ภูเขาหินปะการัง ทะยานเสียดฟ้า กลางเมืองแพร่ดินแดนล้านนา - The Macho
 
Roral Enfield - Hunter 350
728x150 - Nissan Almera
728x150 - Hunter4
ภูเขาหินปะการัง ทะยานเสียดฟ้า กลางเมืองแพร่ดินแดนล้านนา

หน้าหนาวแล้ว…ใครๆ ก็นึกถึงภูเขาครับ

เพราะเป็นช่วงที่อากาศเย็นสุดๆ ลมแรงกำลังดี ท้องฟ้าสีสดใส แต่หลายๆ ที่ก็คลาคล่ำไปด้วยผู้คนมากมาย บางคนไปเที่ยวแล้วอาจหมดสนุก ไม่รู้สึกเหมือนว่าไปพักผ่อน ช่วงหลังๆ หลายคนจึงหาแหล่งท่องเที่ยวที่แปลกออกไปเรื่อยๆ

ผมก็เป็นหนึ่งในนั้นนะครับที่ชอบสรรหาที่เที่ยวใหม่ๆ เพื่อสร้างทางเลือกให้กับตัวเองมากขึ้น อีกอย่างหนึ่งคือการบุกเบิกสถานที่ใหม่ๆ นั้น ทำให้ผมสามารถนำมาบอกต่อทุกคนได้อีก เหมือนกับครั้งนี้ที่ผมจะพาไปยืนอยู่บนภูเขาที่มีปะการังอยู่ด้วยจริงๆ กลางเมืองแพร่ ดินแดนล้านนาของเราครับ

 

แพร่

ไม่ได้ล้อเล่นครับ นี่คือ “ภูเขาหินปะการัง” อยู่บนยอดดอยผากลอง ตามความเชื่อเล่าว่าชื่อนี้มีที่มาจากการได้ยินเสียงเหมือนคนตีกลองจากยอดเขานี้อยู่เสมอๆ ซึ่งมีความสูงประมาณ 400 เมตร ในเขตอุทยานแห่งชาติดอยผากลอง ห่างจากตัวเมืองแพร่ประมาณ 40 กม.

 

หากมองดูตั้งแต่ทางเดินขึ้นก็ไม่ได้แตกต่างจากภูเขาหินปูนทั่วไป ทางเดินขึ้นชมภูเขาหินปะการังมีอิฐตัวหนอนปูให้เดินกันอย่างชิลล์ๆ ในช่วงระยะประมาณ 500 เมตรแรก และจะเจอกับจุดพักที่ขอบอกว่ามหัศจรรย์มากๆ นั่นคือ “ช่องแอร์ธรรมชาติ” โดยจะมีลมแรงๆ เย็นๆ สบายไม่ต่างจากแอร์บ้าน พัดออกมาจากช่องเล็กๆ ของถ้ำ เหมาะแก่การนั่งพักเติมแรงคลายร้อนก่อนเดินลุยกันต่อ อ้อ! อย่าลืมไหว้ศาลเจ้าพ่อดอยผากลองที่อยู่ใกล้ๆ กันเอาฤกษ์เอาชัยด้วยนะครับ

 

แพร่

จากจุดแวะพักนี้ไปจะเป็นทางเดินแบบโขดหิน แต่ก็ถือว่าไม่ลำบาก เพราะมีบันไดที่เจ้าหน้าที่ทำไว้ให้เป็นระยะๆ และอีกเพียง 300 เมตรก็จะถึงยอดเขาที่เป็นไฮไลท์ ความเปลี่ยนแปลงที่เห็นได้ชัดคือ แนวหินที่อยู่รอบตัวจะกลายเป็นแผ่นหินบางๆ ทรงแหลม ในความสูงที่ลดหลั่นและแตกต่างกัน เมื่อสุดทางที่ยอดเขาดอยผากลอง เราจะถึงบางอ้อว่าทำไมจึงเรียกว่า “ภูเขาหินปะการัง” เพราะสิ่งที่อยู่ตรงหน้าคือแนวยอดเขาแหลมคมที่สลับเฉดสีเทาๆ กันอย่างสวยงาม คล้ายกับแผ่นปะการังที่อยู่ใต้ทะเลเลย…นี่แหละความมหัศจรรย์ของธรรมชาติ

 

แพร่

อย่างที่รู้กันว่า ภูเขาเกิดจากขยับตัวของเปลือกโลกหลายล้านปีก่อน และเป็นภูเขาหลายๆ แบบอย่างที่เห็น แต่ “ภูเขาหินปะการังบนยอดดอยผากลอง” แห่งนี้แตกต่างครับ เพราะเคยอยู่ในทะเลมาก่อน แถมเป็น “ทะเลน้ำตื้น” ด้วย ทำให้มีลักษณะของหินปูนที่แปลกออกไป นั่นคือเป็นชั้นๆ ที่ซ้อนกันอยู่ พอถูกลมฝนลมพายุพัดกัดเซาะเข้าทุกวันๆ จึงเหมือนการตกแต่งและขัดเกลาภูเขาหินนี้ให้เป็นทรงที่เพรียวบาง มียอดแหลมเรียงรายอยู่อย่างสวยงาม

 

ช่วงเวลาที่เหมาะแก่การเดินขึ้นไปชมความงดงามบนยอดเขานี้คือช่วงเช้าตรู่ เราจะเห็นพระอาทิตย์ดวงกลมโตขึ้นมาจากแนวเทือกเขา แสงสีส้มจะฉาบกับชั้นหินที่เหมือนปะการังอย่างงดงาม แถมด้วยความสดชื่นจากหยาดน้ำค้างที่เกาะต้นจันทน์ผาและกระบองเพชรมากมายที่ โอบล้อมยอดเขาลูกนี้ ซึ่งมีจุดชมวิวอยู่ปลายทางของสะพานไม้สีน้ำตาลที่ยาวเพียง 20 เมตร ทำให้เรารู้สึกเหมือนได้เหาะเหินเดินอากาศอยู่บนภูเขาหินปะการังที่ทะยานเสียดฟ้า

 

หากใครไม่สะดวกตื่นเช้าๆ ตอนเย็นก็มาได้เช่นกัน เพราะบนยอดเขานี้จะชมวิวได้ตลอด 360 องศา รับรองว่าสวยงามไม่แพ้กันแน่นอน

แพร่

แพร่

แพร่

 

“ภูเขาหินปะการัง” นั้นเที่ยวได้ทุกฤดู หน้าร้อนช่วงเช้าและเย็นจะมีลมพัดสบายๆ หน้าฝนก็จะเต็มไปด้วยทะเลหมอกของสายฝนที่ไหลเอื่อยๆ และความสดชื่นของสีเขียวขจีจากต้นไม้ ส่วนหน้าหนาวนี่คือจุดรับลมหนาวชั้นดีแห่งหนึ่งของภาคเหนือเลย

หลายคนอาจสงสัยว่า “ภูเขาหินปะการัง” น่าสนใจขนาดนี้…ทำไมไม่ค่อยมีใครพูดถึง? ผมขอตอบเลยว่า “นี่แหละ…เสน่ห์ Unseen ของเมืองไทย” ผมเชื่อว่ายังมีที่เที่ยวแบบนี้อยู่อีกมาก แต่อาจถูกมองข้ามไปทั้งจากคนในพื้นที่และคนภายนอก

ผมเองนี่แหละจะค้นหาสิ่งเหล่านี้ต่อไป

เพื่อพิสูจน์ว่า “เมืองไทยสวย…ไม่แพ้ที่ใดในโลก”

 

แพร่

…………………………………………………………………

 

แถม / ท้าย / ทริป…กับ Trick เท่ๆ :

  • ทุกเพศทุกวัยเดินขึ้นภูเขาหินปะการังได้นะครับ และควรใส่รองเท้าผ้าใบเพื่อความสะดวกตลอดระยะทางเดิน 800 เมตร หากเดินปกติจะใช้เวลาประมาณ 30-45 นาทีต่อรอบ
  • อากาศบนยอดเขาเย็นสบายและมีจุดชมวิวที่รองรับคนยืนได้ประมาณ 20 คน
    • นอกจากภูเขาหินปะการังแล้ว ยังมี “สวนหินมหาราช” ให้เที่ยวอีกด้วย

เป็นสวนหินรูปร่างแปลกๆ ที่ธรรมชาติสร้างขึ้นมา ใครชอบแนวธรณีวิทยาจัดได้เลย! ที่สำคัญอยู่ติดถนนเขตที่ทำการอุทยานฯ ครับ

  • หากมีเวลาต้องไปอำเภอลองครับ ห่างไปเพียง 30 กม. แล้วแวะ “วัดห้วยอ้อหรือวัดศรีดอนคำ” นี่คือที่มาที่ไปของคำว่า “เมืองแพร่แห่ระเบิด” แล้วอย่าลืมไปเคาะระฆังใบใหญ่ๆ ที่ทำจากลูกระบิดในสมัยสงคราโลกครั้งที่ 2 ด้วยนะครับ

 

แพร่

 

Go to :

จาก กทม. มุ่งหน้าสู่ถนนสายเอเชีย (อยุธยา-นครสวรรค์) ถึงตัวเมืองนครสวรรค์ให้เลี้ยวขวาสู่ทางหลวง 117 ผ่านพิจิตรและพิษณุโลก จากนั้นใช้ทางหลวง 11 มุ่งสู่อุตรดิตถ์และตัวเมืองแพร่ และใช้ทางหลวง 1023 อีกประมาณ 30 กม. จะถึงภูเขาหินปะการัง อุทยานแห่งชาติดอยผากลอง รวมระยะทั้งหมด 580 กม.

 

Contact & Camping :

  • อุทยานแห่งชาติดอยผากลอง 054-501-701 / 081-724-3238
  • ททท. สำนักงานแพร่ 054-521-118 / 054-521-127

 

Text & Photo – Nuim Navigator

Chalermchai Tunsingha
ชอบเดินทางตั้งแต่เด็กยันโต...จนได้เป็นแชมป์แฟนพันธุ์แท้ท่องเที่ยวไทย

บทความที่เกี่ยวข้อง

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

Allow All
Manage Consent Preferences
  • Always Active

Save