คนเรามักจะหาข้ออ้างให้กับการทำผิด โดยเฉพาะการนอกใจคนรัก หรือจริงๆมันอาจไม่ใช่ข้ออ้าง แต่เป็นพฤติกรรมตามธรรม ชาติของสิ่งมีชีวิตที่เรียกว่า “มนุษย์”
นักวิทยาศาสตร์ได้ให้คำอธิบายว่า มนุษย์เป็นสัตว์ที่มีพฤติกรรมทั้งเจ้าชู้และรักเดียวใจเดียวรวมอยู่ด้วยกันและสิ่งควบคุมพฤติกรรมดังกล่าวคือ ฮอร์โมนที่มีหน้าที่สร้างความรู้สึกรักและผูกพัน ชื่อว่า “Oxytocin” ฮอร์โมนนี้มีอิทธิพลสร้างให้ผู้หญิงมีพฤติกรรมเอื้อต่อการเลี้ยงบุตรหรือรู้สึกผูกพันกับคนรักมากกว่าผู้ชาย ส่วนในผู้ชายเราจะเรียกฮอร์โมนนั้นว่า “Vasopressin”
โดยธรรมชาติผู้ชายไม่ได้มีฮอร์โมนนี้ทุกคนเหมือนผู้หญิง และมีประชากรเพศชายถึง 60% ที่ไม่มียีนนี้อยู่ จะว่าผู้ชายเจ้าชู้โดยสันดาน ก็ไม่ผิดหนักเพราะมันเป็นส่วนหนึ่งของวิวัฒนาการเพื่อดำรงเผ่าพันธุ์
แต่ใช่ว่าผู้หญิงจะไม่สามารถเจ้าชู้ได้ แถมสาเหตุไม่ได้เกิดจากยีนเหมือนผู้ชายแต่อย่างใด แต่มาจากชีวิตคู่ที่ไม่แฮปปี้ต่างหาก ในขณะที่ผู้ชายให้ความสำคัญกับเซ็กส์เป็นอันดับหนึ่ง แต่ผู้หญิงจะโฟกัสเรื่องการเติมเต็มทางด้านอารมณ์ความรู้สึก เมื่อใดก็ตามที่ไม่ได้รับการตอบสนองสิ่งนั้นจากคู่ตัวเอง เธอจึงต้องตามหามันจากคนอื่นเพื่อเติมส่วนที่ขาดให้เต็ม ในปัจจุบันผู้หญิงที่นอกใจแล้วแฮปปี้กับชีวิตคู่ของตัวเองมีเฉลี่ยประมาณ 34% ส่วนผู้ชายอยู่ที่ 56%
การนอกใจอยู่มาทุกยุคทุกสมัย ถึงจะปฏิเสธไม่ได้ว่าการเปลี่ยนแปลงของสภาพสังคมนั้นมีผลต่อการสร้างความสัมพันธ์โดยเฉพาะกับคนยุคมิลเลนเนียล โลกอินเทอร์เน็ตเชื่อมทุกอย่างให้แคบลงแม้กระทั่งการเริ่มต้นความสัมพันธ์ใหม่ ทัศนคติพวกเขาจึงแตกต่างไปจากคนรุ่นก่อนๆ ทั้งผู้หญิงและผู้ชายมีตัวเลือกสำหรับมองหาคนที่ดีกว่าเดิม เราไม่ถูกตีกรอบให้ใช้ชีวิตแบบผัวเดียวเมียเดียวเท่าในอดีต
หากมองข้ามเรื่องศีลธรรมลองถามคู่รักที่อยู่กินกันมานานดูว่าพวกเขาเคยนอกใจกันหรือเปล่า ถ้าคำตอบที่ได้คือไม่เคย นั้นคงเป็นเปอร์เซ็นต์ที่น้อยมากๆ อาจกล่าวได้ว่าหรือจริงๆ แล้วการนอกใจคือสูตรสำเร็จของความสัมพันธ์ระยะยาว ?
Dr. Stan Tatkin ผู้ช่วยศาสตราจารย์สาขาเวชศาสตร์ครอบครัว ใน David Geffen School of Medicine มหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนียลอสแอนเจลิส ผู้เขียนเรื่อง Wired for Love ได้ทำความเข้าใจเกี่ยวกับพฤติกรรมการนอกใจ และให้เหตุผลว่า
“การนอกใจเป็นสัญญาณช่วยให้ความสัมพันธ์ของคู่รักมีความลึกซึ้งมากขึ้น”
ถึงแม้พื้นฐานในการรักษาความสัมพันธ์อันมั่นคงจะมาจากความจริงใจ ซื่อสัตย์ ปกป้องซึ่งกันและกันทั้งต่อหน้าหรือลับหลัง แต่หากความไว้ใจถูกทำลายลงโดยใครคนใดหนึ่ง
ความสัมพันธ์เดิมอาจเปลี่ยนไปเป็นความสัมพันธ์ระยะยาวได้ เพราะการนอกใจช่วยให้ชีวิตคู่เติบโตขึ้นโดยเรียนรู้จากความผิดพลาด ความล้มเหลวจะกลายเป็นบาดแผลช่วยย้ำเตือน และผลักดันพวกเขาให้อยากเป็นคนดีขึ้นกว่าเดิม
สิ่งสำคัญเมื่อทำผิดไปแล้ว คือ การลืมมันไปซะ โดยไม่ใช่ใส่หน้ากากแสร้งว่าโอเค แต่ก็ยังพูดถึงมันอยู่เสมอ เพราะนั่นเป็นพฤติกรรมที่บั่นทอนความรู้สึกอีกฝ่าย แถมยังตอกย้ำตัวเองว่า คุณไม่โตซะที “การทรยศหักหลัง” ไม่ใช่เรื่องสามารถลืมหรือให้อภัยได้ง่ายๆ แต่คุณควรเปิดใจพยายามประคับประครองความสัมพันธ์ของคุณกับคนรัก
นี่ไม่ใช่การแนะนำว่านอกใจเป็นเรื่องดี แต่ต้องการเสนอมุมมองอีกด้านของความรักว่า “ไม่มีรักใดที่สมบูรณ์” หากพลาดไปเก็บอดีตเป็นบทเรียนแล้วก้าวต่อไป
ที่มา : theoryoflove| independent|cheatsheet
