ช่วงเทศกาลแบบนี้อะไรๆ ก็ดูสดใสแฮปปี้ไปหมด ไม่ว่าจะสีสันของแสงไฟประดับ โปรโมชั่นส่วนลดส่งท้ายปี หรือโครงการดีๆ สำหรับคืนความสุขให้กับผู้ใช้บริการ
ซึ่งคริสต์มาสปีนี้รถไฟฟ้าใต้ดิน MRT ไอเดียเก๋เปลี่ยนการยืนจ้องหน้าจอบนรถไฟฟ้ามาเป็นจ้องตัวอักษรบนหน้ากระดาษแทน โดยร่วมมือกับสำนักพิมพ์มติชนจัดงาน “Book Journey : MRT X’Mas Fest” นำหนังสือคุณภาพเยี่ยมกว่า 3,000 เล่ม มามอบให้เป็นของขวัญชิ้นพิเศษส่งท้ายปีให้กับผู้โดยสารกันฟรีๆ ในวันที่ 24-25 ธันวาคมนี้ บริเวณทางออก 3 MRT สวนจตุจักร เวลา 15.00 – 20.00 น.
แต่ไม่ใช่ว่าเดินเข้าไปหยิบได้เลยนะ ต้องแสดงบัตรโดยสาร MRT หรือแสดงแอป Bangkok MRT ก่อน ตามด้วยลงทะเบียนหน้างานโดยใช้บัตรประชาชน จากนั้นเขียนความรู้สึกต่อกิจกรรมนี้ แล้วร่วมลุ้นสนุกการจับฉลากจากต้นคริสต์มาสหนังสือว่าคุณจะได้หนังสือเล่มไหนไปครอง
แม้เวลาจะน้อยไปหน่อยแต่การคืนความสุขแบบนี้ดีกว่าการให้ปฏิทินเป็นไหนๆ คราวนี้เราจะมาดูกันว่ามีหนังสืออะไรที่น่าตามไปสอยบ้าง
1.The Godfather
สุดยอดอมตะอาชญนิยายที่ยิ่งใหญ่ของ “มาริโอ พูโซ” ซึ่งถูกนำมาดัดแปลงเป็นภาพยนตร์จนได้รับการยกย่องให้เป็นภาพยนตร์ยอดเยี่ยมตลอดกาล โดยมีเนื้อหาเกี่ยวกับ วีโต คอร์เลโอเน เจ้าพ่อมาเฟียชาวอิตาลีที่อพยพจากเมืองเล็กๆ ในบ้านของตนไปตั้งรกรากอยู่ในนิวยอร์ก ประเทศสหรัฐอเมริกาและสร้างตัวเป็นใหญ่จนได้สมญานามว่า “ก็อดฟาเธอร์” แต่วงการมาเฟียนั้นไม่ง่าย
เขาต้องหักเหลี่ยมเฉือนคมกับแก๊งอื่นๆ ที่ตั้งตัวเป็นใหญ่หวังเข้าคุมธุรกิจต่างๆ แทนแก๊งของตนที่สร้างอาณาจักรมาด้วยความอุสาหะ พร้อมทั้งดูแลครอบครัว และคนใต้อำนาจปกครองอย่างยุติธรรม โดยอาศัยคนใหญ่คนโตในวงการต่างๆ มาสนับสนุนแลกกับผลประโยชน์ทางการเงิน เหตุผลทางการเมือง รวมถึงผลประโยชน์อื่นๆ อีกมากมายมหาศาล ก๊อดฟาเธอร์จึงเป็นดังกฎหมายในโลกใต้ดินควบคุมธุรกิจสีเทาให้อยู่ในระเบียบ และไม่ใช่สิ่งที่จะลูบคมกันได้ง่ายๆเพราะนี่เป็นเรื่องธุรกิจ ไม่ใช่เรื่องส่วนตัว
2. ดาตาญังกับสามทหารเสือ
วรรณกรรมอิงประวัติศาสตร์ระดับโลกเรื่องเยี่ยมจากปลายปากกาของ “อเล็กซองด์ร์ ดูมาส์” นักเขียนนวนิยายชาวฝรั่งเศลที่มีงานเขียนมากกว่า 100 เรื่อง และบทละครอีกกว่า 90 ชิ้น เนื้อหาส่วนใหญ่ของเขาจะเกี่ยวข้องกับประวัติศาสตร์หรือพระราชา รวมถึงหนังสือเล่มนี้ด้วยเช่นกัน
ดาตาญังกับสามทหารเสือ เป็นการยกประวัติศาสตร์ช่วงสงครามการปิดล้อมเมืองลา โรแชล ในยุคสมัยที่ภายในประเทศฝรั่งเศสเองมีความขัดแย้งกันเองด้านศาสนามาเล่าอย่างออกรส ในขณะนั้นเมืองลา โรแชล นับถือโปสแตสแตนท์ แต่ศาสนาประจำชาติคือคาทอลิก จึงเกิดการปิดล้อมฝรั่งเศลด้วยกันเองเพื่อกำจัดโปสแตสแตนท์ออกไปจากประเทศ ความเข้มข้นอยู่ตรงที่เนื้อเรื่องและตัวละครล้วนดัดแปลงมาจากเรื่องจริงแทบทุกส่วน ไม่ว่าจะดาร์ตาญังหรือสามทหารเสือ ต่างก็มีตัวตนจริงๆ แม้แต่ฉากหลังในเรื่องก็อิงตามลำดับเหตุการณ์ในประวัติศาสตร์จริงๆ
3. พุทธศักราชอัสดงกับทรงจำของทรงจำของแมวกุหลาบดำ
เรื่องสั้นรางวัลซีไรต์ปีล่าสุดของนักเขียนหญิงคนเก่ง “วีรพร นิติประภา” ซึ่งนับเป็นการได้ซีไรต์สมัยที่2 ของเธอและถือเป็นนักเขียนหญิงคนแรกในประวัติศาสตร์ที่ได้ดับเบิลซีไรต์นับตั้งแต่รางวัลนี้ก่อตั้งมา 40 ปี วีรพรมีเอกลักษณ์ในการถ่ายทอดความหวานซึ้งและร้าวรานในชีวิตผู้คนผ่านภาษาอันแสนไพเราะอันเป็นเสน่ห์เฉพาะของเธอ ซึ่งหลังจากการได้รางวัลซีไรต์ครั้งแรกกับนวนิยายเรื่อง “ไส้เดือนตาบอดในเขาวงกต” ผู้คนต่างก็จับต่างมองผลงานของเธอ และเธอก็ยังคงรักษามาตรฐานไว้ได้ไม่มีเปลี่ยนแปลง
นวนิยายเรื่องนี้เป็นเล่าถึงความผูกพันและความปวดร้าวของความสัมพันธ์ในครอบครัว ว่าด้วยชีวิตครอบครัวคนจีนบนแผ่นดินสยาม กับเส้นทางการสร้างครอบครัวและขยับขยายฐานะ พวกเขาต้องผ่านพบความแปรผันหลายประการทั้งบนแผ่นดินไทยและแผ่นดินบ้านเกิด ดั่งสายน้ำแห่งโชคชะตาที่คอยซัดพรากแต่ละคนให้สาบสูญไปคนละทิศละทาง ความสนุกคือการวางโครงเรื่องให้สลับซับซ้อน มีเหลี่ยมมุมยอกย้อนมากมาย ซึ่งถูกนำเสนอผ่านหลากหลายชีวิตของเหล่าตัวละครแต่ละตัว
4. รุกสยามในพระนามของพระเจ้า
นี่คือนวนิยายที่สะท้อนภาพประวัติศาสตร์กรุงศรีอยุธยาในรัชสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราชเมื่อ 300 กว่าปีก่อนได้อย่างแจ่มชัด จากการศึกษาค้นคว้าอย่างหนักของ “มอร์การ สปอร์แตซ” นักเขียนชาวฝรั่งเศส ผู้อ่านจะได้เพลิดเพลินไปกับเรื่องราวชะตากรรมพิพักพิพ่วนชวนหัว ของสมณฑูตตะวันตกในชุดเครื่องทรงเต็มยศ และสารพัดลูกล่อลูกชนหมายยึดสยามเป็นอาณานิคม แต่กลับถูกซ้อนกลตลบหลังโดยเหล่าขุนนางตัวร้ายที่ยกออกมาประชันกันอย่างถึงพริกถึงขิง
โดยคุณจะได้เห็นภาพบุคคลสำคัญทางประวัติศาสตร์ลุกออกมาโลดแล่นบนหน้ากระดาษราวกับมีชีวิต ทั้งสมเด็จพระนารายณ์มหาราช ออกญาวิไชเยนทร์ บุรุษปริศนาเชื้อชาติกรีกท้าวทองกีบม้า พระยาโกษาธิบดี (ปาน) ราชฑูต เดอ ลาลูแบร์ บาทหลวงกีย์ ตาชารด์ และสมเด็จพระเพทราชากบฏผู้กอบกู้แผ่นดินสยาม ผ่านการร้อยเรียงเรื่องราวด้วยถ้อยภาษาเปี่ยมชั้นเชิง ซึ่งจะตอกตรึงให้เกิดอารมณ์ร่วมในทุกเหตุการณ์ราวกับได้เข้าไปสัมผัสใกล้ชิดด้วยตนเอง
5. I am Malala
หนังสือเล่มนี้เขียนมาจากเรื่องจริงอันสะเทือนโลก ซึ่งถือว่าเป็นหลักฐานแสดงอานุภาพแห่งปลายปากกาที่ทำให้ทั่วโลกรับรู้ถึงความอยุติธรรมของกลุ่มก่อการร้าย และส่งผลให้ชื่อของมาลาลา ยูซัฟไซ เด็กหญิงชาวปากีสถานผู้ถูกตาลิบันยิงศีรษะเพียงเพราะเธออยากไปโรงเรียนกลายเป็นเป็นที่จดจำของคนทั้งโลก
คุณจะได้เห็นโลกอีกมุมหนึ่งอันน่าเศร้าผ่านความไม่เป็นธรรมที่ครอบครัวชาวปากีสถานได้รับหลังจากกลุ่มก่อการร้ายตาลิบันเข้ามารุกราน การต่อสู้ของพ่อคนหนึ่งที่เปิดโรงเรียนโดยหวังให้ลูกสาวได้ไปโรงเรียนทั้งที่อยู่ในสังคมให้ค่าแต่ลูกชาย เพราะพวกเขาเชื่อว่าการจะปลดแอกผู้คนจากกรงขังทางความคิดได้นั้นคือการศึกษา “เด็กหนึ่งคน ครูหนึ่งคน หนังสือหนึ่งเล่ม และปากกาหนึ่งด้าม”
หลังจากหนังสือตีแพร่สู่สายตาชาวโลกนิตยสาร Forbes จัดให้มาลาลาเป็นหนึ่งในผู้ทรงอิทธิพลที่สุดของโลกและเป็นบุคคลอายุน้อยที่สุดที่ได้รับการเสนอชื่อให้ได้รับรางวัลโนเบลสาขาสันติภาพ
หนังสือ 5 เล่มนี้เป็นเพียงส่วนหนึ่งของ 3,000 เล่มเท่านั้น ใครอยากได้รีบพุ่งตัวไปด่วนๆ ก่อนจะหมด