อู๋ เล่ย : สตาร์มังกรจีนผู้แบกความหวังชาติ มุ่งหน้าสู่แดนกระทิงดุ - The Macho
 
Roral Enfield - Hunter 350
728x150 - Nissan Almera
728x150 - Hunter4
อู๋ เล่ย : สตาร์มังกรจีนผู้แบกความหวังชาติ มุ่งหน้าสู่แดนกระทิงดุ

หากพูดถึงความยิ่งใหญ่ หรือด้านความเป็นมหาอำนาจในโลกเศรษฐกิจ ไม่มีใครปฏิเสธได้เลยว่า “ดินแดนมังกร” อย่างประเทศจีน นั้นคือแนวหน้าของโลกที่ไม่น้อยหน้าชาติตะวันตกใดๆ ด้วยจำนวนประชากร และความเป็นชาตินิยมอันเหนียวแน่น แต่ในทางกลับกันในโลกลูกหนัง มังกรตัวนี้กลับเป็นมังกรหลับใหล ที่ไม่เคยได้สัมผัสฟุตบอลโลกรอบสุดท้ายมาแล้วเกือบ 20 ปี และเชื่อหรือไม่ว่า ฟุตบอลโลกรอบสุดท้ายของพวกเขาเมื่อปี 2002 ที่ญี่ปุ่นและเกาหลีใต้ร่วมเป็นเจ้าภาพ นั่นเป็นฟุตบอลโลกสมัยแรก และสมัยเดียวของพวกเขา

ฟุตบอลโลกครั้งแรก และครั้งเดียวของจีนในปี 2002

แม้จะได้ไปฟุตบอลโลกหนเดียว แต่หากย้อนไปซักราว 10 ปีก่อน ความจริงแล้วนักเตะแดนมังกรสมัยนั้น ก็เริ่มเปิดกว้าง ออกไปหาประสบการณ์ในตลาดยุโรปบ้างพอสมควร อย่างเช่น “เส้า เจียอี้” ก็เคยค้าแข้งให้ 1860 มิวนิค, เอเนอร์กี้ ค็อตบุส และดุ๊ยส์บวร์ก ในบุนเดสลีก้า หรือกัปตันทีมชาติคนปัจจุบัน “เจิ้ง จื่อ” ก็เคยเล่นให้ชาร์ลตัน และกลาสโกว์ เซลติก รวมทั้งพวก “หลี่ เถีย” ที่เล่นให้เอฟเวอร์ตัน และ “ซุน จีไห่” ซึ่งเคยยึดตัวจริงในทีมแมนเชสเตอร์ ซิตี้ ได้อยู่ช่วงนึง

ซุน จีไห่ (ซ้าย) และหลี่ เถีย (ขวา) สองนักเตะจีน ที่ได้ค้าแข้งในพรีเมียร์ลีก

แต่หากนับเอาหลังซักปี 2010 เป็นต้นมา นักเตะจีนเริ่มออกไปค้าแข้งในดินแดนยุโรปน้อยลงไป ส่วนหนึ่งอาจจะเพราะลีกในประเทศจีนเองเริ่มแข็งแกร่ง และมีการลงเม็ดเงินมหาศาลทั้งจากรัฐบาลและเอกชน เพื่อยกระดับลีกของตัวเอง แต่อีกส่วนก็ปฏิเสธไม่ได้เลยว่า มาตรฐานของทีมชาติจีนเองก็ตกต่ำลงอย่างเห็นได้ชัด และตามหลังทีมร่วมทวีปอย่างญี่ปุ่น, เกาหลีใต้, พวกตะวันออกกลางอย่างซาอุฯ หรืออิหร่าน หรือแม้แต่น้องใหม่ที่มาแจมเอเชียช่วงหลังอย่างออสเตรเลีย มากขึ้นเรื่อยๆ ทั้งที่จำนวนประชากรที่มหาศาล หรือการพัฒนาลีกในประเทศที่ว่าไป ควรจะให้ผลลัพธ์ที่น่าพึงพอใจมากกว่านี้ในระดับทีมชาติ

ดิดิเย่ร์​ ดรอกบา (ซ้าย) และนิโกล่าส์ อเนลก้า เล่นให้กับเซี่ยงไฮ้ เสิ่นหัว ในช่วงลีกจีนเริ่มดึงสตาร์

จนมาเมื่อราวๆ 2-3 ปีหลังมานี้ ที่นักเตะจีนเริ่มเป็นที่จับตามองของตลาดนอกประเทศมากขึ้น มีการส่งนักเตะระดับวัยรุ่น ออกไปฝึกฝนกับลีกยุโรปมากขึ้น ลีกในจีนเองก็เริ่มถูกพูดถึง หลังมีนักเตะดังๆ ย้ายไปร่วมสร้างสีสีน (และโกยเงินหยวน) มากขึ้น โอกาสของนักเตะจีนที่จะได้กลับไปโชว์ฝีเท้าในดินแดนยุโรปก็เริ่มมีช่องทางขึ้น และในตอนนี้ ไม่มีโอกาสไหน จะน่าตื่นเต้นสำหรับชาวจีนแผ่นดินใหญ่ทั้งประเทศ ไปมากกว่าการไปค้าแข้งกับเอสปันญ่อล ในลาลีก้า ของ​ “อู๋ เล่ย” สตาร์อันดับ 1 อีกแล้ว

อู๋ เล่ย นักเตะอันดับ 1 ของทัพมังกรจีนในปัจจุบัน

แน่นอนว่ามองแว้บแรก หลายคนอาจจะคิดว่าเอสปันญ่อลดึงอู๋ เล่ย ไปเพื่อเพียงเรียกกระแสตลาดแดนมังกร หรือขายเสื้อหรือเปล่า เพราะแน่นอนว่าพอการย้ายทีมเสร็จสมบูรณ์ในช่วงปลายเดือน ม.ค. ที่ผ่านมา มีสถิติระบุว่า ชาวจีนกว่า 40 ล้านคน รอชมสตาร์คนนี้ประเดิมตัวจริงในนัดกับบาเลนเซีย นอกจากนั้นจำนวนการขายเสื้อก็มาแรงพุ่งพรวดขึ้นมาเป็นอันดับ 1 ของสโมสร อย่างรวดเร็ว

แต่ถ้าลองมองลงลึกไปแล้ว เอสปันญ่อลไม่ได้หวังกับอู๋ เล่ย แค่เพียงระยะสั้น เพราะแม้เจ้าตัวจะอายุ 27 ปีแล้ว แต่มีการเซ็นสัญญาหลังซื้อตัวมาจากเซี่ยงไฮ้ เอสไอพีจี ในราคาราว 2 ล้านยูโร ถึง 3 ปี พร้อมมีอ็อพชั่นขยายสัญญาต่อได้อีก 1 ปี พร้อมกันนั้น เจ้าตัวยังใช้เวลาเพียงแค่ 3-4 นัดที่ลงมาเป็นตัวสำรอง ก็สามารถยึดตำแหน่งตัวจริงได้อย่างรวดเร็ว พร้อมกับประเดิมประตูแรกได้สำเร็จในนัดที่ 5 ด้วยประตูปิดกล่อง 3-1 ในนัดที่ชนะเรอัล บายาโดลิด จนเขากลายเป็นนักเตะชาวจีนคนแรกในประวัติศาสตร์ที่ยิงประตูในศึกลาลีก้าได้ และถือเป็นนักเตะจีนคนแรกในรอบเกิน 10 ปี ที่สามารถยิงประตูในลีกสูงสุดของยุโรปได้ นับตั้งแต่เส้า เจียอี้ ยิงประตูให้เอเนอร์กี้ ค็อตบุส ในบุนเดสลีก้า ตั้งแต่ปี 2008 นู่นเลย

อู๋ เล่ย ในจังหวะฉลองประตูแรกที่เขาทำให้กับเเอสปันญ่อลได้สำเร็จ

ย้อนรอยที่ประวัติของอู๋ เล่ย กันนิดนึง สิ่งที่น่าสนใจคือนับตั้งแต่ขึ้นมาเล่นให้กับทีมชุดใหญ่ของสโมสร สโมสรเดียวของเขาคือเซี่ยงไฮ้ เอสไอพีจี ทีมเดียวมาตลอดระยะ 12 ปีตั้งแต่อายุ 15 จนปัจจุบัน ลงเล่นให้ทีมไปเกือบ 300 นัด และยิงประตูได้รวมเกินกว่า 150 ประตู โดยนัดแรกที่เจ้าตัวประเดิมสนามให้เอสไอพีจี นั้นเกิดขึ้นตั้งแต่เขาอายุเพียง 14 ปีกับ 287 วัน ถือครองสถิตินักเตะอายุน้อยที่สุดที่ประเดิมสนามให้กับสโมสรจีนในระดับลีกอาชีพ โดยเขาอยู่กับเอสไอพีจี มาตั้งแต่ทีมอยู่ในระดับลีก 2 (ลีกระดับ 3 ของจีน) จนทีมค่อยๆ ไต่ขึ้นมายังลีกสูงสุดในปี 2013 และคว้าแชมป์ไชน่า ซูเปอร์ ลีก หรือลีกสูงสุด ได้สำเร็จในฤดูกาล 2018 ที่ผ่านมานี่เอง โดยนอกจากอู๋ เล่ย ที่ครองตำแหน่งดาวซัลโวของลีกแบบไม่เห็นฝุ่นที่ 27 ประตูแล้ว ก็ยังมี 3 นักเตะบราซิเลี่ยน อย่างฮัลค์, ออสการ์ (อดีตนักเตะเชลซี) และเอลเคิลสัน เป็นตัวหลักร่วมด้วย

ในสีเสื้อของเซี่ยงไฮ้ เอสไอพีจี ร่วมกับ 3 นักเตะบราซิเลี่ยน คว้าแชมป์ลีกปีก่อน

ในส่วนการรับใช้ทีมชาติจีนนั้น เขาติดทีมชาติชุดใหญ่ตั้งแต่ปี 2010 หรืออายุเพียง 19 ปี ประเดิมประตูแรกในปี 2013 ในนัดพบกับทีมชาติออสเตรเลีย ในศึกอีสเอเชียคัพ รวมลงเล่นมาถึงปัจจุบันไปแล้ว 63 นัด ทำได้ 15 ประตู และล่าสุดในศึกเอเชี่ยนคัพหากจำกันได้ เขาก็เป็นหนึ่งในตัวหลักของกุนซือมาร์เซโล่ ลิปปี้ ที่ลงดวลกับทีมชาติไทยเรา โดยตลอดทัวร์นาเมนต์นั้น อู๋ เล่ย ต้องยอมลงเล่นทั้งที่มีอาการบาดเจ็บที่หัวไหล่ (ข่าวบางแหล่งบอกไหล่ร้าว) และสุดท้ายจีนก็ตกเพียงแค่รอบ 8 ทีมสุดท้าย โดยพ่ายอิหร่านยับเยิน 0-3

ในเรื่องสไตล์การเล่น แม้อู๋ เล่ย จะเป็นเจ้าของสถิติพังประตูให้เซี่ยงไฮ้ เอสไอพีจี สูงที่สุดตลอดกาลด้วยจำนวนราว 170 ประตู แต่การเล่นให้เอสปันญ่อลนั้น เขาฉีกตัวออกมาเล่นทางริมเส้นเสียมากกว่า ซึ่งเป็นตำแหน่งที่เขาเล่นให้ทีมชาติจีนอยู่บ้าง โดยนอกจากการเป็นตัวรุกด้านริมเส้นแล้ว เขายังสามารถเล่นตำแหน่งกองหน้าตัวต่ำได้ดีอีกด้วย เพราะมีจุดเด่นที่การสอดเข้าเขตโทษทำประตู และยังมีชั้นเชิงทั้งการครองบอล จ่ายบอล ที่ไม่ธรรมดาอีกด้วย

อู๋ เล่ย ในแมทช์ดวลกับทีมชาติไทยในเอเชี่ยนคัพ ซึ่งเขาเล่นหน้าตัวต่ำ

ถึงตอนนี้ แม้เส้นทางเริ่มต้นในดินแดนกระทิงดุของอู๋ เล่ย จะออกตัวได้สวยงาม ยึดตำแหน่งตัวจริงได้แล้ว ยิงประตูประเดิมก็ได้แล้ว แต่หลังจากนี้เชื่อเหลือเกินว่า จะยังมีหลักไมล์สำคัญให้ซูเปอร์สตาร์ทีมชาติจีนรายนี้ได้พิสูจน์อีกมาก ไม่ใช่แค่การพิสูจน์ส่วนตัวที่อยากจะยกระดับฝีเท้าให้ก้าวขึ้นไปอีกขึ้น แต่มันยังเป็นการแบกเอาความหวังของคนจีนทั้งชาติ ที่ไม่ได้เห็นนักเตะของตนประสบความสำเร็จในลีกยุโรปเนิ่นนานมาแล้ว ซึ่งหากอู๋ เล่ย สามารถปักธงความสำเร็จกับเอสปันญ่อลได้ ไม่แน่ในอนาคตอันใกล้ ลีกยุโรปต่างๆ อาจจะหันมาเมียงมองนักเตะจากแดนมังกรอีกครั้ง และการพัฒนาเพื่อกลับมาเป็นเบอร์ต้นๆ ในเอเชียของทีมชาติจีน อาจจะประสบความสำเร็จในรูปแบบการส่งนักเตะออกไปเก็บเกี่ยวประสบการณ์ต่างแดนแบบที่ญี่ปุ่น หรือเกาหลีใต้ทำ มากกว่าการกวาดต้อนสตาร์ไปค้าแข้งในดินแดนมังกรก็ได้ ใครจะไปรู้

Picture : Google, KPBS, South China Morning Post, Evening Standard, Xinhuanet, Sportsnet, ESPN, China Plus

rocketseer

ทำงาน Sports content | บ้าบอล-เป็น The KOP | (เคย)บ้าดูหนัง-(เคย)ทำเพจหนัง | อยู่บ้านนาน ก็ชักเป็นบ้า!

บทความที่เกี่ยวข้อง

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

Allow All
Manage Consent Preferences
  • Always Active

Save