10 หนังสือเปลี่ยนชีวิตให้มีความสุขและประสบความสำเร็จได้มากกว่าเดิม - The Macho
 
Roral Enfield - Hunter 350
728x150 - Nissan Almera
728x150 - Hunter4
10 หนังสือเปลี่ยนชีวิตให้มีความสุขและประสบความสำเร็จได้มากกว่าเดิม

ในชีวิตของคนเราหลายครั้งเราก็ถูกปัญหาต่าง ๆ เข้าพุ่งชนหรือเดินมาหยุดอยู่บนทางแยกที่ต้องตัดสินใจเรื่องสำคัญแล้วทำอะไรไม่ถูก ไม่รู้ต้องเริ่มอย่างไรดี

ช่วงเวลาเหล่านั้นลำพังด้วยตัวเราคนเดียวคงไม่สามารถรับมือกับมันไหว การมีใครสักคนหรือมีหนังสือสักเล่มเข้ามาถูกจังหวะ และคอยชี้แนะแนวทางหรือเคล็ดลับให้เราจึงเปรียบเสมือนกับผู้ช่วยสำคัญที่ทำให้ชีวิตของเราเปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้น เดินไปในทางที่ถูกที่ควร

เราเชื่อว่าหลายคนคงเคยมีช่วงเวลานั้น ช่วงเวลาที่หนังสือสักเล่มเข้ามาทำให้เราก้าวข้ามอุปสรรคต่าง ๆ ไปได้ เข้ามามอบความกล้าใจกับใจ เข้ามาเพิ่มความเข้มแข็งในวันที่อ่อนแอ

แต่ใครที่ยังไม่เจอหนังสือเล่มนั้นไม่เป็นไรเพราะเรามี 10 หนังสือดี ๆ ที่สามารถมอบพลังบวก ๆ ให้ชีวิตดีขึ้นได้ด้วยการอ่านมาฝากให้คุณไปหามาเติมพลังให้ตัวเอง

1. วิธีชนะมิตรและจูงใจตน

แปลจากหนังสือ: How to Win Friends and Influence People

ผู้เขียน: Dale Carnegie

ผู้แปล: อาษา ขอจิตต์เมตต์

สำนักพิมพ์: แสงดาว

หนังสือเล่มนี้เขียนโดยนักสังเกตการณ์มนุษย์ที่ยิ่งใหญ่ และมีความเข้าใจในธรรมชาติมนุษย์ได้อย่างลึกซึ้ง เนื้อหาในหนังสือจึงเหมือนเปรียบเสมือนกุญแจสำคัญที่ทำให้เราได้รู้ถึงรายละเอียดเกี่ยวกับวิธีการพูดและการปฏิบัติตนให้ชนะใจคนได้อย่างมีประสิทธิภาพ ไม่ว่าจะเป็นเทคนิคสำคัญในการทำให้ผู้อื่นชื่นชอบ และคล้อยตามความคิดของคุณโดยไม่ทำให้มีความรู้สึกบาดหมางเพราะใช้เหตุผลและกุศโลบายที่แยบยลแบบไม่ทำให้เจ้าตัวทราบ ตลอดจนเคล็ดลับเพื่อทำให้ชีวิตในครอบครัวของคุณมีความสุขยิ่งขึ้น รวมถึงอีกหลากหลายคติและข้อคิดดีๆ ที่จะช่วยให้ชีวิตในการทำงานและชีวิตในสังคมดำเนินไปได้อย่างราบรื่นและประสบความสำเร็จ  ซึ่งตัวนักเขียนใช้วิธีเล่าเรื่องแบบกึ่งเล่ากึ่งยกตัวอย่างบุคคลต่าง ๆ จึงทำให้ไม่รู้สึกเครียดกับข้อมูลจนเกินไป 

2. ขุมทรัพย์สุดปลายฝัน

แปลจากหนังสือ: The Alchemist

ผู้เขียน: Paulo Coelho

ผู้แปล: กอบชลี และ กันเกรา

สำนักพิมพ์: นานมีบุ๊คส์ (NANMEEBOOKS)

นวนิยายเล่มนี้จำหน่ายไปแล้วมากกว่า 27 ล้านเล่มทั่วโลก จนกระทั่งถูกบันทึกใน Guinness Book of Records ในปี 2002 ถือว่าเป็นวรรณกรรมอมตะอีกเล่มหนึ่งเลยก็ว่าได้ 

เรื่องราวว่าด้วยเด็กหนุ่มเลี้ยงแกะชาวสเปนคนหนึ่ง ที่ฝันถึงขุมทรัพย์ในพีระมิดอียิปต์ ตอนแรกเขาก็ลังเลที่จะทำตามความฝัน แต่สุดท้ายเข้าก็สามารถละทิ้งความกลัว รวบรวมความกล้าและออกเดินทางสู่อียิปต์เพื่อตามหาขุมทรัพย์นั้น แม้จะไม่รู้ว่ามีอยู่จริงหรือเปล่า ตลอดการเดินทางเด็กหนุ่มได้พบกับอุปสรรคต่างๆมากมาย พร้อมกับความลี้ลับของคนที่เดินทางตามฝันหลายประเภท บางคนทั้งชีวิตไม่เคยมีฝัน บางคนเลือกที่จะไม่ทำตามฝันของตัวเอง บางคนเลือกที่จะทำแต่ไม่เริ่มลงมือทำเสียที และอีกหลากหลายผู้คนที่จะทำให้เราเข้าใจความหมายของการดำเนินชีวิตมากยิ่งขึ้น รวมถึงการลงมือกำหนดชะตาชีวิตตัวเอง มากกว่าเฝ้ารอโชคชะตา 

3. ใช้ความคิดเอาชนะโชคชะตา

แปลจากหนังสือ: Mindset

ผู้เขียน: Carol S. Dweck

ผู้แปล: พรรณี ชูจิรวงศ์

สำนักพิมพ์: วีเลิร์น (WE LEARN)

หนังสือเล่มนี้เป็นแนว How-to เขียนโดยนักจิตวิทยาชื่อดังจากมหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ด เธอค้นพบว่าสิ่งสำคัญที่สามารถสร้างความสำเร็จได้มากกว่า ความฉลาด ความสามารถ หรือโชคชะตา คำตอบคือ “ความคิด” ซึ่งความสำเร็จในชีวิตจึงขึ้นอยู่กับความคิด 2 แบบ แบบหนึ่งจะทำให้เราประสบความสำเร็จแบบครึ่งๆ กลางๆ ส่วนอีกแบบจะทำให้เราพัฒนาแบบก้าวกระโดด และประสบความสำเร็จอย่างต่อเนื่องแม้ว่าจะไม่มีแต้มต่อในชีวิตเลยก็ตาม

แนวคิดนี้ได้สร้างแรงสั่นสะเทือนไปทั่วทุกวงการ กลายเป็นหนังสือจิตวิทยาที่ขายดีที่สุด 10 ปี ติดต่อกัน รวมทั้งกลายเป็นวิชาที่ได้รับการนิยมสูงสุดของมหาวิทยาลับสแตนฟอร์ด 

4. Future ปัญญาอนาคต

ผู้เขียน: ภิญโญ ไตรสุริยธรรมา

สำนักพิมพ์: openbooks

หนังสือเล่มนี้จะพาคนอ่านเดินทางย้อนเวลาไปมาเพื่อทบทวนประวัติศาสตร์ในอดีตที่ทุกชนชาติล้วนเคยประสบ ผู้นำทุกคนต้องยอมเสียสละความเจ็บปวดทั้งของตนเองและคนในชาติเพื่อแลกกับอนาคต อันเป็นที่มาของยุคปัจจุบันซึ่งเรากำลังดำรงชีวิตอยู่ หลังจากนั้นเป็นฉายให้เห็นภาพใหญ่ของโลกอนาคตที่จะเดินทางมาถึงเพื่อให้ผู้อ่านเตรียมรับมือ โลกยุคที่รัฐบาลไม่มีบริการหลังการขาย การงานไม่ใช่สิ่งหาง่ายและประชาชนต้องเอาตัวรอดให้ได้ในสถานการณ์เลวร้ายนั้นด้วยการสร้างตัวตนขึ้นมาใหม่ โดยไม่ใช่สูตรสำเร็จหรือเคล็ดลับที่เราจะสามารถเปลี่ยนชีวิตได้ในเวลาอันสั้น แต่เป็นเพียงการชักชวนผู้อ่านให้ลงมือปฏิบัติอย่างมุ่งมั่น โดยไม่หวั่นต่อเสียงวิพากษ์ ไม่พึ่งพาอาศัยสิ่งศักดิ์สิทธิ์ แต่ขบคิด สร้างสรรค์ สร้างความแตกต่าง และสร้างคุณค่า เพื่อให้ปัจเจกชนธรรมดาสามารถกำหนดอนาคตของตนได้ในยุควุ่นวายโกลาหล 

5. ชีวิตดีขึ้นทุกๆ ด้านด้วยการจัดบ้านแค่ครั้งเดียว

แปลจากหนังสือ: The Life-Changing Magic of Tidying Up

ผู้เขียน: Marie Kondo

ผู้แปล: โยซุเกะ, ปฎิพล ตั้งจักรวรานนท์

สำนักพิมพ์: วีเลิร์น (WE LEARN)

Marie Kondo คือที่ปรึกษาด้านการจัดระเบียบบ้าน หนังสือเล่มนี้สร้างชื่อเสียงให้เธอกลายเป็นที่รู้จักของคนทั่วโลกด้วยแนวคิด Spark Joy หรือ จุดประกายความสุขด้วยความรู้สึกเชิงบวก เมื่อเราหยิบหรือสัมผัสสิ่งของหรือเสื้อผ้าแต่ละชิ้น หากชิ้นไหนจุดประกายความสุขให้กับเราได้ ให้เก็บชิ้นนั้นไว้ แต่หากชิ้นไหนเราไม่รู้สึกถึงจุดประกายความสุขนั้นเลยก็โยนทิ้งไป ซึ่งวิธีการของเธอกลายเป็นมาตรฐานระดับโลกสำหรับการจัดระเบียบได้อย่างรวดเร็ว 

หนังสือเล่มนี้จึงเป็นการแนะนำเคล็ดลับจัดบ้านที่เรียบง่าย ทรงพลัง และมีหลักจิตวิทยารองรับ ซึ่งไม่เพียงช่วยให้บ้านของคุณหายรกแบบถาวรหลังจากลงมือจัดบ้านแค่ครั้งเดียว แต่ยังช่วยให้ชีวิตของคุณดีขึ้นในทุกๆ ด้านตั้งแต่เรื่องการเงิน การเรียน ความสัมพันธ์ ไปจนถึงสุขภาพ  เธอให้แนวคิดว่าถ้าเรามอบความรักให้กับข้าวของในบ้านและจัดวางข้าวของในบ้านให้เข้าที่ สิ่งดีๆ ก็วิ่งเข้ามาในชีวิตเรามากขึ้น 

6. อิคิไก: ความหมายของการมีชีวิตอยู่ 

แปลจากหนังสือ: The Little Book of Ikigai

ผู้เขียน: Ken Mogi

ผู้แปล: วุฒิชัย กฤษณะประกรกิจ

สำนักพิมพ์: Move Publishing

อิคิไก คือภาษาญี่ปุ่นที่แปลว่า ความหมายของการมีชีวิตอยู่ หรือ สิ่งที่ทำให้คุณอยากตื่นขึ้นมาในทุกเช้า หนังสือเล่มนี้เป็นการบอกเล่าการยึด อิคิไก เป็นปรัชญาการใช้ชีวิตในวัฒนธรรมญี่ปุ่นมาอย่างยาวนานและเป็นพลังให้ช่วยให้ใช้ชีวิตได้อย่างยืนยาว อาจเป็นความสุขเล็กน้อยอย่างการได้ลิ้มรสกาแฟหอมอร่อยในแสงแดดอุ่นยามเช้า การได้อ่านหนังสือดี ๆ หรือกินข้าวกับครอบครัว ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของเหตุผลให้เราอยากตื่นนอนขึ้นมาเพื่อใช้ชีวิตอย่างมีความหมายในทุก ๆ วัน

โดยจะพาเราไปทำความรู้จักเสาหลักห้าประการของอิคิไก คือ เริ่มเล็ก ๆ, ปลดปล่อยตัวเอง, สอดคล้องและยั่งยืน, ความสุขกับสิ่งเล็ก ๆ และการอยู่ตรงนี้ ตอนนี้ ซึ่งไม่เพียงจะทำให้บรรลุเป้าหมาย หากยังสร้างคุณค่าแก่ชีวิต ทำให้เกิดความสุขทั้งกายใจ และทำให้คุณอยากตื่นแต่เช้าเพื่อออกไปทำสิ่งที่รัก นอกจากนี้อิคิไก ยังสะท้อนให้เห็นถึงความสุขของการทำงานของคนญี่ปุ่น ที่หลายครั้งมันสะท้อนออกมาในรูปแบบของ ความบ้างาน ซึ่งเอาเข้าจริงแล้วการทำงานหนักไม่ได้หมายรวมถึงอิคิไก แต่เพราะมีอิคิไกจึงทำให้คนญี่ปุ่นยินยออมที่จะทำงานให้ได้ดี และออกมาดีที่สุดเพื่อความหมายของการมีชีวิต 

7. วันอังคารแห่งความทรงจำกับครูมอร์รี

แปลจากหนังสือ : Tuesday with Morrie

ผู้เขียน : Mitch Albom

ผู้แปล : อมรรัตน์ โรเก้

สำนักพิมพ์ : ซีเอ็ด

เรื่องจริงของอาจารย์มหาวิทยาลัยที่ป่วยด้วยโรคเอแอลเอสที่ไม่มีทางรักษาหายกับศิษย์เก่าที่ไม่ได้เจอกันนานกว่า 16 ปี 

ตัวอาจารย์แม้ร่างกายจะมีแต่ทรุดโทรมลงทุกวัน ชีวิตที่เหลืออยู่ไม่ต่างอะไรกับการนับถอยหลังเข้าสู่เส้นชัยของความตาย แต่ถึงอย่างนั้นสภาพจิตใจและความคิดของเขายังคงแจ่มใสอยู่เหมือนเดิม ตรงกันข้ามกับลูกศิษย์ที่ลืมเลือนคำสอนของผู้เป็นอาจารย์ไปตามกาลเวลา เขาฝังตัวอยู่กับความสำเร็จเพราะคิดว่าถ้าประสบความสำเร็จจะควบคุมทุกอย่างได้

การกลับมาพบกันระหว่างครูกับศิษย์รักครั้งนี้จึงกลายเป็นที่มาของคาบเรียนประจำทุกวันอังคาร อาจารย์ใช้ทุกช่วงนาทีสอนให้ศิษย์รู้ถึงความหมายแห่งชีวิต ตั้งแต่เรื่องโลก ความเสียใจในตัวเอง ความรู้สึก มิตรภาพ ครอบครัว ความตาย ฯลฯ ที่เข้าถึงหัวใจของคนทั่วไปได้อย่างลึกซึ้ง คำสอนของเขากลายมาเป็นหนังสือที่ช่วยจุดประกายความคิดและเติมพลังแห่งชีวิตให้กับคนอื่น ๆ ที่ต้องตกอยู่ในสภาวะท้อแท้ หากยิ่งอ่านก็ยิ่งสะท้อนให้เห็นว่าความสุขในชีวิตสำคัญขนาดไหน 

8.เดอะซีเคร็ต

แปลจากหนังสือ : THE SECRET

ผู้เขียน : Rhonda Byrne 

ผู้แปล : จิระนันท์ พิตรปรีชา

สำนักพิมพ์ : อมรินทร์ 

หนังสือแนวพัฒนาตนเองที่ติดอันดับขายดีในสหรัฐฯ กว่า 40 สัปดาห์ และเขียนขึ้นโดยอิงจากภาพยนตร์ที่มีชื่อเดียวกัน เนื้อหาในหนังสือพูดถึงการสื่อสารด้วยพลังงานจิตใต้สำนึกด้านบวกที่เรียกว่า “Law of Attraction” หรือ “กฎแห่งแรงดึงดูด” ซึ่งมีหลักการง่าย ๆ ว่าความคิดของคนเราเปรียบเสมือนแม่เหล็ก เวลาที่เราคิดอะไรสักอย่างหนึ่งคลื่นความคิดจะถูกส่งกระจายออกไป และดึงดูดแถบคลื่นความถี่ระดับเดียวกันกลับมา หากเราคิดแต่สิ่งไม่ดี สิ่งต่าง ๆ ที่ไม่ดีทั้งหลายก็จะถูกดึงดูดเข้ามาหาตัวเรา ตรงกันข้ามหากเราคิดแต่สิ่งดี ๆ สิ่งดี ๆ ทั้งหมดรอบตัวก็จะถูกดึงดูดเข้ามาหาตัวเรา

นอกจากหนังสือจะอธิบายวิธีการปรับปรุงความคิดแล้วยังยกตัวอย่างบุคคลสำคัญของโลกที่นำแนวคิดมาใช้ในชีวิตด้วย ไม่ว่าจะเป็น gพลโต, กาลิเลโอ, เบโธเฟน, เอดิสัน, คาร์เนกี, ไอน์สไตส์ ฯลฯ  ฉะนั้นเมื่อเราอ่านหนังสือเล่มนี้ไปในแต่ละหน้าและได้ล่วงรู้ถึงความลับสำคัญนี้ เราจะเรียนรู้วิธีการที่จะได้มี ได้เป็น และได้ทำทุกอย่างที่ต้องการ เราจะได้รู้จักกับตัวเองอย่างแท้จริง และจะได้รู้ว่าสิ่งล้ำค่าแท้จริงที่รออยู่ข้างหน้าคืออะไร

9. ปรัชญาชีวิต 

แปลจากหนังสือ: The Prophet

ผู้เขียน: Kahlil Gibran

ผู้แปล: ระวี ภาวิไล

สำนักพิมพ์: ผีเสื้อ

หนังสืออมตะของนักเขียนคนดังที่รู้จักกันอย่างแพร่หลายทั่วโลก โดยเฉพาะในกลุ่มผู้สนใจปรัชญาและสาระลึกซึ้ง นับแต่พิมพ์ฉบับภาษาอังกฤษครั้งแรก เมื่อ ค.ศ.1926  หนังสือเล่มนี่ก็ได้พิมพ์ไปแล้วหลายสิบล้านเล่ม ทั้งยังแปลและ พิมพ์เป็นภาษาต่างๆ หลายสิบภาษา ว่ากันว่าใครเคยมีโอกาสอ่านหนังสือเล่มนี้จะต้องนึกถึงทำนองแห่งเสียงดนตรีที่บรรเลงในหัวไปพร้อมกับภาษาอันแสนสวยงามเพราะลักษณะการเขียนของผู้เขียนค่อนข้างมีความละเอียดอ่อน มีแบบแผนและลีลาการเขียนที่งดงามแต่เรียบง่าย

การอ่านหนังสือเล่มนี้จึงควรอ่านแบบช้าๆ ละเมียดละไมเพื่อรับรู้ชาติของชีวิตที่กล่าวถึงความสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์ด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของความรัก การแต่งงาน บุตร การบริจาค การดื่มกิน  การงาน ฯลฯ โดยสอดแทรกปรัชญาและธรรมะเข้าไว้ด้วย เหมือนเป็นแนวทางใหม่ที่ว่าด้วยสัจธรรมชีวิตกับการแก้ไขปัญหาดังกล่าว หลายคนจึงยึดหนังสือเล่มนี้เป็นเครื่องปลอบประโลมจิตใจเพราะแม้เขียนเป็นบทกวีแต่สำนวนการเขียนยังคงอ่านง่าย สามารถเข้าถึงได้ทุกชนชั้น  

10. Designing Your Life: คู่มือออกแบบชีวิตด้วย Design Thinking

แปลจากหนังสือ: Designing Your Life

ผู้เขียน: Bill Burnett และ Dave Evans

ผู้แปล: เมษ์ ศรีพัฒนาสกุล

สำนักพิมพ์: bookscape

สองผู้เขียนคือนักออกแบบผลิตภัณฑ์ชั้นนำผู้ประยุกต์ใช้ Design Thinking เข้ากับการออกแบบชีวิต และเป็นผู้ริเริ่มหลักสูตร Designing Your Life ซึ่งกลายเป็นวิชายอดนิยมแห่งมหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ด หนังสือเล่มนี้กลั่นกรองประสบการณ์และเคล็ดลับที่ผู้เขียนสั่งสมมาตลอดหลายปี ตั้งแต่วิธีค้นหาปัญหาที่ถูกต้อง การสร้างทีม การออกแบบงานในฝัน ไปจนถึงการสร้างภูมิคุ้มกันความล้มเหลว เหมาะกับคนที่ต้องการสร้างธุรกิจของตัวเอง ต้องการเงินเดือนที่ดี มีอิสระ อยากเป็นนายตัวเองมากกว่าทํางานให้ใคร หนังสือเล่มนี้สามารถช่วยให้เราสร้างชีวิตที่มีความหมายและมีความสุขได้ไม่ว่าเราจะเป็นใครก็ตามโดยไม่สายเกินไป เช่นเดียวกับกระบวนการคิดเชิงออกแบบเทคโนโลยี ผลิตภัณฑ์และพื้นที่สามารถนำมาใช้ในการออกแบบ สร้างอาชีพและประสบความสำเร็จพร้อม ๆ กับมีความสุขได้

source : 1|2|3|4|5|6|7|8|9

Suthamat
The girl with flowers tattoo

บทความที่เกี่ยวข้อง

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

Allow All
Manage Consent Preferences
  • Always Active

Save