,สร้อยคอ,แว่นตา,ต่างหู และแหวนแนว Retro-futuristic ทุกๆชิ้นเหมือนกับลายเส้นของ Hajime หลุดออกมาเป็นสิ่งของยังไงอย่างงั้น
แต่โดดเด่นกระแทกทุกสายตาต้องยกให้ กระเป๋า Sac Saddle ซึ่งทำมาจากโลหะทั้งใบ ไม่ว่าจะสะพายคาดอกหรือจะคาดเอวก็ดี หรือจะสะพายหลังรับรองหล่อเท่มาแต่ไกลเพราะดีไซน์เขาโหดจริงแถมราคาก็โหดตามตกใบละประมาณ 1,093,050 บาทเลยทีเดียว
ส่วนคอลเลคชันล่าสุดอย่าง Winter 19 เป็นการร่วมงานกันออกแบบเส้อผ้ากับศิลปินผู้
คร่ำหวอดในวงการพังก์ของอเมริกาอย่าง Raymond Pettibon ซึ่งอาจจะไม่คุ้นชื่อเสียงเรียงนาม แต่ถ้าบอกว่าเขาเป็นคนออกแบบโลโก้ 4 bars ของวงพังก์ระดับตำนานอย่าง Black Flag และปกอัลบั้ม Goo ของวง Sonic Youth คงจะอ๋อขึ้นมาทันที เสื้อผ้าในคอลเล็กชันนี้จึงสอดแทรกความพังก์ไว้บนแจ๊กเกตหนัง ลายพิมพ์สรรพสัตว์ ถุงมือหนังแบบไบเกอร์ และรองเท้าบู้ตข้อสูง แต่ยังคงความเรียบเท่ ความสำอางและใส่ใจรายละเอียดตามแบบผู้ชาย Dior ไว้อยู่
เสน่ห์ของ Kim Jones คือการหยิบเอาแรงบันดาลใจจากประเทศที่จัดแฟชั่นโชว์ ไม่ว่าจะเป็นประวัติศาสตร์ วัฒนธรรม ศิลปะ มาใช้กับ Dior และเขาไม่ได้ฉายเดี่ยวสร้างสรรค์ผลงานคนเดียวแต่ยึดสิ่งที่ Christian Dior พูดถึงตัวห้องเสื้อตัวเองว่า
“ มันไม่ใช่การทำทุกอย่างด้วยตัวเขาเองเพียงคนเดียว แต่มันคือความสำเร็จที่มาจากน้ำมือคนตัวเล็กๆ มากมายที่อยู่เบื้องหลัง ”
ด้วยเหตุนี้คอลเล็กชันที่ Kim สร้างสรรค์จึงเป็นการทำงานที่จับมือกับคนเก่งในสาขาอาชีพต่างๆ เพราะเขาเชื่อในความสำเร็จแบบทีมมากกว่าการโซโล่ และเขาก็พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่ารวมกันเราเปรี้ยงจริงๆ