Jojo Rabbit: ต่ายน้อยโจโจ้ (ในชื่อไทย) ภาพยนตร์แนวตลกกึ่งดราม่า จากค่าย Fox Searchlight Pictures ผลงานของผู้กำกับสุดแนว Taika Waititi ที่เคยฝากผลงานสุดกวนอย่าง What We Do in the Shadows (2014) และ Thor: Ragnarok (2017)
โดยในครั้งนี้ Taika Waititi ได้หยิบเอางานวรรณกรรมเรื่อง Caging Skies ที่เขียนโดย Christine Leunens มาดัดแปลงเป็นภาพยนตร์เรื่อง Jojo Rabbit เรื่องราวของเด็กชายคนนึงที่เติบโตมาในยุคนาซีเรืองอำนาจที่มีเพื่อนในจินตการเป็น Adolf Hitler และค้นพบว่าแม่ของตนนั้นซุกซ่อนเด็กสาวชาวยิวเอาไว้ในบ้านของตนเอง เด็กชายต้องต่อสู้กับความคิดของตนเองว่าสิ่งที่เขาเชื่อมั่นนั้นถูกต้องหรือไม่ ซึ่งภาพยนตร์จะต่างจากตัวนิยายนิดหน่อย เนื่องจาก Mood&Tone ของนิยายมีความตึงเครียด หดหู่ในระดับที่ดาร์คเกินไป Taika Waititi จึงเลือกที่จะนำมาดัดแปลงใหม่ในสไตล์ของเขา ให้มีความตลกผสมอยู่ด้วย และมันกลายเป็นความตลกร้ายที่ลงตัว
หนุ่มน้อย Jojo ถูกถ่ายทอดผ่านผลงานการแสดงเรื่องแรกของ Roman Griffin Davis พร้อมเพื่อนๆในวัยเดียวกันที่ต้องไปเข้าค่ายที่คล้ายกับว่าเป็นค่ายลูกเสือในฤดูร้อน แต่เต็มไปด้วยการฝึกที่โหดร้าย เพื่อเตรียมตัวไปรบให้ชาติในนาม “ยุวชนฮิตเลอร์”
การเเลือกหยิบใช้มุมมองไร้เดียงสาของเด็กที่มีต่อสงครามอันโหดร้าย มาเป็นตัวดำเนินเรื่องของ Taika Waititi นั้นทำให้ผู้ชมเห็นมุมมองของสงครามโลกครั้งที่ 2 ต่างออกไป เราจะเห็นได้ในหลายๆฉาก ภายใต้ภาพลักษณ์ที่ดูสดใสเหมือนลูกกวาด แต่กลับกลายเป็นความน่ากลัว เพราะในเรื่องมีทั้งให้เด็ก ๆ ใช้ปืน ปาระเบิด ขว้างมีด ไปจนถึงติดระเบิดให้เด็ก ๆ เพื่อทำการพลีชีพ
ความคิดในการได้ไปช่วยชาติรบกับศัตรูที่แม้แต่ตัวเองก็ยังไม่เข้าใจว่ายิวหน้าตาเป็นอย่างไร ทำผิดอะไร มีเพียงภาพในจินตนาการเหมือนปีศาจในนิทานหลอกเด็กของผู้ใหญ่ที่คอยปลุกปั่นเพียงเท่านั้น นั่นทำให้พวกเขาพร้อมสละชีวิตในอายุวัยเพียงเท่านี้ไปแล้วน่ะหรือ? ช่างจะโหดร้ายไปสักหน่อยสำหรับเด็กสิบขวบนะ ความไร้เดียงสาที่ไม่อาจปฏิเสธได้ของพวกเขา บวกกับความคลั่งชาติของเหล่านาซีที่แต่งเติมผ้าขาวอันใสซื่อของเด็ก ๆ มันกลายเป็นลูกกวาดอาบยาพิษที่ถือเป็นความโหดร้ายที่เราล้วนไม่อยากให้เกิดอีกในยุคสมัยนี้
ในระหว่างที่หนังพาเราไปสำรวจความรู้สึกนึกคิดของเด็กชายสิบขวบที่มีต่อสงครามและความยึดมั่นต่อความเชื่อของเขาแล้วนั้น สิ่งดีงามของเรื่องก็คือ การแสดงของ Scarlett Johansson ที่มานับบทเป็น Rosie แม่ของหนุ่มน้อย Jojo หญิงสาวที่ต้องรับบทหนักเลี้ยงดูลูกชายของตนตามลำพังในขณะที่ผู้เป็นพ่อออกไปรบในสงคราม ด้วยฝีมือของเธอ ไม่ว่าจะซีนดราม่าหรือฉากไหนๆ การปรากฏตัวของเธอนั้นเรียกได้ว่าอยู่ในตำแหน่งที่ถูกที่ควร จังหวะกำลังพอดีเลยทีเดียว
เช่นเดียวกับ บท Adolf Hitler ในจินตนาการของหนุ่มน้อย Jojo ที่รับบทโดยผู้กำกับ Taika Waititi กำกับเรื่องไหนเป็นต้องเล่นเอง เขาถ่ายทอดการแสดงออกมาโดยตีความให้ Hitler ในจินตนาการของ Jojo นั้นดูตลก แต่ก็แฝงไปด้วยความร้ายกาจ เพื่อให้คนดูไม่ลืมว่าครั้งหนึ่งตัวละครนี้ในประวัติศาสตร์นั้นมีความน่ากลัวร้ายแรงขนาดไหน และนั้นทำให้เขาเลือกที่จะรับบทนี้ด้วยตัวเอง เพราะอะไรจะดีไปกว่าการเหยียด Hitler ด้วยนักแสดงที่ดูคล้ายยิวและยังเป็นชาวมาวรี (เชื้อสายชาวโพลีนิเซียนของผู้กำกับ)
ภายใต้สีต่าง ๆ ในเรื่องที่ชวนให้ดูสดใส ไม่ว่าจะเป็น ตึกรามบ้านช่องสีสวย เครื่องแต่งกาย แสนหวาน รวมไปถึงจินตการของหนุ่มน้อยโจโจ้ที่มีต่อความรักและผู้นำนาซี ยิ่งตอกย้ำสภาวะลูกกวาดอาบยาพิษนี้ได้เป็นอย่างดี เพราะถึงแม้จะดู น่ารักสดใส หวานหอมน่ากิน แต่สุดท้ายก็สามารถทำร้ายเราได้อย่างไม่ทันตั้งตัวเช่นกัน
Jojo Rabbit ได้เข้าชิงรางวัลออสการ์และคว้ารางวัลบทภาพยนตร์ดัดแปลงยอดเยี่ยมไปครอง ซึ่งตอนนี้ประเทศไทยได้นำภาพยนตร์เรื่องนี้มาเข้าฉายเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา หากใครสนใจภาพยนตร์เสียดสีสงครามเนื้อหาดี ภาพยนตร์เรื่อง Jojo Rabbit เป็นอีกหนึ่งเรื่องที่คุณไม่ควรพลาด
Text – Little Gwa