แม้หลายงานวิจัยจะชี้ไปในทิศทางกันว่าคนยุคมิลลิเนียลต้องการอยู่แบบไม่มีคู่และแต่งงานน้อยลง แต่การเติบโตของธุรกิจหาคู่มันช่างสวนทางกับการไม่อยากมีใครของคนยุคนี้เสียเหลือเกิน
เพราะ Tinder แอปพลิเคชันหาคู่ยอดฮิตที่อยู่ภายใต้ Match Group บริษัทที่ทำธุรกิจเกี่ยวกับการหาคู่ออนไลน์โดยเฉพาะมีมูลค่าสูงถึงระดับ 472,000 ล้านบาท โดยในปี 2018 Tinder ทำรายได้ให้บริษัทกว่า 50% และมีผู้จำนวนผู้ใช้งานกว่า 3,470,000 บัญชี
ตัวเลขเหล่านี้เป็นการบอกพวกเราว่า แม้คนรุ่นใหม่ปากจะบอกไม่อยากมีใคร แต่ลึก ๆ ในใจก็ยังอยากหาใครสักคนมาเคียงข้างกายอยู่ดี โดยอาจจะไม่ได้อยู่ในสถานะแฟน แต่เป็นคนคุยคลายเหงาไม่วันที่ไม่มีใครก็พอ เพราะดูจากมูลค่าตลาดของแอปพลิเคชันที่โตไม่มีหยุดกับเทคโนโลยีหาคู่ที่พัฒนาขึ้นมาใหม่เรื่อย ๆ เพื่อหวังเข้ามาอยู่ในตลาดความสัมพันธ์กับเขาบ้างนั้น ดูท่าจะเป็นเช่นนั้นจริง ๆ
หลายปีที่ผ่านมามีแอปพลิเคชันสำหรับหาคู่เดทเกิดขึ้นมากมาย ขนาด Facebook เอง ก็ยังทำฟีเจอร์หาคู่กับเขาเช่นกัน แม้บางแอปจะปิดตัวไปจนสร้างความใจหายให้แก่ผู้ใช้ แต่พวกเขาก็ดูจะไม่เดือดร้อนอะไรนัก เพราะแอปใหม่พร้อมเข้ามาตีตลาดอยู่เสมอ แถมแอปน้องใหม่นี่แหละที่ขยันสร้างความแปลกใหม่เพื่อหวังเอาชนะคู่แข่งในตลาดมากกว่าแอปรุ่นพี่
พักหลังมาเราจึงอาจเห็นไอเดียแปลกใหม่ของแอปและเทคโลโลยีหาคู่ชนิดที่ว่าบางอย่างเราก็นึกไม่ถึงกันเลย วันนี้เราจึงอยากพามาดูแอปพลิเคชันไหนบ้างที่ไอเดียแปลกใหม่และสร้างสรรค์กว่าแอปอื่น
Tastebuds เพลงที่ชอบ เธอที่ใช่
แอปพลิเคชันจากลอนดอน ที่เชื่อว่าเพลงจะพาคนที่ชอบแนวดนตรีเหมือนกันมารักกัน เพราะแอปนี้เน้นการหาคู่แบบใช้ดนตรีเป็นพ่อสื่อ โดยทางแอปจะสุ่มหาคนที่ชอบแนวดนตรีหรือศิลปินคนเดียวกันมาให้ แน่นอนว่ามีแนวดนตรีให้เลือกแบบละเอียดยิบชนิดหาไม่ได้จากแอพอื่นแน่นอน และนอกจากจะได้เห็นรูปโปรไฟล์ พร้อมชื่อ อายุ โลเคชันเหมือนแอพหาคู่ทั่วไปแล้ว เราก็จะได้ฟังเพลงโปรดของเธอคนนั้นขณะเข้าไปส่องโปรไฟล์ด้วย แถมสามารถเชื่อมกับ Spotify ได้อีกต่างหาก แต่ปัญหาที่พบของแอฟนี้คือมีผู้ชายมากกว่าผู้หญิง
Happn เธอคือคน ๆ นั้น ที่เคยเดินผ่าน เมื่อวันวาน ฉันยังจำได้
แอปหาคู่ที่มอบโอกาสครั้งที่สองสำหรับคนที่เคยเดินผ่านกันไปแล้วให้สามารถกลับมาพบปะพูดคุยกันได้อีกครั้ง ซึ่งเป็นเหตุการณ์ที่ใครหลายคนต้องเคยเจอโมเม้นต์แบบนี้ประจำ ไม่ว่าจะเป็นบนท้อง ในร้านกาแฟ บนรถไฟฟ้า หรือในบาร์ยามค่ำคืนก็ตาม
การทำงานของแอปนี้จึงไม่ได้แมทช์จากข้อมูลทั่วไปแต่เป็นการแสดงผู้ใช้งานภายในตำแหน่งรัศมี 250 เมตรแบบเรียลไทม์แทน ซึ่งเวลาที่เดินพบกับผู้ใช้งานคนอื่น โปรไฟล์ของเขาก็จะปรากฏอยู่บนหน้าจอแอปในเครื่องเราทันที เราก็สามารถส่องเขาคนนั้นได้ทุกเวลา แถมรู้ด้วยว่าทั้งเราและเขาเดินผ่านกันกันกี่ครั้ง ที่ไหน และเมื่อไร ถ้าคุณอยากเจอเธอคนนั้นอีกก็แค่กดไลค์ไว้ก่อน ซึ่งแอปก็จะไม่บอกอีกฝ่ายรู้ว่าคุณสนใจอยู่ จนกระทั่งอีกฝ่ายถูกใจกลับมา คุณและเธอจึงสามารถเริ่มเปิดบทสนทนากันได้ เจ๋งไปเลยใช่ไหมละ
Kooup ดวงชะตาบอกว่าพวกเราคือเนื้อคู่กัน
แอปหาคู่ที่ออกแบบโดยคนไทยและเพื่อคนไทยอย่างแท้จริงเพราะ แอปนี้เขามีฟังก์ชันค้นหาคู่แบบฟันธงตามดวงสมพงษ์ ซึ่งจะแบ่งเป็น 3 แบบคือวัน, ราศี และปีนักษัตร ระบบจะทำการวิเคราะห์ข้อมูลโปรไฟล์ผู้ใช้งานและคนที่คุณสนใจออกมาเป็นคำทำนายว่าเมื่อคบหากันแล้วจะเป็นคู่ในลักษณะใดได้บ้าง ดวงสมพงษ์กันกี่เปอร์เซ็น ที่สำคัญมีการประเมินโอกาสการจีบติดออกมาเป็นเปอร์เซ็นผ่านการวิเคราะห์ด้วยอัลกอลิธึมของแอปพลิเคชันด้วย
Hater ความเกลียดที่รัก
เราเห็นแอปที่จับคู่จากคนชอบอะไรเหมือนกันมาเยอะ แอปนี้ขอแหวกแนวกว่าใครด้วยการจับคู่จากคนที่เกลียดอะไรเหมือนกันแทน ซึ่งเกิดจากไอเดียของผู้ก่อตั้งที่นึกเล่น ๆ ว่าหากเราคุยกับคนแปลกหน้า โดยที่มีสิ่งที่เกลียดเหมือนๆ กันมันจะคุยสนุกแค่ไหน
ด้วยเหตุนี้แอปหาคู่ที่ชื่อว่า Hater จึงถือกำเนิดขึ้นมา โดยมาพร้อมกับหัวข้อถึง 3,000 หัวข้อที่แต่คุณสามารถเลือกได้ว่าคุณเกลียดหรือว่าชอบหัวข้อนั้น ถ้าเกลียดปัดซ้าย ชอบปัดขวา ทั้งยังสามารถเลือกได้ว่าอะไรที่คุณโอเค และอะไรที่แบบไม่เอาเด็ดขาด หลังทำการเลือกหัวข้อไปเรื่อย ๆ แล้ว เจ้าแอปนี้ก็จะทำการเลือกกลุ่มคนที่มีความชอบและความเกลียดที่เหมือนกันออกมาให้คุณได้รู้จัก โดยจะเป็นกลุ่มคนที่อยู่ในสถานที่ใกล้เคียงกับที่คุณใช้งานอยู่
ทั้งหมดนั้นเป็นส่วนของในแอปพลิเคชันอย่างเดียวเท่านั้น แต่ในส่วนของเทคโนโลยีที่คิดค้นเพื่อช่วยให้เราเจอคนที่ใช่จริง ๆ บอกได้เลยว่าเราเดินทางมาถึงการจับคู่ผ่าน DNA กันแล้ว
ค้นหารักผ่าน DNA
ล่าสุด Nozze บริษัทจัดหาคู่ในประเทศญี่ปุ่นได้ออกแบบการจับคู่รูปแบบใหม่ที่ใช้น้ำลายของแต่ละฝ่าย เพื่อตามหาคนที่ใช่ผ่านดีเอ็นเอ แถมมีรายงานว่าบริการนี้กำลังเป็นที่นิยมมากขึ้นเรื่อยๆ ในประเทศญี่ปุ่น โดยเฉพาะคนในวัย 30 ถึง 40 ปี ที่จองคิวเต็มกันหลายเดือน
“เราเชื่อว่าความน่าดึงดูดของบุคคลหนึ่งต่ออีกฝ่าย เป็นผลมาจากเรื่องของดีเอ็นเอ 50 เปอร์เซ็นต์ ส่วนอีก 50 เปอร์เซ็นต์เป็นเรื่องของสภาพแวดล้อม” Satoru Fujimura เจ้าหน้าที่ฝ่ายประชาสัมพันธ์ของ Nozze กล่าว
สำหรับวิธีการในการจับคู่สุดนั้นหลังจากสกัดดีเอ็นเอจากน้ำลายได้เรียบร้อยแล้ว นักวิทยาศาสตร์จะทำการวิเคราะห์ยีนอันซับซ้อนที่เรียกว่า HLA เจ้ายีนนี้มีความเกี่ยวข้องกับระบบภูมิคุ้มกันในร่างกาย และมีความหลากหลายออกไปมากกว่า 16,000 รูปแบบ ยิ่งยีน HLA ในดีเอ็นเอของแต่ละคนแตกต่างกันมากเท่าไหร่ ยิ่งเป็นที่น่าดึงดูดต่อฝ่ายตรงข้ามมากเท่านั้น ดังนั้นตามหลักการข้างต้น คน 2 คนที่มียีน HLA แตกต่างกันมากที่สุด จึงมีแนวโน้มว่าจะเข้ากันได้ดีที่สุด
อนาคตของเทคโนโลยีหาคู่กับภาพสะท้อนจาก Black Mirror
เทคโนโลยีดังกล่าวทำให้เราหวนคิดถึง ซีรี่ย์เรื่อง Black Mirror ซีซั่น 4 ตอน Hang the DJ ที่พูดถึงโลกในอนาคตมีเทคโนโลยีหาคู่แบบจำลองการอยู่ด้วยกันเพื่อทดสอบหาคนที่ใช่ที่สุด โดยโปรแกรมนี้ถูกพัฒนาให้ออกมาในรูปแบบแอพพลิเคชั่นชื่อ ‘Ultimate Match’ มีอุปกรณ์และระบบที่เรียกว่า ‘Coach’ คอยจับคู่ให้กับผู้ใช้งาน เพื่อเฟ้นหาคนที่อาจจะเป็นคู่แท้ของคุณ การันตีความแม่นยำถึง 99.8% ซึ่งระบบจะทำหน้าที่จับคู่แบบสุ่ม และแจ้งว่าความสัมพันธ์ของแต่ละคู่ควรจะอยู่ด้วยกันนานแค่ไหนก่อนต้องเลิกกัน
(เนื้อหาต่อจากนี้ มีการเปิดเผยส่วนสำคัญของซีรี่ย์)
กฎเหล็กที่สำคัญคือทั้งคู่จะต้องสแกนลายนิ้วมือเพื่อเปิดดูระยะเวลาพร้อมกัน หากใครคนใดคนนึงแอบเปิดก่อนล่ะก็ เวลาจะลดลงเรื่อยๆ จนอาจเหลือเพียงแค่เสี้ยววินาทีที่ในการอยู่ด้วยกัน และระบบจะสุ่มเปลี่ยนคู่ให้คุณไปเรื่อยๆ จนกว่าจะสุ่มเจอคู่แท้ที่ทุกคนรอคอย
สำหรับเราแอพนี้ไม่ใช่เพียงแค่นวัตกรรมใหม่ในการหาคู่ แต่มันเป็นการจิกกัดความสัมพันธ์ของคนยุคปัจจุบันได้อย่างแสบสนุก รวมทั้งมีความเป็นไปได้ที่ในอนาคตโลกของการหาคู่ผ่านแอปพลิเคชันจะเป็นเช่นนั้นจริง ๆ
