อยู่ดีๆ ประมาณราว 7-10 วันที่ผ่านมา ข่าวการคืนรังแอนฟิลด์ของ “พ่อมดน้อย” ฟิลิปเป้ คูตินโญ่ ก็ดูจะถูกโหมกระพือขึ้นโดยสื่อต่างๆ ส่งผลให้มีความคิดเห็นออกไปในหลายกระแส บ้างอยากให้ย้ายกลับมา บ้างก็รู้สึกว่าเส้นทางนี้ไม่ควรมาบรรจบกันแล้ว
แม้ส่วนตัวผมจะคิดว่าโอกาสที่ “คูตี้” จะกลับมาซบรังเก่าจะมีค่อนข้างน้อย แต่มันก็น่าสนใจดี ที่เราจะลองมาดูแง่มุมต่างๆ กันหน่อย เผื่อเราลืมนึกถึงปัจจัยอะไร ของความน่าจะเป็นของดีลคัมแบ็คนี้
สถานการณ์ปัจจุบันของคูตี้
ดาวเตะบราซิเลียนขณะนี้อยู่ระหว่างสัญญายืมตัวที่ “เสือใต้” บาเยิร์น มิวนิก ที่ทำสัญญาเช่า 1 ปีจาก “เจ้าบุญทุ่ม” บาร์เซโลน่า โดยว่ากันว่าค่ายืมตัวราว 8.5 ล้านยูโร และสามารถเซ็นขาดถาวรได้ด้วยตัวเลขระดับ 120 ล้านยูโร เมื่อฤดูกาลนี้สิ้นสุดลง
โดยระหว่างยืมตัว ฟอร์มของคูตินโญ่กับบาเยิร์นก็ถือว่าพอไปวัดไปวาได้ แต่ก็ไม่ได้โดดเด่นจนทำให้ทางพี่เสืออยากจะเซ็นด้วยค่าตัวแพงระยับขนาดนั้น ประมาณว่าไม่ใช่ว่าไม่อยากได้ แต่ไม่ได้อยากจ่ายในราคาที่บ้าเลือดติดอันดับสถิติโลกขนาดนั้น
นอกเหนือจากนั้น ที่ทำให้กระแสโหมแรงขึ้น เพราะมีข่าวเล็ดลอดออกมาว่าทางคูตี้เอง ไม่อยากกลับไปยังถิ่นคัมป์นูอีกแล้ว เพราะมีปัญหาในการแย่งตำแหน่งตัวจริง ฟอร์มบนแผ่นดินกระทิงดุก็ไม่ค่อยจะมา โดนทั้งแฟนโห่ แถมยังต้องปรับจูนกับกุนซือคนใหม่อีก
สถานการณ์ที่กลืนไม่เข้า คายไม่ออก ไม่แปลกที่ข่าวจะเล่นกันว่าคงต้องหาสโมสรใหม่ และมันก็ง่ายที่สุดแหละ ที่จับโยงกับ “หงส์แดง” ลิเวอร์พูล ที่นอกจากจะเป็นสังกัดเก่า ยังพอจะมีเงินจับจ่ายนักเตะระดับ 80 ล้านยูโร ที่บาร์ซ่าปักป้ายราคาไว้ตามข่าว
ปัจจัย 1 : ราคาค่าตัว
หากลองย้อนกลับไปที่ลิเวอร์พูลเคยทุ่มซื้อนักเตะอย่าง “เวอร์จิล ฟาน ไดค์” 75 ล้านปอนด์ และ “อลิสซง เบ็คเกอร์” 67 ล้านปอนด์ มาแล้ว ราคาระดับที่คูตี้ถูกตั้งมูลค่าไว้ พวกเขาก็น่าจะทุ่มซื้อได้ไม่ยาก
แต่หากลงลึกไปถึงรายละเอียดแล้ว คลอปป์ ก็เคยระบุชัดเจนว่าการทุ่มทุนซื้อ 2 ตำแหน่งที่ว่า เพราะมันมีความจำเป็นอย่างมาก ในการยกระดับทีมให้ขึ้นไปอยู่ในเลเวลสูงกว่าเดิม ซึ่งทั้ง 2 แข้งค่าตัวแพง ก็พิสูจน์แล้วว่ามันจริงตามว่า
หันกลับมามองที่คูตี้ ราคาในระดับเดียวกับเวอร์จิล ถามว่าเขาจะเข้ามายกระดับทีมในปัจจุบันอย่างชัดเจนมั้ย อันนี้มีเครื่องหมายคำถามตัวโตๆ อยู่
เหตุผลเรื่องการทุ่มทุน ยังต้องคำนึงถึงข่าวในช่วงหลัง ที่ว่า “หงส์แดง” เอง ให้ความสนใจในนักเตะอนาคตไกลระดับพรีเมียม อย่าง “คิลิยัน เอ็มปับเป้”, “ไค ฮาเวิร์ตซ์” หรือ “เจดอน ซานโช” อยู่เหมือนกัน แต่พอทราบว่าราคาระดับใกล้หลัก 100 ล้านปอนด์ หรือเกินกว่านั้น พวกเขาก็ดูจะคิดหนักขึ้น เพราะมันสูงลิบเกินการลงทุน
นั่นทำให้โอกาสที่ลิเวอร์พูล จะเสริมทัพกับนักเตะวัย 28 ปี อย่างคูตี้ ด้วยเงินก้อนระดับนั้น ดูจะกลายเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นยากเป็นเท่าตัว
ปัจจัย 2 : ตำแหน่ง และรูปแบบการเล่น
คำพูดของ “ปีเตอร์ มัวร์” ซีอีโอของลิเวอร์พูล เมื่อเร็วๆ นี้ บอกอะไรได้หลายอย่าง เมื่อเขาบอกว่า 2 ปีนับตั้งแต่ทีมปล่อยคูตี้ออกไป โครงสร้าง และสไตล์ของทีม เปลี่ยนไปอย่างมาก ทีมมีบาลานซ์ขึ้น และมีรูปแบบที่ต่างออกไปจากเดิมสิ้นเชิง
ซึ่งเมื่อลองย้อนมามองรูปแบบการเล่นที่แตกต่างออกไป เห็นได้ชัดเจนว่าจังหวะจะโคนของคลอปป์ และลูกทีม เปลี่ยนไปจริงอย่างที่มัวร์ว่า ยิ่งถ้าเทียบกับซีซั่นนี้ ที่ทีมเล่นช้าลง มั่นคงขึ้น และรักษาทรงของเกมด้วยฟอร์เมชั่นการยืนที่ต่างไป
มองไปที่แผนการเล่นของทีม แม้จะเคยเห็นคลอปป์ใช้ระบบ 4-2-3-1 หรือ 4-4-1-1 บ้าง ในบางสถานการณ์ แต่แผนหลักของหงส์แดง ยังคงเป็น 4-3-3 โดยมีกองกลางประเภทสมดุล และเป็นมดงาน มากกว่าจะมีตัวทำเกมสร้างสรรค์จ๋า
3 ตัวบนน่ะ ค่อนข้างตายตัวแล้วว่าเป็น 3 ประสาน มาเน่-ซาล่าห์-ฟิร์มิโน่ ที่มีการยืนยันว่าฤดูกาล 2020/21 พวกเขาจะยังอยู่กับทีมแน่นอน โดยมีกำลังเสริมเป็นมินามิโนะ หรือแชมเบอร์เลน ที่เคยขยับมาเล่น ส่วนอีกตัวอย่างชากิรี่ คงจะย้ายออกไป
ในส่วน 3 มิดฟิลด์แดนกลาง ตัวรับ 1 ตัว ย่อมเป็นฟาบินโญ่ หรือเฮนเดอร์สัน ส่วน 2 ตัวที่ต้องทำงานหนัก หลักๆ คงเป็นเฮนโด กับไวจ์นาดุม โดยมีอ็อกซ์, เกอิต้า, มินามิโนะ, มิลเนอร์ สามารถหมุนเวียนลงเล่นได้ ส่วนลัลลาน่า คงจะหมดสัญญา และจากทีมไป
2 แผงที่ว่ากันไปทั้งกลาง-หน้า เห็นได้ว่าหาที่ลงเป็นเรื่องเป็นราวให้คูตี้ ได้ยากพอสมควร เพราะเขาเองก็เล่น 3 ตัวบนได้ไม่เด่น เหมือนที่เคยล้มเหลวกับบาร์ซ่า ส่วนตำแหน่งกองกลางตรงกลาง ความสมดุล และเวิร์คเรทของเขา ก็ดูจะไม่ค่อยเข้าที่เข้าทาง กับรูปแบบปัจจุบันนัก
ยังไม่รวมพวกดาวรุ่งที่ก้าวขึ้นมา หรือกลับมาจากยืมตัว ทั้งโจนส์, เอลเลียตต์, กรูยิช และวิลสัน ซึ่งน่าจะได้รับพิจารณาว่าพร้อมเป็นส่วนนึงของทีมเลยหรือเปล่า
ส่วนใครที่ชอบพูดว่า อยากมีคูตี้ เพราะอยากมีมิติยิงไกล หรือเซ็ตพีซ อันนั้นก็ดูจะมองแคบไปนิด เพราะเนื้อหาใจความเรื่องสไตล์และรูปแบบการเล่นของคลอปป์ ต้องการองค์ประกอบมากกว่านั้นเยอะ
ปัจจัย 3 : เรื่องของใจ
ไม่มีใครรู้หรอกว่าเบื้องลึกเบื้องหลัง ทั้งเมื่อตอนที่คูตี้ดิ้นรนจะย้ายออกจากทีม เพื่อไปสานฝันที่คัมป์นู หรือตอนปัจจุบัน ว่ายังมีอะไรติดค้างในใจคลอปป์บ้างมั้ย
และถึงคลอปป์เองเคยมีเหตุ กลับมาปลื้มนักเตะอย่าง “มาริโอ เกิตเซ่” จนเกือบดึงมาร่วมทีมหงส์แดง แม้จะเคยช็อคความรู้สึกตอนย้ายไปบาเยิร์นแบบกะทันหัน สมัยที่เขาคุมดอร์ทมุนด์ แต่ปัจจัยในเวลานั้น กับตอนนี้ มันต่างกันค่อนข้างมาก ทั้งสิ่งที่ลิเวอร์พูลต้องการ และการยกระดับทีม อย่างที่เราว่ากันไป
ยิ่งถ้าฟังสัมภาษณ์ของทั้งตัวคูตี้เอง และมัวร์แล้ว ทั้งคู่พูดในมุมคล้ายกันว่าทุกสิ่งเปลี่ยนแปลงไปแล้ว และทุกคนก็ต้องมูฟออน เดินหน้าต่อไป
ปัจจัย 4 : เอเย่นต์นักเตะ
ปัจจัยนี้ ดูจะมีผลอย่างยิ่งในการย้ายทีมระดับบิ๊กดีล ซึ่งเอเย่นต์ของคูตี้เอง ก็เคยดิ้นรนออกฤทธิ์มาทีนึงแล้ว ตอนที่ต้องการให้นักเตะในอาณัติย้ายจากลิเวอร์พูล ไปบาร์เซโลน่า ดังนั้นกับการโยกย้ายในระดับราคาสูงลิบอีกหน เอเย่นต์ก็จะมีเข้ามามีบทบาทเยอะแน่
ว่ากันว่าฝั่งค่ายหงส์แดงนั้น ค่อนข้างเอือมระอากับพฤติกรรมของเอเย่นต์ ที่พยายามสร้างข่าว และเล่นแร่แปรธาตุนู่นนี่ จนนักเตะออกอาการไม่เป็นปกติตอนสมัยนั้น
ดังนั้นถ้าการเจรจาจะกลับมาเกิดขึ้นจริง ราคาแพงระยับทั้งที่รู้ไส้รู้พุงของเอเย่นต์ และบาร์เซโลน่าหมดแล้ว มันจึงเป็นการยากที่ยอดทีมจากพรีเมียร์ลีก จะยอมโอนเงินออกมาง่ายๆ
บทสรุปจะเป็นยังไงแน่?
ถ้าดูจากความน่าจะเป็น และข่าวต่างๆ ในตอนนี้ โอกาสที่คูตี้จะต้องกลับไปเล่นให้บาร์ซ่า ก็ดูมีความเป็นไปได้อยู่ เพราะหากไม่ใช่ลิเวอร์พูลแล้ว คงมีไม่กี่ทีมที่พร้อมเสี่ยงดึงเขาไปร่วมทีมในระดับราคาที่บาร์ซ่าต้องการ
ทีมที่เข้าข่าย และเคยมีข่าวไปบ้างแล้ว ก็หนีไม่พ้นพวก “ปารีส แซ็งต์ แชแม็งต์”, “ยูเวนตุส”, “เชลซี” หรือ “แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด” ซึ่งดูท่าไม่ง่ายจะเกิดบิ๊กดีลกับคูตี้ขึ้น
ส่วนโอกาสซื้อขาดโดยบาเยิร์น และการหวนคืนลิเวอร์พูล ถามว่ายังเป็นไปได้มั้ย ก็ต้องตอบว่าพอเป็นไปได้ ในฐานะคนที่ใช้งานอยู่ และคนเคยใช้ เพียงแต่มันจะเกิดได้ ก็ต่อเมื่อราคาลดลงอย่างมีนัยยะสำคัญเท่านั้น
กลับมามองฝั่งลิเวอร์พูล คาดว่าพวกเขาจะปล่อยชากิรี่ และลัลลาน่า ออกไปค่อนข้างแน่ เช่นเดียวกับกรูยิช และวิลสัน ซึ่งถ้าได้ราคาเหมาะสม คาดว่าอาจจะต้องเก็บกระเป๋าออกจากถิ่นแอนฟิลด์เช่นกัน
นักเตะที่ถูกคาดหวังว่าจะพัฒนาฟอร์มขึ้นมาช่วยทีมหนีไม่พ้น เกอิต้า, มินามิโนะ และแชมเบอร์เลน โดยน่าจะมีการพิจารณาพวก โจนส์, บริวสเตอร์ และเอลเลียตต์ อีกครั้งว่าจะใช้งานเลย หรือปล่อยออกไปหาประสบการณ์เพิ่มเติม
ส่วนการเสริมทีม ตัวที่คาดว่าจะต้องเอาเข้ามาแน่ คือแบ็คซ้ายเพื่อเป็นแบ็คอัพของโรเบิร์ตสัน เพราะฝั่งขวาถึงจะปล่อยไคลน์ไป ก็มีเนโค วิลเลียมส์ ก้าวขึ้นมา ส่วนเซ็นเตอร์ฮาล์ฟ แม้ลอฟเรนมีโอกาสสูงจะย้ายออกไป แต่เนต ฟิลลิปส์ และดาวรุ่งอย่างฟาน เดน เบิร์ก กับฮูเวอร์ ก็พร้อมทดแทน
ในแนวรุก คาดว่าถึงคลอปป์จะอยากได้ซานโช แต่ก็ต้องสู้อย่างหนัก ทั้งเม็ดเงิน และความสนใจจากทีมอื่น อย่างเชลซี หรือแมนฯ ยู
ส่วนฮาเวิร์ตซ์น่าสนใจมากเช่นกัน แต่ราคาก็สูงมาก อาจจะแตะระดับ 100 ล้านยูโร เลยอาจทำให้คลอปป์ หันไปหาตัวเลือกที่ราคาถูกกว่าอย่าง “ติโม แวร์เนอร์” ที่น่าจะย้ายออกจากไลป์ซิกแน่นอน ขึ้นอยู่กับว่าจะไปบาเยิร์น หรือทีมลีกอื่น ซึ่งมีลิเวอร์พูลเป็นตัวเต็ง
แวร์เนอร์ มีข้อดีกว่าซานโช และฮาเวิร์ตซ์ ตรงที่ราคาย่อมเยาว์กว่า และยิ่งถ้าเทียบกับคูตินโญ่แล้ว เหมาะสมกว่าทั้งเรื่องของราคา และรูปแบบการเล่น ที่ดูเข้าทีกว่าในแผนการเล่นปัจจุบันของทีม
ทั้งหมดทั้งมวล ก็เป็นปัจจัย และความน่าจะเป็นในสถานการณ์ของ “ฟิลิปเป้ คูตินโญ่” ซึ่งดูไม่ง่าย ที่จะหวนมาบรรจบกับ “หงส์แดง” อีกครั้ง
โดยตอนนี้ ยังตอบยาก ว่าปลายทางของ “พ่อมดน้อย” จะไปลงเอยที่ไหน แต่คาดเดาได้เลยว่าซัมเมอร์นี้ จะเป็นอีกหนึ่งทางแยกสำคัญของเขา ซึ่งคงต้องเลือกเส้นทางให้ดี หากหวังจะกลับมาร่ายมนต์ อย่างที่เขาเคยทำได้มาก่อน
Picture : Diario AS, 90Min, Barca Blaugrane, This Is Anfield, Anadou Agency, Liverpool FC, Passion4FM, Daily Express, Sky Sports, Football FanCast, We Ain’t Got No History