Scatterfocus ภาวะความคิดล่องลอยจนได้ไอเดียใหม่ๆ - The Macho
 
Roral Enfield - Hunter 350
728x150 - Nissan Almera
728x150 - Hunter4
Scatterfocus ภาวะความคิดล่องลอยจนได้ไอเดียใหม่ๆ

ไอเดียดีๆ และคำตอบสำหรับปัญหายากๆ มักเกิดขึ้นเวลาที่เราไม่ได้ตั้งใจคิดจดจ่อ แต่มันกลับผุดขึ้นมาในเวลาที่เรารู้สึกรีเล็กซ์ ผ่อนคลาย ปล่อยความคิดให้ล่องลอย

ประสบการณ์เช่นนี้เราเชื่อว่าทุกคนเคยประสบพบเจอกับตัวเองมาก่อน จนมีการตั้งข้อสังเกตว่า บางทีเราได้ปล่อยตัวเองให้เหม่อบ้าง จะช่วยทำให้เราได้ไอเดียมากกว่าที่จะทำตัวให้หมกมุ่นกับปัญหา ซึ่งมันเป็นเช่นนั้นได้อย่างไร วันนี้เรามีคำตอบจะมาเฉลย ให้ได้ทราบกัน

 กระบวนการทำงานของสมองในการ “คิด”

กระบวนการคิดของสมองคนเราจะมีอยู่ 2 รูปแบบด้วยกัน แบบแรกคือ Hyperfocus ซึ่งเป็นการคิดแบบจดจ่อ ที่เราทุกคนคุ้นเคยกันดี และอีกแบบหนึ่งก็คือ Scatterfocus ซึ่งเป็นความคิดแล่นที่เกิดขึ้นเองในเวลาที่เราไม่ตั้งใจ

หลายคนไม่เข้าใจกระบวนการคิดของสมอง จึงทำให้ไม่สามารถรีดศักยภาพของมันออกมาได้เต็มที่ ซึ่งการคิดทั้ง 2 รูปแบบที่เราได้ว่ามานี้ มีประโยชน์แตกต่างกันอย่างชัดเจน หากคุณสามารถรู้จักใช้งานมันได้อย่างถูกต้อง ย่อมทำให้คุณกลายเป็นยอดคนอัจฉริยะได้ไม่ยาก

การคิดแบบ Hyperfocus  

อย่างที่ได้บอกไปก่อนหน้านี้ว่า Hyperfocus คือการคิดแบบจดจ่อ มีสมาธิกับงานที่ทำอยู่ตรงหน้า กระบวนการคิดแบบนี้จึงเหมาะสำหรับใช้กับสิ่งที่เรามีความคุ้นเคยเชี่ยวชาญอยู่แล้ว เป็นงานที่ต้องการสกิล และความระเอียดรอบคอบขั้นสูง เช่น การเขียนโปรแกรม วิเคราะห์ข้อมูล งานทางด้านการแพทย์ และงานวิชาชีพชั้นสูงอื่นๆ

การคิดแบบ Hyperfocus จะมีลิมิตเวลาของมันอยู่ช่วงหนึ่ง บางคนสามารถจดจ่อกับงานได้นานต่อเนื่อง 1 ชั่วโมงก่อน บางคนอาจสั้นหรือยาวกว่านั้นก่อนที่จะเสียสมาธิ จนต้องหยุดพักสักครู่แล้วจึงเริ่มใหม่ เพราะการคิดแบบ Hyperfocus จะมีประสิทธิภาพลดลงอย่างมาก เมื่อสมองของคุณไม่ต่อไม่ไหวแล้ว แต่คุณยังฝืนร่างกายนั่งจมปลัก หมกมุ่นกับความคิดอยู่ตรงนั้น

ดังนั้นการใช้งานสมองด้วยการคิดแบบ Hyperfocus ที่ดี คุณควรรู้จักศักยภาพของสมองตัวเองว่ามันสามารถทนทานต่อการคิดวิเคราะห์จดจ่ออย่างต่อเนื่องในระยะเวลาเท่าไหร่ เมื่อรู้สึกไม่ไหวก็ต้องพักเบรก อย่าฝืน

การคิดแบบ Scatterfocus

ในทางตรงข้าม Scatterfocus ก็คือการคิดแบบไม่ได้คิด มันคือการปล่อยให้สมองของคุณโลดแล่นทางความคิดไปเองระหว่างที่คุณกำลังทำกิจกรรมอื่นที่ไม่ใช่งาน เช่น อาจเป็นระหว่างพักจิบกาแฟ รดน้ำต้นไม้ ซักผ้า และทำความสะอาดบ้าน เป็นต้น

ทุกคนคงรู้ดีว่าการห้ามไม่ให้สมองของเราคิดฟุ้งกระจายนั้นยากแค่ไหน คนที่เคยนั่งสมาธิคงทราบดีว่าการบังคับไม่ให้เกิดความคิดฟุ้งกระจายระหว่างที่สมองเราไม่ได้คิดอะไรนั้นยากเหมือน “จับปูใส่กระด้ง”

นั่นเป็นเพราะระหว่างที่เราคิดแบบ Hyperfocus นั้นจะมีเซลล์สมองเพียงบางกลุ่มก้อนที่ทำงานหนัก ในขณะที่อีกหลายๆ เซลล์แทบไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับความคิดจดจ่อนั้น ในทางตรงข้าม ขณะที่คุณไม่ได้คิดอะไร สมองคุณจะเข้าสู่สภาวะ Scatterfocus ซึ่งเป็นสภาวะที่เซลล์สมองทุกเซลล์เชื่อมโยงแลกเปลี่ยนข้อมูลกันอย่างบูรณาการ  

และสภาวะที่สมองทุกเซลล์เชื่อมโยงแลกเปลี่ยนข้อมูลกันอย่างบูรณาการนี่แหละ จะเป็นปัจจัยสำคัญที่ก่อให้เกิดไอเดียใหม่ๆ เพราะตะกอนทางความคิดตั้งแต่อดีตที่คุณอาจหลงลืมไปได้ มันได้เชื่อมโยงเข้ากับเหตุการณ์ที่คุณกำลังประสบพบเจออยู่ในปัจจุบัน จนทำให้ก่อเกิดไอเดียใหม่ๆ ที่กลายเป็นคำตอบ หรือโอกาสสำคัญของชีวิตได้

วิธีการจัดการกับ Scatterfocus ตามแบบฉบับคนประสบความสำเร็จ

ก่อนอื่นคุณต้องเข้าใจว่า Scatterfocus เป็นสิ่งที่คุณไม่สามารถบังคับมันได้ ใครที่อยากได้ไอเดียใหม่ๆ จาก Scatterfocus จะไม่ได้ แต่คนที่จิตใจว่างเปล่า ไม่อยากได้ไอเดียอะไร กลับจะได้ และทุกครั้งที่มีไอเดียใหม่ๆ ผุดขึ้นโดยไม่ได้ตั้งใจ นักคิด นักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จทั้งหลายจะจดมัน แล้วนำไปคิดวิเคราะห์ต่อถึงโอกาสความเป็นไปได้

หลายคนคงเคยรู้จักตำนานของ “ยูเรก้า”  เมื่ออาร์คิมิดิสคิดกฎของแรงลอยตัวได้ระหว่างที่แช่น้ำในอ่าง ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่เขาไม่ได้ใช้ความคิดอะไร แต่คำตอบมันก็ผุดขึ้นมาในหัว และด้วยความตื่นเต้น เขารีบลุกจากอ่างวิ่งไปตามถนนทั้งๆ ที่เปลือยกายอยู่ พร้อมกับอุทานว่า “heúrēka!” หรือ “Eureke!” ซึ่งแปลเป็นภาษาอังกฤษได้ว่า “I have found” แล้วก็ได้จดบันทึกมันเป็นกฎของแรงลอยตัวที่ยังคงใช้มาจนถึงปัจจุบัน ซึ่งนี่ก็คือตัวอย่างที่ดีของ Scatterfocus และการใช้ประโยชน์จากมันให้ประสบความสำเร็จ

และนี่ก็คือ Scatterfocus แนวทางการเกิดไอเดียสร้างสรรค์ระหว่างเหม่อลอย ที่เราอยากแนะนำให้คุณได้รู้จักในครั้งนี้ ก็หวังว่าจะเป็นประโยชน์สำหรับทุกคน เพราะจากสิ่งที่เราได้นำเสนอไปนี้ เพื่อนๆ คงได้เห็นแล้วว่าการใช้ชีวิตอย่างสมดุล ไม่เคร่งเครียดมากเกินไป มีช่วงเวลาจดจ่อทำงาน และผ่อนคลายอย่างบาลานซ์ ก็อาจทำให้คุณได้พบกับไอเดีย และคำตอบใหม่ๆ สำหรับชีวิต แม้คุณไม่เคยได้คิดถึงมันเลยก็ตาม และเมื่อมันผุดขึ้นมาแล้วก็อย่าลืมจด และนำมาคิดวิเคราะห์เผื่อว่าไอเดียนั้นจะเป็นประโยชน์สำหรับคุณ

ที่มา – tedxmanchester

Sujate Wanchat

What one man calls God, another calls the laws of physics.

วิศวกร นักท่องเที่ยว บล็อกเกอร์ นักเขียนบทความ ชอบติดตามโลกเทคโนโลยีที่ก้าวหน้าล้ำสมัย เรื่องราวการท่องเที่ยวผจญภัย มนุษย์ต่างดาว และสาวๆ เซ็กซี่

บทความที่เกี่ยวข้อง

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

Allow All
Manage Consent Preferences
  • Always Active

Save