10 นาฬิกาสุดหรูสำหรับผู้ชายที่วางขายในปี 2020 - The Macho
 
Roral Enfield - Hunter 350
728x150 - Nissan Almera
728x150 - Hunter4
10 นาฬิกาสุดหรูสำหรับผู้ชายที่วางขายในปี 2020

แม้ว่าในปัจจุบันผู้คนมีการหันมาใช้สมาร์ทวอท์ชเป็นจำนวนมาก แต่ก็มีคนไม่น้อยเช่นกันที่ยังนิยมใช้นาฬิกาที่มีวิธีการทำงานแบบดั้งเดิมอยู่ โดยเฉพาะนาฬิกาแบรนด์เนมที่ผลิตในประเทศสวิตเซอร์แลนด์ และบทความนี้จะเราขอแนะนำนาฬิกาแบรนด์เนมสุดหรูสำหรับผู้ชายที่จะวางขายในปี 2020 นี้ ซึ่งมีทั้งที่เพิ่งวางขายไป และยังไม่ได้วางขาย

1.Omega Speedmaster Moonwatch Calibre 321

วางขายเดือน มีนาคม 2020

Omega นาฬิกาแบรนด์เนมยักษ์ใหญ่ที่เพิ่มจะมีอายุครบรอบ 50 ปีไปเมื่อปี 2019 ที่ผ่านมา ได้ปล่อยสินค้าตัวใหม่สุดเท่ภายใต้คอนเซ็ปที่ว่า ‘นาฬิกาเรือนแรกบนดวงจันทร์’ และชื่อรุ่นที่สุดแสนจะจำง่ายอย่าง ‘Moonwatch’ นั่นก็เพราะว่านาฬิารุ่นนี้ออกแบบมาด้วยความพิเศษไม่เหมือนใคร

ในปี 2020 นี้ โอเมก้าผู้สนับสนุนอย่างเป็นทางการของกีฬาโอลิมปิก และหนังเรื่อง เจมส์ บอนด์ ยังคงไม่ลืมคอนเซ็ปการออกแบบที่เกี่ยวกับอวกาศลงบนนาฬิกา หลังจากที่ห่างหายจากการทำนาฬิกาด้วยคอนเซ็ปนี้ไปร่วม 10 ปี และในซีรี่ย์ Speedmaster เวอร์ชั่นใหม่ล่าสุดนี้ได้รับแรงบรรดาลใจมาจาก ‘เอ็ด ไวท์’ นักบินอวกาศคนแรกของอเมริกา ที่สวมใส่นาฬิกาของโอเมก้าตอนอยู่ในอวกาศเมื่อปี 1965

นาฬิกาที่มีการออกแบบสุดเรียบหรูรุ่นนี้จะถูกวางขายแบบไม่จำกัดจำนวน และจะมีการผลิตใหม่ออกมาอย่างต่อเนื่อง เพื่อไม่ให้นาฬิการุ่นนี้เข้าสู่ตลาดของมือ2 สำหรับผู้ที่เป็นแฟนคลับของโอเมก้า สามารถรอการวางจำหน่ายได้ในเดือน มีนาคม ที่จะถึงนี้

ซื้อได้ที่ Omegawatches.com ในราคา 10,000 ปอนด์

2.Richard Mille RM 61-01 Ultimate Edition

ยังไม่มีกำหนดการวางขาย

ในที่สุดก็แบรนด์ที่เคยผลิตนาฬิกาให้กับนักวิ่งชาวจาไมก้าที่ชื่อว่า Yohan Blake อย่าง Richard Mille ในรุ่น RM 59-01 ก็ได้เดินทางมาถึงรุ่น RM 60-01 ซึ่งรุ่นนี้เคยมีการวางขายไปในปี 2012 มาแล้ว แต่ในรุ่น Ultimate Edition นี้ได้มีการจำกัดจำนวนการขายอยู่ที่ 150 ชิ้นเท่านั้น และจะเป็นรุ่นสุดท้ายของซีรี่ย์นี้

และสำหรับนาฬิการุ่น Richard Mille แต่ละรุ่นมักจะรายละเอียดภายในที่แตกต่างกันออกไป เหมือนรถสปอร์ตของนักแข่งที่มักจะมีบางสิ่งที่คุณสัมผัสได้ว่าภายในของมันไม่เหมือนกับรถคันอื่นๆ ซึ่งก็ตรงกับคอนเซ็ปของนาฬิกาแบรนด์นี้ นั่นก็คือ ‘เครื่องจักรนักซิ่งที่อยู่บนข้อมือ’ เคสของนาฬิกาเรือนนี้มาจาก คาร์บอน และแร่ควอร์ตซ์ ที่ผ่านการทดสอบการรับแรงกระแทบมาแล้วกว่า 5,000 จิกะวินาที และสายรัดข้อมือที่ทำจากไทเทเนี่ยมที่ได้รับการทดสอบ PVD เกรด 5 มาแล้ว ทำให้คุณหมดกังวลเรื่องการผุกร่อนของเจ้านาฬิกาเรือนนี้ไปได้เลย

ซื้อได้ที่ richardmille.com ราคายังไม่เปิดเผย

3.Bulgari Octo Finissimo Automatic Satin-Polished Steel

ยังไม่มีกำหนดการวางขาย

นาฬิการุ่นแรกของ Bulgari ที่จะถูกวางขายในปี 2020 นั่นก็คือ Octo Finissimo Automatic ซึ่งในซีรี่ย์นี้เคยวางขายในครั้งล่าสุดเมื่อปี 2017 โดยในตอนนั้น บัลการี่ ได้สร้างความตื่นตาตื่นใจให้กับวงการนาฬิกาอย่างมาก ด้วยการผลิตหน้าปัดนาฬิกาที่หนาเพียง 2.23 มิลลิเมตร ซึ่งเป็นหน้าปัดนาฬิกาข้อมือที่บางที่สุดในโลก และที่พวกเขาทำให้มันบางขนาดนั้นได้ก็เพราะใช้ไทเทเนี่ยม, เหล็กสแตนเลส และ โรสโกลด์ เป็นวัสดุหลัก ภายใต้กระจกที่ทำจากทราย ในตอนนี้นาฬิกาที่มีรุ่นนั้นเป็นต้นแบบได้ถูกนำกลับมาผลิตใหม่อีกครั้ง ด้วยสายรัดข้อมือที่เป็น โรสโกลด์ คือทองที่มีความบริสุทธิ์ 75% ที่การขัดผิวให้ดูสวยงาม ส่วนหน้าปัดก็ออกแบบมาให้มีความแตกต่างกับสายรัดอย่างชัดเจนด้วยพื้นหลังหน้าปัดที่เป็นสีดำมันวาว ทำให้ตัวมันดูโดดเด่นขึ้นอย่างเห็นได้ชัด

ซื้อได้ที่ bulgari.com ในราคา 10,000 ปอนด์

4.Bell & Ross BRV2-94 Aéronavale Bronze

ยังไม่มีกำหนดการวางขาย

มันคือ 1 ใน 3 รุ่น ของแบรนด์ Bell & Ross ที่มีการออกแบบโดยได้แรงบันดาลใจมาจากทหาร และนี่ก็คือรุ่นแรกที่จะปล่อยมาขายในปี 2020 มันออกแบบมาเพื่อ ‘นักผจญภัยรุ่นใหม่’ ซึ่งเป็นนาฬิกาที่มีฟังก์ชั่นจับเวลาที่แสดงให้เห็นถึงความเป็นอุปกรณ์กีฬาอย่างชัดเจน แฝงด้วยความสวยงามที่ถูกประดิษฐ์ขึ้นเป็นพิเศษ ตัวเรือนที่มีสีทองแดงสัมฤทธิ์แสดงให้เห็ยถึงความเป็นเอกลักษณ์ของนาฬิการุ่นนี้ และเจ้า Aéronavale จะมีขายเพียง 999 เรือนเท่านั้น ส่วนอีก 2 รุ่นของ Bell & Ross ที่มีการออกแบบโดยได้รับแรงบันดาลใจมาจากทหาร นั่นก็คือ BRV-2-93 GMT Blue ที่มีการออกแบบด้วยคอนเซ็ปนักบิน และ V2-92 ที่มีการออกแบบเป็นลายพรางสีกากีนั้น ได้แรงบันดาลใจมาจากทหารพราน ซึ่งทั้ง 3 รุ่นนี้แสดงออกถึงความแข็งแกร่งด้วยสไตล์ที่แตกต่างกันออกไปอย่างเห็นได้ชัด ซึ่งไม่ว่าคุณจะเลือกอันไหนก็สามารถทำให้คุณดูดีขึ้นได้ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนก็ตาม

ซื้อได้ที่ bellrodd.com ราคายังไม่เปิดเผย

5.Hublot Spirit Of Big Bang Meca-10

ยังไม่มีกำหนดการวางขาย

เมื่อนึกถึงนาฬิกาสำหรับผู้ชาย แบรนด์ที่ลืมไม่ได้เลยก็คือ Hublot และรุ่นนี้จะมีแบบให้เลือกซื้อถึง 3 แบบด้วยกัน ได้แก่ ไทเทเนี่ยม, ดำเซรามิก และสีทองอัลลอย สิ่งที่ทำให้รุ่นนี้มีชื่อว่า Big Bang Meca-10 นั่นก็คือ การที่ในตัวของนาฬิการุ่นนี้มีพลังงานสำรองที่สามารถใช้ได้ถึง 10 วัน ซึ่งเป็นนวัตกรรมใหม่ และมันเป็นรุ่นเรือธงในไม่กี่รุ่นของแบรนด์นี้ที่ถูกปล่อยออกมาในปี 2020

เทคนิคการออกแบบที่ไม่เหมือนใครของ Hublot คือเอกลักษณ์ที่แสดงให้เห็นออกมาอย่างชัดเจนในรุ่นนี้ ผนวกกับสายรัดข้อมือสุดหนาที่เป็นเอกลักษณ์เช่นกัน ทำให้เจ้า Big Bang Meca-10 เป็นนาฬิกาที่เหมาะสมสำหรับผู้ชาย และจะทำให้ใครหลายๆคนต้องประทับใจอย่างแน่นอน

ซื้อได้ที hublot.com ในราคา 20,000 ปอนด์

6.Oris Aquis Lake Baikal Limited Edition

วางขายเดือน มีนาคม 2020

แบรนด์ Oris ยังคงคอนเซ็ป และมุ่งมั่นในการที่จะอนุรักษ์ทรัพยากรน้ำเช่นเคย ซึ่งตัววัสดุที่ผลิตมีส่วนผสมของพืชใต้น้ำอยู่ในนาฬิกากันน้ำรุ่นนี้ โดยกระบวนการผลิตก็ได้มีการร่วมมือกับทางมูลนิธิ Lake Baikal องค์กรที่ปกป้องแหล่งน้ำจืดที่ใหญ่ที่สุดในโลกที่ตั้งอยู่ในประเทศเซอร์เบีย และเจ้ารุ่นที่มีการจำกัดจำนวนที่ 1,999 ชิ้นนี้มีการผ่านมาตรฐาน Baikal Law ที่ประเทศรัสเซียมาแล้วอีกด้วย ซึ่งนั่นแสดงให้เห็นถึงความตระหนักในมลพิษทางน้ำ และความต้องการที่จะช่วยให้แหล่งน้ำในธรรมชาติมีความสะอาด

การไล่เฉดสีฟ้าบนหน้าปัดคือความออกแบบใหม่ที่ยังคงคอนเซ็ปเดิม และตัวเรือนสแตนเลสที่มาพร้อมกับกรอบที่หมุนได้ทางเดียวที่ทำจากเซรามิค ทำให้ภาพรวมของตัวเรือนออกมาดูดีมาก และทุกอย่างก็ดูเข้ากันอย่างลงตัว

ซื้อได้ที่ oris.ch ในราคา 1,800 ปอนด์

7.William Wood Valiant Collection

วางขายเดือนพฤษภาคม 2020

ในปี 2018 ทาง Esquire ได้มีการจัดงานประกวดให้เหล่าบรรดาบริษัทสตาร์ทอัพได้มีโอกาสเติบโตในวงการโดยมีคณะผู้เชี่ยวชาญเป็นกรรมการ แล้วผู้ที่ชนะในงานนั้นก็คือ Jonny Garrett ผู้ก่อตั้ง Willaim wood Watch บริษัทที่มีเรื่องราวความเป็นมาที่น่าสนใจมาก และรุ่นนี้เขาได้จัดทำขึ้นโดยได้แรงบันดาลใจจากคุณปู่ของเขา และนักดับเพลิงบนโลกใบนี้ทุกๆคน โดยในนาฬิกาแต่ละเรือนในรุ่นนี้มีชิ้นส่วนวัสดุที่มาจากหมวกนิรภัยของนักดับเพลิงของหน่วยดับเพลิง Twenties British ซึ่งเป็นการนำสัญลักษณ์ที่แสดงให้เห็นถึงความกล้าหาญมาอยู่บนข้อมือ และแบรนด์ของเขาได้รับการระดมทุนในการทำโปรเจคนี้จาก Kickstarter ถึง 25,000 ปอนด์ภายในเวลาไม่ถึงสัปดาห์ ซึ่งทำให้กระบวนการผลิตของเขาเป็นไปอย่างราบรื่น และ Valiant ที่อยู่บนชื่อรุ่นนั่นก็มาจากชื่อของสายการผลิตใหม่ที่เขาตั้งขึ้นนั่นเอง จนในที่สุดเขาก็ได้นาฬิกาดำน้ำคอลเล็คชั่นสแตนเลสรุ่นใหม่นี้ ซึ่งสิ่งพิเศษอีกอย่างนึงก็คือตัวสายรัดทำจากสายยางดับเพลิงของหน่วยดับเพลิง Angus Duraline British ส่วนหน้าปัดกระจกคริสตัลมีการเคลือบ 2 ชั้น เพื่อป้องกันการสะท้อนแสง และทำให้มีโทนสีน้ำเงิน สุดท้ายในส่วนของกรอบที่หมุนได้นั้นได้รับแรงบันดาลใจมาจากถังออกซิเจนของนักดับเพลิง

ซื้อได้ที่ willaimwoodwatch.com ในราคา 499 ปอนด์

8.Blancpain Air Command Chronograph Flyback Limited Edition

วางขายแล้วในตอนนี้

เจ้า Blancpain Air Cammond รุ่นนี้มีตัวต้นแบบเป็นนาฬิกาที่ถูกผลิตในยุค 50 ซึ่งในยุคนั้นได้ผลิตขึ้นสำหรับทหารอากาศของกองทัพสหรัฐอเมริกาโดยเฉพาะ และในรุ่นนี้มีการผลิตขึ้นแค่ 500 ชิ้นเท่านั้น ซึ่งผลิตขึ้นโดยโรงที่เก่าแก่ที่สุดในประเทศสวิตเซอแลนด์เพื่อให้สินค้าที่ออกมามีความใกล้เคียงกับรุ่นที่ผลิตออกมาในยุค 50 มากที่สุด แต่ก็ยังคงแฝงความทันสมัยไว้ในเจ้า Air Command รุ่นนี้เล็กน้อย หากคุณกำลังมองหานาฬิกาที่ผสมผสานระหว่างความโบราณอย่างแท้จริง กับวัสดุที่ทันสมัย และการหมุนของเข็มนาฬิกาที่ทันสมัย นาฬิกาเรือนนี้คือสิ่งที่ตอบโจทย์ของคุณอย่างแน่นอน

ซื้อได้ที่ blancpain.com ในราคา 15,170 ปอนด์

9.TAG Heuer Monaco 2009-2019 Limited Edition

วางขายแล้วในตอนนี้

นี่คือ 1 ใน 4 ของคอลเล็คชั่นนาฬิการุ่นครบรอบ 50 ปี TAG Heuer Monaco และหนึ่งในนาฬิการุ่นเฉลิมฉลอง 50 ปี เป็นการผสมผสานระหว่างความเป็นฟังค์กี้ในยุค 70 กับสีแดงโดดเด่นแบบยุค 80 รวมถึงรูปแบบการผลิตก็เป็นกระบวนแบบยุค 90 ส่วนการออกแบบเป็นสีขาว-ดำก็เป็นสไตล์แพนด้าในยุค 2000 และสุดท้ายการออกแบบสายรัดให้มีความกลมกลืนแขนเสื้อ ซึ่งการรวมกันทั้งหมดทั้งมวลของรุ่นลิมิเต็ด อิดิชั่นนี้ถือว่าเข้ากับความเป็นมินิมอลของยุค 2010 อย่างลงตัวทีเดียว

ซื้อได้ที่ ragheuer.com ในราคา 4,500 ปอนด์

10.Breguet Classique 5177 ‘Grand Feu’ Blue Enamel

วางขายแล้วในตอนนี้

นี่เป็นนาฬิกาเรือนแรกซีรี่ย์ ‘Grand Feu’ ซึ่งคุณสามารถจับจองนาฬิกาสุดหรูที่ผลิตขึ้นอย่างพิถีพิถันในสไตล์ที่ไม่เหมือนใครได้แล้วในตอนนี้ โดยการออกแบบนาฬิกาเรือนนี้ให้พูดสรรพคุณแบบคร่าวๆก็คือ เข็มที่ทำเป็นรูปดวงจันทร์ทำมาจากเหล็กที่มีส่วนผสมของแร่โรเดียม ในขณะที่ตัวเลขอารบิก, ดาว, เพชร และสัญลักษณ์เฟรอ เดอ ลิส บนหน้าปัดบอกเวลาทำมาจากเงิน ในส่วนของตัวเลขทำให้ใหญ่กว่าปกติเพื่อมองให้เห็นได้ชัดเจน ถือว่าเป็นอีกเรือนหนึ่งที่น่าเก็บไว้ครอบครองทีเดียว

ซื้อได้ที่ breguet.com ในราคา 18,700 ปอนด์

Text – Aekkung

บทความที่เกี่ยวข้อง

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

Allow All
Manage Consent Preferences
  • Always Active

Save