กลายเป็นประเด็นถูกพูดถึงพอสมควร สำหรับเรื่องราวของดาวรุ่งญาติเจอร์ราร์ด อย่าง “บ๊อบบี้ ดันแคน” กองหน้าทีมชาติอังกฤษชุดเล็กของลิเวอร์พูล วัย 18 ปี ที่ออกอาการงอแงเมื่อช่วงเดือนที่ผ่านมา มีทั้งการเปลี่ยนรูปโปรไฟล์เป็นสีดำ และลบประวัติที่เกี่ยวกับหงส์แดง ออกจากบัญชีโซเชียล

ด้านเอเย่นต์ของเขา “ซาอีฟ รูบี้” ก็แสบไม่เบา เมื่อออกมาป่าวประกาศโจมตี “หงส์แดง” ว่ามีส่วนทำให้ดันแคนจิตตก ขังตัวเองในห้อง แบบไม่อยากพบเจอโลกภายนอกนานถึง 4 วัน

ท้ายที่สุด แม้ดันแคนจะกลับเอารูปคู่กับ “เจอร์เก้น คลอปป์” ขึ้นบัญชีทวิตเตอร์อีกครั้ง หลังเรื่องราวจะคลี่คลาย แต่ในช่วงวันสุดท้ายของตลาดซื้อขาย เขาก็ตัดสินใจย้ายออกจากทีมอยู่ดี โดยย้ายซบฟิออเรนติน่า ในราคา 1.8 ล้านปอนด์ บวกกับเงื่อนไข ที่ “หงส์แดง” จะได้รับค่าตัว 20% หากมีการย้ายทีมครั้งต่อไป

เพื่ออธิบาย ให้เห็นภาพชัดเจนของเรื่องราวที่จะเขียนให้อ่านในวันนี้ เราลองมาดูเคสศึกษา ที่เกิดขึ้นจริงของ “บ๊อบบี้ ดันแคน” ดาวรุ่งสเกาเซอร์แท้ๆ คนนี้กันหน่อย

การดิ้นรนของดันแคน

ย้อนกลับไป เมื่อ วันที่ 12 ก.ค. ที่ผ่านมา หรือไม่ถึง 2 เดือนดี ดันแคนพึ่งประเดิมประตูในทีมชุดใหญ่ ในแมทช์อุนเครื่องกับทรานเมียร์ และกล่าวว่ามันคือฝันที่เป็นจริง ที่ยิงประตูให้ทีมที่เฝ้าเชียร์มาแต่เด็ก แต่แล้วทำไม ทุกสิ่งทุกอย่างมันกลับตาลปัตรรวดเร็วได้เพียงนี้?

เรื่องราวมันถูกชี้นำชัดเจนขึ้น ว่ามันไม่ได้เป็นฝีมืองอแงของเด็กแค่คนเดียว จากการเข้ามามีบทบาทของ “ซาอีฟ รูบี้” ที่เที่ยวป่าวประกาศว่า ลิเวอร์พูลกระทำต่อดันแคนอย่างโหดร้าย ทั้งการไม่ชี้ชัดหนทางขึ้นสู่ทีมชุดใหญ่ และการปิดกั้นโอกาสย้ายทีม

เอเย่นต์คนดังกล่าว ยังพุ่งเป้าโจมตี “ไมเคิล เอ็ดเวิร์ดส” ผู้อำนวยการสโมสรลิเวอร์พูลคนสำคัญ ที่ได้รับเครดิตอย่างสูงจากผลงานในยุคของคลอปป์ ออกสื่ออย่างเผ็ดร้อน ว่าปฏิบัติต่อดันแคนอย่างไม่เป็นธรรม

ถึงจุดนี้ หากมองในด้านเดียว คำกล่าวหา และการออกอาการเกเรของดันแคน และเอเย่นต์ ดูจะ “เกินเบอร์” ไปมาก ส่งผลให้หลายต่อหลายคนต่างสบประมาท และมองว่าไอ้หนูดันแคน ตัดสินใจผิด ทั้งเรื่องการเลือกเอเย่นต์ และการเลือกเส้นทางค้าแข้ง ที่มุ่งตรงไปยังเมืองฟลอเรนซ์ ที่ไม่มีอะไรการันตีความสำเร็จได้เลย

แต่หากลองมองย้อนกลับมาอีกมุมนึง โดยตัดอคติต่อสิ่งที่ “แคมป์ฝั่งดันแคน” ได้ลงมือทำลงไป บางทีการเลือกเส้นทางย้ายออกจากแอนฟิลด์ ก็อาจจะเป็นทางเลือกที่ดีก็ได้นะ หากเปิดใจซักหน่อย

กำแพงที่สูงชัน

แม้ไอ้หนูดันแคน จะอายุแค่ 18 ปี และมีผลงานในระดับยู-18 ที่โดดเด่นสดใส แต่ก็ไม่มีใครการันตีได้ว่า ตัวเขาจะขึ้นสู่ทีมชุดใหญ่เมื่อไหร่ เมื่อมองไปที่แนวรุกของทีม ที่มีทั้งซาล่าห์-มาเน่-ฟิร์มิโน่ รองลงมาก็ยังมีโอริกี้ ตัวโจ๊กเกอร์ของทีม หรือแม้แต่ชากิรี่ ที่โอกาสลงเล่น ยังแทบหาไม่ได้

ในทีมยู-23 “หงส์แดง” ก็ยังมีบริวสเตอร์ ไอ้หนูแข้งทอง ที่อายุอานามพึ่ง 19 ปี เป็นก้างชิ้นใหญ่อีกคน นี่ยังไม่รวมถึง “พอล กลัตเซล” คู่หูแดนหน้าของดันแคน ที่อายุ 18 เท่ากัน และโชว์ฟอร์มฮ็อตในซีซั่นที่แล้ว ไม่ยิ่งหย่อนกว่ากัน

การฝ่ากำแพง 5-6 ชั้น จึงไม่ใช่เรื่องง่าย ดาวรุ่งยุคหลัง “ไมเคิล โอเว่น” ล้มเหลวมาแล้ว ก็ตั้งมากมาย ยกชื่อให้ดูเล่นๆ ก็มีทั้ง นีล เมลเลอร์, อดัม มอร์แกน, เจอโรม ซินแคลร์ หรือแม้แต่โดมินิก โซลังเค่ ที่ยังไม่สามารถแจ้งเกิดได้เลย

นอกเหนือจากนั้น ต้องไม่ลืมโมเดลการย้ายข้ามลีก ของเหล่าดาวรุ่งอังกฤษ ที่มีให้เห็นกันมากขึ้นในปัจจุบัน ที่ชัดที่สุด หนีไม้พ้น “เจดอน ซานโช่” ปีกดาวโรจน์ที่ย้ายจากแมนเชสเตอร์ ซิตี้ ไปเปรี้ยงปร้างกับโบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์

หรือจะเป็นพวก “อเดโมล่า ลุกแมน” หรือ “รีส อ๊อกซ์ฟอร์ด” ที่ย้ายถาวรไปบุนเดสลีก้า กันไปก่อนหน้านี้ แล้วทำไม “บ๊อบบี้ ดันแคน” จะย้ายไปลองเสี่ยงโชคดูกับฟิออเรนติน่า บ้างไม่ได้ล่ะ?

โตตามสเต็ป ยังมีจริงเหรอ?

แม้มันอาจจะเกิดขึ้นไม่ง่ายนักในโลกฟุตบอลปัจจุบัน ที่ความสำเร็จไม่ค่อยคอยท่า แต่ก็ใช่ว่ามันจะไม่สามารถเกิดขึ้นได้เลย

มองง่ายๆ ในศึกพรีเมียร์ลีก เรายังเห็นทีมเงินถุงเงินถังอย่าง “เรือใบสีฟ้า” แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ปลุกปั้นนักเตะอย่าง “ฟิล โฟเด้น” หรือ “สิงโตน้ำเงินคราม” เชลซี ก็กำลังใช้งาน “เมสัน เมาท์” และ “แทมมี่ อับราฮัม” อย่างต่อเนื่อง

หรือจะเป็นทีมจากนอร์ธ ลอนดอน ฝั่งสเปอร์ ก็ผลิต “แฮร์รี่ วิงส์” ขึ้นมา ส่วนอาร์เซน่อล มี “ไอนส์ เมดแลนด์-ไนลส์” ยึดตัวจริงเหนียวแน่น หรือจะมองไปที่เวสต์แฮม ก็พึ่งมีผลผลิต ป้อนสู่ทีมชาติอังกฤษ อย่าง “ดีแคลน ไรส์” ที่เล่นได้โดดเด่นอย่างมาก เมื่อซีซั่นที่แล้ว

และแม้ฟอร์มจะตะกุกตะกักไปบ้าง แต่ “มาร์คัส แรชฟอร์ด”, “เจสซี่ ลินการ์ด”, “สก็อตต์ แม็คโทมิเนย์” หรืออาจจะรวม “เมสัน กรีนวู้ด” ก็ยังคงเป็น 0.012 % ที่คู่หู “แรช-ลิน” เคยเคลมไว้ว่า พวกเขาคือเหล่าดาวรุ่ง ที่ก้าวขึ้นมาประสบความสำเร็จ

หรือจะลองดูจากการที่เหล่าทีมยักษ์ใหญ่ทั่วยุโรป ต่างทุ่มทุน เสาะแสวงหาดาวรุ่งชั้นดีจากทั่วโลกเข้าสู่สังกัดตั้งแต่เด็กๆ นั่นก็เพราะพวกเขา ยังเชื่อเรื่องการลงทุนระยะยาว หวังปลุกปั้นนักเตะเยาวชนขึ้นมาจากอคาเดมี่ตามสเต็ป

อย่างนัดล่าสุดของทีมมหาอำนาจอย่างบาร์เซโลน่า พวกเขายังต้องพึ่งไอ้หนูวัย 16 ปี “อันซู ฟาติ” ซึ่งลงมาแก้เกมในครึ่งหลัง และทำประตูประวัติศาสตร์ให้ทีมได้อีกด้วย

แล้วทางไหน เหมาะสำหรับดาวรุ่ง?

อย่างที่ลองยกตัวอย่างมาให้อ่าน หนทางทั้งการเติบโตกับสโมสรที่ปลุกปั้นมา หรือการเสี่ยงโชค ย้ายไปโตที่อื่น มันมีความเป็นไปได้หมดแหละ ที่จะแจ้งเกิดขึ้นมา แม้โอกาสที่จะทะลุขึ้นมาสร้างชื่อ จะไม่ได้เกิดขึ้นง่ายๆ ก็ตาม

ปัจจัยที่มองข้ามไม่ได้ ยังเกี่ยวข้องกับตัวนักเตะเองด้วย เพราะนอกจากฝีเท้า และพรสวรรค์ที่ติดตัวมา ยังต้องเติมเรื่องของความมุ่งมั่น และความพร้อมทั้งร่างกาย-จิตใจ เพื่อผ่านช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อ ซึ่งมีนักเตะเยาวชนหลายคนเคยเละเทะมาแล้ว

อย่างตัว “ราฮีม สเตอร์ลิ่ง” ที่กำลังฮ็อตฮิตตอนนี้ ตอนยังเป็นวัยรุ่น ก็เสียทรงมาแล้วหลายที โดยเฉพาะพฤติกรรมนอกสนาม ทั้งเรื่องการดูแลตัวเอง และเรื่องรักๆ ใคร่ๆ ดีที่ว่ายังปรับจูนกลับมาสู่เส้นทางได้ทัน

ดังนั้น บางทีสิ่งสำคัญที่จะทำให้เกิด “โอกาส” ขึ้นมา มันก็อยู่นอกเหนือ กับแค่คำว่า “ที่ไหน” หรือ “เมื่อไหร่” เพราะมันยังต้องอาศัย “ความทุ่มเท” และ “การเจริญเติบโต” ของเหล่าดาวรุ่ง ที่ต้องพัฒนาขึ้นมาในทิศทางที่ดี เพื่อพร้อมที่สุด เมื่อโอกาสเข้ามาถึงมือ

อย่างตัวอย่างของ “บ๊อบบี้ ดันแคน” ที่ตอนนี้ หาน้อยคนมากๆ ที่คิดว่าเขาจะประสบความสำเร็จที่กัลโช่ เซเรีย อา

แต่ถ้าเขาเกิดปรับปรุงทุกอย่างให้อยู่ในทิศทางที่ดีขึ้น และสามารถคว้าโอกาสแจ้งเกิดได้สำเร็จ การบอยคอต และย้ายทีมที่ไม่น่าจดจำครั้งนี้ จะถูกลืมเลือนอย่างรวดเร็วแน่นอน

Picture : talkSPORT, The Independent, Goal.com, FOX Sports Asia, Mirror, This Is Anfield, The Anfield Wrap, Rousing The Kop, The Telegraph, South China Morning Post, FC Barcelona, Fox Sports, Flipboard