ถ้าจะพูดถึงเหตุการสุดฉาวของวงการบันเทิงฝั่งตะวันตกยุค 90s ที่เพิ่งเริ่มเข้าสู่ยุคอินเตอร์เน็ตใหม่ๆ หลายคนน่าจะจำได้คือกรณี “เทปลับ” ของพาเมล่า แอนเดอร์สัน เซ็กซี่สตาร์แห่งยุค และแฟนหนุ่มร็อคสตาร์ ทอมมี่ ลี ที่บันทึก VDO ขณะที่กำลังมีอะไรกัน แล้วเกิดหลุดออกไปมาแพร่ในอินเตอร์เน็ตแต่ไม่รู้ที่มาที่ไปว่ามันหลุดมาจากไหน ซีรีย์ PAM&TOMMY จะทำให้เราเข้าใจเหตุการณ์แล้วยังลงลึกไปถึงจิตใจแต่ละตัวละครมากยิ่งขึ้น

ต้องบอกว่าครั้งแรกที่ดูผมค่อนข้างตกใจมากที่ซีรีย์เรื่องนี้ถูกสร้างโดย Disney เพราะภายในซีรีย์เต็มไปด้วยฉากโจ๋งครึ่มของวงการผลิตภาพยนตร์ผู้ใหญ่ฝั่งตะวันตกในปี 90s รวมไปถึงจากมีอะไรกันของตัวเอกของเรื่องคือ พาเมล่า แอนเดอร์สัน ที่รับบทโดย ลิลี เจมส์ ส่วน ทอมมี ลี ร็อคสตาร์ชาวอเมริกันและมือกลองวง Glam metal Mötley Crüe รับบทโดย เซบาสเตียน สแตน ที่แฟน Marvel คุ้นเคยดีในบทของ วินเทอร์โซเยอร์ นั่นเอง

เรื่องราวของ Sextape สุดฉาวนี้หลุดออกมาในปี 1995 ซึ่งทำให้ฉากหลังของซีรีย์จึงเป็นยุค 90s ที่ไม่ได้มีแค่ดราม่าเรื่องราวของตัวเทปเอง แต่รายล้อมไปด้วยเสน่ห์ต่างๆ ในช่วงเวลานั้นๆ รวมไปถึงเพลงประกอบสุดฮิตที่เราคุ้นหูในทุก EP

ช่วงต้นของซีรีย์ PAM&TOMMY เล่าเรื่องความบ้า และการใช้ชีวิตสุดโต่งในแบบซุปเปอร์สตาร์ของทั้งคู่ ให้คนดูรู้สึกถึงความชอบธรรม ของ แรนด์ ที่รับบท เซท โรแกน ช่างไม้ที่เข้าไปทำบ้านให้ทอมมี่ แล้วเป็นเหตุให้เทปลับของ พาเมล่า แอนเดอร์สัน​ และทอมมี่ ลี​ หลุดออกมา ก่อนที่ซีรีย์จะตบเรากลับด้วยมุมมองของมนุษย์ ของผู้ที่ถูกกระทำ

ภายในซีรีย์ก็จะมีเรื่องเกี่ยวกับวงการ Adult VDO ของอเมริกาในยุคที่มีเริ่มมีอินเตอร์เน็ตเข้ามาเปลี่ยนแปลงวงการขนานใหญ่ในแง่ธุรกิจให้เราได้ความรู้เพิ่มเติมกันไปอีกด้วย รวมไปถึงบุคคลที่มีชื่อเสียงที่เข้ามามีบทบาทในชีวิตของพาเมล่า แอนเดอร์สัน อย่าง ฮิวจ์ เฮฟเนอร์ เจ้าของนิตยสารเพลย์บอย​ คนที่ชอบใส่ชุดคลุมอาบน้ำสีแดงแล้วมีนางกระต่ายล้อมหน้าหลังตลอดเวลาในเพลย์บอยแมนชั่น​

ซีรีย์ PAM&TOMMY มีทั้งหมด 8 EP แต่ละ EP มีความน่าสนใจ รวมไปถึงประเด็นแง่มุมต่างๆ ของมนุษย์, เทคโนโลยี, การล้างแค้น, การให้อภัย รวมไปถึงธุรกิจที่สนุกมากจนสามารถดูจบในรวดเดียวได้เลย

ถ้าในปีที่แล้ว Netflix สร้างกระแสจากซีรีย์ The Naked Director 2 เกี่ยวกับอุตสาหกรรม AV ฝั่งญี่ปุ่นแล้ว ปีนี้ Disney ก็ได้เล่าเรื่องราวของอุตสาหกรรมหนังผู้ใหญ่ฝั่งตะวันตกที่เชื่อมโยงกับซีรีย์ PAM&TOMMY ให้เราเห็นเช่นกัน

อีกประเด็นที่ต้องชมคือการแคสติ้งนักแสดงที่มารับบทแต่ละคนในเรื่อง ถ้าเทียบรูปกันนี่แทบจะซ้อนทับกันเลย ส่วนบท และฝีมือการแสดงไม่ต้องพูดถึงทำให้เราคนดูรู้สึกถึงความเจ็บปวดทุกตัวละครที่ต้องประสบปัญหาชีวิตที่ถาโถมเข้ามาแบบไม่สามารถรับมือได้เลย