เมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา พรีเมียร์ลีกมีการประชุมกันอีกหน ซึ่งแน่นอนว่าเป้าหมายหลักคือการหารือแนวทางของการกลับมาเตะของซีซัน 2019/20 ซึ่งยังเหลืออีก 9-10 นัดสุดท้าย ประเด็นสำคัญมีอะไร เรามีสรุปมาฝากครบถ้วน
นอกจากนั้น พอมีแถลงการณ์อย่างเป็นทางการออกมา สื่อต่างๆ ก็ตีความหาความน่าจะเป็นตามมาอีก ซึ่งนอกเหนือจากโปรแกรมของพรีเมียร์ลีก ยังมีแนวโน้มของโปรแกรมสโมสรยุโรปด้วย ซึ่งเราจะรวบรวมเอามาฝากเช่นกัน
แถลงการณ์ล่าสุดจากพรีเมียร์ลีก
พรีเมียร์ลีก และ 20 สโมสรสมาชิก มีการประชุมกันไปล่าสุด 16 เม.ย. มีใจความน่าสนใจตามนี้
- เป้าหมายสำคัญ ยังคงเป็นการกลับมาเตะซีซัน 2019/20 ให้จบทั้งหมด
- ยังไม่มีกำหนดการออกมา ต้องขึ้นอยู่กับสถานการณ์โควิด-19 และต้องได้รับไฟเขียวจากรัฐบาล และความปลอดภัยทางการแพทย์ ซึ่งต้นเดือน พ.ค. เป็นไปไม่ได้แล้ว
- มีการหารือถึงรูปแบบการแข่งขันต่างๆ เพื่อหาทางออกให้แข่งขันได้จนจบซีซัน แต่ก็ไม่มีการประกาศรายละเอียดออกมา ว่าคุยกันเรื่องอะไรบ้าง
- ไม่มีการพูดถึงความกังวลก่อนนี้ ที่อยากให้จบซีซัน 30 มิ.ย. เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหานักเตะที่จะหมดสัญญา ทั้งแบบยืม และแบบสัญญาโดยตรงกับสโมสร
- ไม่ได้มีการพูดถึงกำหนดการที่รัฐบาลอังกฤษ ขยายเวลาล็อคดาวน์ไปจนถึง 17 พ.ค.
ประกาศเพิ่มเติมจาก Fantasy Premier League
นอกเหนือจากการประกาศของพรีเมียร์ลีกดังกล่าว ทาง Fantasy Premier League ก็ได้มีการขยับตัวปรับเปลี่ยนรายละเอียดการประกาศออกมาเล็กน้อย ดังนี้
- ทาง FPL ได้ปรับให้ Gameweek 36-38 กลายเป็น Blank ทั้งหมด
- Gameweek ทั้งหมดที่เป็น Blank ยังคงยึดเดดไลน์เปลี่ยนตัว และสิทธิ์ Free Transfer เหมือนเดิม
- ยังไม่มีการประกาศว่าจะเอายังไงต่อหลัง Gameweek 38 เรื่องการเปลี่ยนตัว, จัดตัว และจัดโปรแกรมแข่งขัน
- แต่มีการระบุว่า ให้ติดตามประกาศหลังวันที่ 17 พ.ค. ซึ่งเป็นกำหนดสำคัญ 2 อย่างคือ (1) เป็นระยะเวลาสิ้นสุดล็อคดาวน์ใหม่ของรัฐบาล (2) ตามโปรแกรมเดิม เป็นวันที่แข่งขันนัดสุดท้ายของซีซัน หรือ Gameweek 38
การคาดเดาที่ตามมาของสื่อ
จบแถลงการณ์ของพรีเมียร์ลีก และประกาศของ FPL ที่เป็น Official ไปแล้ว เราก็มาอัพเดทกันต่อถึงสิ่งที่สื่อต่างๆ พูดกัน ซึ่งย้ำกันอีกที ว่าอาจจะเป็นข้อมูลวงในจริงๆ หรือเป็นแค่การคาดเดา อันนี้เราก็ไม่อาจรู้ได้
ประเด็นแรก คือการจับเอากำหนดการล็อคดาวน์ใหม่ของรัฐบาลมาเล่น นั่นคือเร็วที่สุดที่แต่ละทีม อาจจะกลับมารวมตัวกันซ้อมได้คือ 18 พ.ค. ซึ่งถ้ากลับมาได้จริงๆ อาจจะพอเห็นความน่าจะเป็นที่เกมลีกจะกลับมาเตะกันต่อในเดือน มิ.ย. และมีการระบุว่า อาจจะใช้เวลาประมาณ 40 วัน ในการเร่งแข่ง 9-10 นัดให้จบ
ประเด็นต่อมา เป็นของฝั่งฟุตบอลสโมสรยุโรป ซึ่งมีแว่วๆ มาเหมือนกันว่ายูฟ่าเล็งจะแข่ง UCL และยูโรป้า ลีก กันต่อในเดือน ส.ค. โดยจะเป็นการแข่งแบบถี่ยิบทุกสัปดาห์ หรือทุก 3-4 วัน เพื่อให้นัดชิงเสร็จสิ้นในเดือนนั้นเลย ซึ่งข่าวนี้จะจริงแค่ไหน การประชุมของยูฟ่าในวันที่ 21 เม.ย. (เขียนบทความนี้ก่อน) อาจมีอะไรมาให้เราตามกันบ้าง
โดยนอกจากการหารือเรื่องโปรแกรมฟุตบอลยุโรป ยูฟ่าอาจมีความเห็นเพิ่มเติมที่เกี่ยวข้องกับฟุตบอลลีก ซึ่งเราต้องติดตามกันต่อ ว่าจะมีประเด็นอะไรบ้าง
ประเด็นปิดท้าย ยังไม่ได้ข้อสรุปแน่นอน เกี่ยวกับนักเตะที่จะหมดสัญญา 30 มิ.ย. โดยแม้ฟีฟ่าจะเปรยว่าสามารถยืดหยุ่นให้นักเตะอยู่กับทีมไปจนจบโปรแกรมซีซัน 2019/20 แต่ในเรื่องทางกฎหมาย ว่ากันว่าหากนักเตะไม่ยินยอม สโมสรก็ไม่มีสิทธิ์ไปบังคับใช้ หากสัญญาที่เซ็นกันไว้จบลง
เรื่องนี้เคยเป็นประเด็นที่หลายสื่อเล่นข่าว ว่าหลายสโมสรเห็นว่าไม่แฟร์ที่จะยื้อรอกลับมาเตะ ซึ่งไม่น่าจบทัน 30 มิ.ย. ยกตัวอย่างกันเช่น หากกลับมาเตะ สเปอร์อาจไม่มีแฟร์ทองเก้น หรือเชลซีอาจไม่มีวิลเลียน ที่หมดสัญญา หรือทีมที่ต้องลุ้นหนีตกชั้นอย่างบอร์นมัธ อาจหมดสิทธิ์ใช้งานแฮร์รี่ วิลสัน หากหมดสัญญายืม แล้วเขาเลือกกลับต้นสังกัดอย่างลิเวอร์พูล แบบนี้เป็นต้น
ผลกระทบทางการเงินของสโมสร
นอกเหนือจากเรื่องโปรแกรมการแข่งขัน เรื่องผลกระทบต่อการเงินของสโมสรก็ดูเป็นเรื่องที่ถูกพูดถึงในวงกว้าง ถึงจะยังไม่มีมาตรการตายตัวที่บังคับให้นักเตะ, ผู้จัดการทีม หรือผู้บริหารของสโมสร ได้รับรายได้น้อยลง เพื่อเอาเงินไปจุนเจือเจ้าหน้าที่ที่ตกระกำลำบาก แต่ก็เริ่มมีหลายสโมสรขยับตัวกันเองก่อนแล้ว
ความไม่แน่นอนของรายได้ เกิดจากการที่ทุกฝ่าย ยังไม่ทราบว่าฟุตบอลจะกลับมาเตะกันได้เมื่อไหร่ หรือเมื่อกลับมาได้ การแข่งเต็มรูปแบบที่มีผู้ชมเข้ามาเต็มสนาม จะทำได้เมื่อไหร่ก็ไม่รู้
นั่นส่งผลให้สโมสรต่างๆ ขาดรายได้หลักจากค่าเข้าชม เจ้าหน้าที่ของทีมที่ไม่ได้รับเงินค่าจ้างสูง เหมือนนักเตะ หรือผู้จัดการทีม ก็ได้รับผลกระทบไปด้วย ซึ่งไม่เพียงแค่แผนในซีซันนี้ กับการขายตั๋วซีซันหน้า หลายสโมสรก็ชะลอการประกาศแผนขายไปก่อน ทั้งที่จริงๆ ตอนนี้สโมสรต้องมีเงินส่วนนี้มาหมุนใช้อีกก้อนนึง
ความไม่แน่นอนนี้ ทำให้พรีเมียร์ลีกเคยเปิดหาทางออกร่วมกับสโมสรสมาชิก และก็มีหลายสโมสรเริ่มมีมาตรการที่นักเตะ และผู้จัดการทีมยินดีลดค่าจ้าง ด้วยความสมัครใจไปแล้ว เช่น อาร์เตต้า และนักเตะทีม “ปืนใหญ่”
นอกเหนือจากผลกระทบเรื่องเงินหมุนเวียน ว่ากันว่ารายได้ที่ขาดหาย จะส่งผลให้หลายทีมต้องรัดเข็มขัดต่อการเสริมทัพซีซัน 2020/21 กันด้วย โดยคาดว่าดีลราคาสูงอาจยากจะเกิด แม้ทีมยักษ์ใหญ่จะมีสถานะทางการเงินมั่งคั่งก็ตาม ทีมเล็กไม่ต้องพูดถึง อาจจะมองหาการใช้ทรัพยากรที่มีอยู่ มากกว่าลงทุนซื้อของใหม่
วิเคราะห์นักเตะทีเด็ด
ผู้รักษาประตู
อูโก้ ญอริส (สเปอร์ / 5.3 ล้านปอนด์)
ว่ากันด้วยเรื่องโปรแกรมที่เหลืออยู่ “ไก่เดือยทอง” ถือว่าไม่ยากเย็นนัก เพราะการเจอ Top 6 เป็นการเล่นในบ้านทั้งหมด เจอแมนฯ ยู และอาร์เซนอล 2 คู่แข่งแย่งพื้นที่ยุโรป แต่ก็อาจจะมีแมทช์ยากๆ ให้ระแวงหน่อย เพราะยังต้องเจอ เลสเตอร์, เชฟฯ ยู, เอฟเวอร์ตัน ด้วย
ถึงเรื่องของเกมรับ สเปอร์จะทำได้ไม่ค่อยดีในซีซันนี้ แต่การหยุดพักไปตั้งสติ น่าจะทำให้มูรินโญ่ได้เรียกความฟิตนักเตะแนวรับให้กลับมาพร้อมมากขึ้น การเลือกญอริส ที่ราคาไม่สูงมาก 5.3 ล้านปอนด์ จึงเป็นอีกทางเลือกที่น่าสนใจ
กองหลัง
จอห์น อีแกน (เชฟฯ ยู / 4.6 ล้านปอนด์)
แน่นอนว่าก่อนจะเบรกไป ลุนด์สตรัมกลับมาน่าจับตามองอีกครั้ง แต่ด้วยราคาที่ขยับสูงขึ้นไปหน่อยนึง ตัวเลือกอื่นๆ ของเชฟฯ ยู เองก็ถือว่าน่าสนใจ เลยเลือกแนะนำอีแกนเข้ามา กับงบ 4.6 ล้านปอนด์ และ 10 นัดที่เหลือมากกว่าคนอื่น น่าจะพอคาดหวังกันได้ยาวๆ
โปรแกรมของ “ดาบคู่” ถือว่าไม่หนักไม่เบา ยังมีเหลือเยือนเกมยากๆ อย่าง แมนฯ ยู, เลสเตอร์ และเกมในบ้านกับ เชลซี, สเปอร์, วูล์ฟ, เอฟเวอร์ตัน แต่ด้วยเครื่องหมายการค้าเรื่องความเหนียวแน่น จึงพอวัดใจกันได้
กองกลาง
ดไวท์ แม็คเนลล์ (เบิร์นลีย์ / 6.1 ล้านปอนด์)
เจ้าหนูแม็คเนลล์ ยึดตัวจริงได้โดยตลอดซีซันนี้ แม้อายุอานามจะยังน้อย แต่ความมั่นใจในการเล่นถือว่าเต็มเปี่ยม จุดเด่นสำคัญในการเล่นของเขากับทีม คือลูกครอสที่ค่อนข้างหวังผลได้ ถึงซีซันนี้จะเงียบไปหน่อย เพราะราคาขยับสูงขึ้น แต่เขาก็ทำไปแล้ว 2 ประตู กับ 6 แอสซิสต์ เลยทีเดียว
โปรแกรมของเบิร์นลีย์ ถือว่าไม่หนักหนาเท่าไหร่ในช่วงที่เหลือ สิ่งที่ต้องระวังคือเรื่องของความมุ่งมั่นมากกว่า เพราะถึงจะมีลุ้นอันดับยุโรปลึกๆ แต่ก็ไกลไปซักหน่อยสำหรับพวกเขา ส่วนการหนีตกชั้นก็ค่อนข้างห่างโซนอันตรายเยอะ ไม่ต้องดิ้นรนมากมาย
กองหน้า
ดิโอโก้ โจต้า (วูล์ฟ / 6.4 ล้านปอนด์)
กองหน้าม้าตีนปลายซีซันของ “หมาป่า” โชว์ฟอร์มได้ยอดเยี่ยมก่อนจะเบรกไป ไม่ใช้แค่การผลิตประตู หรือแอสซิสต์ การมีส่วนร่วมกับเกมรุกของทีม ถือว่าเข้าที่เข้าทาง และทำให้วูล์ฟมีเกมบุกที่น่ากลัวทีมนึงของลีก
ถึงกองหน้าอันดับ 1 ของทีมจะยังคงเป็นฆิมิเนซ แต่ด้วยราคาแค่ 6.4 ล้านปอนด์ โจต้าจึงเป็นทางเลือกที่น่าหยิบจับ ยิ่งรวมกับโปรแกรมของวูล์ฟ ที่ไม่หนัก มีเยือนหนักๆ แค่กับเชลซี และเชฟฯ ยู ส่วนเกมในบ้าน ส่วนใหญ่พวกเขาผลิตสกอร์ได้สม่ำเสมออยู่แล้ว
จัดทีม วัดใจ
ถึงอนาคตกลับมาเตะจะยังไม่เห็นทางออกกัน แต่ในเมื่อเขายังยึดเดดไลน์ และระบบ Free Transfer ไว้แบบเดิม เราก็ต้องปรับทีมกันไปให้น่าพึงพอใจ โดยเดดไลน์ล่าสุด ผมใส่เชลวีย์ เข้ามาแทนแคนท์เวลล์ หน้าตาทีมก็จะประมาณนี้
งบที่เหลือในแบงค์แค่ 0.1 ล้านปอนด์ ทำให้ขยับอะไรได้ไม่มาก โดยหากจะปรับเลยโดยตรง ก็คือการถอดแฟร์นานเดซออก แล้วใส่แกงค์เชฟฯ ยู เข้ามา จะเป็นอีแกน หรือบาแช่ม ก็ได้ทั้ง 2 คน
แต่ถ้าอยากจะอัพเป็นตัวที่ราคาสูงขึ้น อย่างลุนด์สตรัม (4.9 ล้านปอนด์) หรือบัลด็อก (5.1 ล้านปอนด์) ก็ต้องหมุนงบจากตัวอื่นมา เช่น ถอดพาทริซิโอ้ออก แล้วใส่โป๊บเข้ามา หรือถอดโอบาเมย็อง แล้วใส่เคนแทน
เดดไลน์ Gameweek 35 คือวันเสาร์ (25 เม.ย.) เวลา 17.30 น. จะใช้สิทธิ์มั้ย ใช้แล้วจะเปลี่ยนใคร เดี๋ยวแชร์ให้ทราบกันเหมือนเดิม ทางช่องทางการติดต่อสื่อสารของเราครับ
กลุ่มแชท ใน LINE OpenChat >> คลิกเลย <<
กลุ่ม facebook >> คลิกเลย <<
ส่วนใครที่เหงาไม่มีฟุตบอลชม ก็แวะเวียนมาคุยกันในกลุ่มแชทได้ นอกเหนือจากสมาชิกจะหาเรื่องพูดคุย และเราจะพยายามแชร์ข่าวกันแล้ว ยังจะมีเกมให้ร่วมสนุกกันเล็กๆ น้อยๆ ด้วย เว้นว่างจากการใช้เวลากับคนที่คุณรัก และดูแลสุขภาพ ก็แวะมาคุยกันนะ 🙂
Picture : Fantasy Premier League, QNewsHub, talkSPORT, Metro, 90Min, talkSPORT, The Independent, Evening Standard, The Transfer Tavern, Sheffield United News, The Athletic, Euro Football Rumours, Premier League