10 สโมสรที่ดีเกินกว่าจะตกชั้น - The Macho
 
Roral Enfield - Hunter 350
728x150 - Nissan Almera
728x150 - Hunter4
10 สโมสรที่ดีเกินกว่าจะตกชั้น

ในวงการลูกหนังทั่วโลกนั้น การตกชั้นถือว่าไม่ใช่เรื่องแปลกใหม่ มันเป็นเรื่องปกติที่จะต้องเกิดขึ้นในทุกปี ไม่ว่าทีมเหล่านั้นจะมีนักเตะชื่อดัง, ผู้จัดการทีมมากฝีมือ, ฐานแฟนบอลที่มั่นคง หรือสถานะภาพทางการเงินที่มั่งคั่ง

        อย่างไรก็ตาม มีบางสโมสรที่คุณอาจจะคิดไม่ถึงว่า พวกเขาเคยลงไปเล่นในลีกที่ระดับต่ำกว่า ไม่ว่าด้วยเหตุผลอะไรก็ตามแต่ นี่คือ 10 ทีม ที่ไม่น่าจะตกชั้น หากวัดจากมาตรฐาน และชื่อเสียงของพวกเขาที่มีมาตั้งแต่ในอดีต

10.แมนเชสเตอร์ ซิตี้ (ปี 1937-1938)

แฟนฟุตบอลที่อายุน้อยบางคนพึ่งจะรู้จัก แมนฯซิตี้ ในฐานะสโมสรระดับโลกหลังจากที่ได้รับการสนับสนุนจาก ชีค มานซูร์ แห่งราชวงศ์อาบู ดาบี ประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ซึ่งทำให้ “เรือใบสีฟ้า” กลายเป็นทีมขนาดใหญ่เช่นทุกวันนี้

ในฤดูกาล 1937/38  แมนฯซิตี้ ลงเล่นในฐานะทีมที่ป้องกันแชมป์ลีกจากซีซั่นก่อน ซึ่งพวกเขาจบอันดับที่ 21 จาก 22 ทีม จึงต้องตกชั้นไปในที่สุด และอาจนับได้ว่า เป็นการป้องกันแชมป์ครั้งที่แย่ที่สุดในวงการลูกหนังเลยทีเดียว

9. เนิร์นแบร์ก (ปี 1968-1969)

ในที่สุดเมื่อเยอรมนีเปิดตัวลีกอาชีพในปี 1963 มี ทีมในศึกบุนเดสลีกาคว้าแชมป์ไม่ซ้ำกันถึง 7 ทีม ในรอบ 7 ปี และ เนิร์นแบรก์ ได้แชมป์หนแรกในฤดูกาล 1967-68 จากนั้น แมกซ์ เมอร์เคิล ผู้จัดการทีม “แดร์คลุบ” ในเวลานั้น นำผู้เล่นใหม่มาร่วมทีมมากถึง 13 คน และปล่อยนักเตะเก่าออกไปถึง 11 คน ทำให้ทีมมีผลงานย่ำแย่อย่างหนัก

ในซีซั่นต่อมา เนิร์นแบรก์ กลับทำเรื่องสุดช็อคให้กับวงการฟุตบอลเมืองเบียร์ ด้วยการตกชั้นทันที หลังจากที่ในวันสุดท้ายพวกเขาบุกไปพ่าย โคโลญจน์ 3-0

8. แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด (ปี 1973-1974)

ปัจจุบันมักจะเข้าใจกันว่า เดนิส ลอว์ อดีตกองหน้า ของ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ได้ทรยศต่ออดีตสโมสรของเขาอย่าง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด หลังจาก “ปีศาจแดง” ตกชั้นในปี 1974 และเขาตัดสินย้ายไปร่วมทัพ “เรือใบสีฟ้า”

ในปีนั้น แมนฯยูไนเต็ด ประสบปัญหาอย่างหนัก คือ ในเรื่องการทำประตู หลังจากที่พวกเขายิงในลีกได้แต่ 38 ลูก จาก 42 เกม และความพ่ายแพ้ 1-0 ต่อ แมนฯซิตี้ ในเกมดาร์บี้แมตช์นัดสุดท้ายของฤดูกาล ทำให้ “ปีศาจแดง” ตกชั้นเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 1930

7.สวอนซี (ปี 1982–1983)

        สวอนซี เลื่อนชั้นขึ้นสู่ลีกสูงสุดของอังกฤษ ได้เป็นครั้งแรกในปี 1981 ภายใต้การนำทัพของ จอห์น โตแช็ค กุนซือชาวเวลส์ และฤดูกาลแรกในลีกสูงสุด “หงส์ขาว” ทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมด้วยการคว้าอันดับที่ 6 และพวกเขาได้ไปแข่งขันในศึกยูฟ่า คัพ วินเนอร์ส คัพ ในปีถัดไป

อย่างไรก็ตาม ในฤดูกาลต่อมา สวอนซี กลับมีผลงานตกต่ำอย่างน่าใจหาย ด้วยการตกรอบแรก ยูฟ่า คัพ วินเนอร์ส คัพ และตกชั้นจากลีกสูงสุดเมืองผู้ดีเมื่อจบฤดูกาล 1982–1983

6. นอตติ้งแฮม ฟอเรสต์ (ปี 1992-1993)

ทุกคนมีคำพูดที่ชื่นชอบของ ไบรอัน คลัฟ อดีตตำนานกุนซือ ฟอเรสต์ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการสร้างกรุงโรมในวันเดียว หรือการทำทีมให้อยู่ในอันดับต้นๆ ของลีก ผลงานของ “เจ้าป่า” ในปี 1993 ค่อนข้างน่าผิดหวัง และเจ็บปวดเป็นอย่างยิ่ง

คลัฟ พาทีมตกชั้นในปี 1993 ในฤดูกาลสุดท้ายของเขาที่ถิ่น ซิตี้ กราวด์ และแม้ว่า เขาจะได้รับการอำลาจากแฟน ๆ “เจ้าป่า” พลังพาทีมแพ้ เชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด 2-0 แต่มันก็หลีกเลี่ยงในการลงไปเล่นในลีก 2 ของเมืองผู้ดีไม่ได้

5.นาโปลี (ปี 1997-1998)

นาโปลี ในปี 1997-98 ไม่ได้ใกล้เคียงกับความสามารถในการเป็นผู้คว้าแชมป์กัลโช่ เซเรีย อา แต่อย่างใด ทีมที่เคยมี ดีเอโก้ มาราโดน่า, ชิโร่ แฟร์เรร่า และ จานฟลังโก้ โซล่า เมื่อ 8 ปีก่อน พวกเขาก็ควรรอดตกชั้น

ผู้จัดการทีม 4 คน ถูกจ้างมาตลอดซีซั่นที่วุ่นวาย ซึ่งพลพรรค “อัซซูร่า” ตกชั้นในฤดูกาล 1997-98 ด้วยตำแหน่งบ๊วย โดยเก็บชัยชนะได้แค่ 2 เกม ยิงได้ 25 ลูก เสีย 76 ประตู และมีเพียง 14 แต้มเท่านั้น และนั่นถือเป็นการตกชั้นจากลีกสูงสุดหนแรกในรอบ 32 ปี

4.แอตเลติโก มาดริด (ปี 1999-2000)

ขีดตกต่ำสุดของ แอตเลติโก เกิดขึ้นในเดือนธันวาคม ปี 1999 เพียงไม่ถึงครึ่งกลางของฤดูกาล เฆซุส กิล ประธานสโมสร และคณะกรรมการสโมสรของ “ตราหมี” ถูกแบนเนื่องจากข้อกล่าวหาเรื่องการยักยอกเงินทุนสโมสร

        นักเตะอย่าง จิมมี่ ฟลอยด์ ฮัสเซลเบงค์, โจน คัปเดวิลลา และฆวน คาร์ลอส บาเรลอน พยายามต่อสู้กับสิ่งรบกวนนอกสนาม อย่างไรก็ตาม เคลาดิโอ รานิเอรี่ กุนซือ “ตราหมี” ในเวลานั้น ตัดสินใจลาออกจากตำแหน่งในเดือนกุมภาพันธ์ โดยที่ทีมยังอยู่อันดับ 3 จากท้ายตาราง

        ราโดเมียร์ อันทิช โค้ชชาวเซอร์เบีย กลับมารับงานอีกครั้ง แต่ก็ไม่สามารถพา แอตเลติโก รอดตกชั้นได้สำเร็จ และถูกไล่ออกในเวลาต่อมา

3.เวสต์แฮม ยูไนเต็ด (ปี 2002-2003)

การปรากฏตัวของ เดวิด เจมส์, ริโอ เฟอร์ดินานด์, ไมเคิล คาร์ริค, เจอร์เมน เดโฟ, เปาโล ดิ คานิโอ, เกล็น จอห์นสัน และโจ โคล, ก็ไม่เพียงพอที่จะป้องกันไม่ให้ เวสต์แฮม ตกชั้นในปี 2003

“เดอะ แฮมเมอร์” เก็บได้ 42 คะแนน ซึ่งเพียงพอที่จะอยู่รอดในฤดูกาลอื่นในศึกพรีเมียร์ลีก ที่เตะกัน 38 เกม แต่ในปี 2003 มันไม่เพียงพอ เทรเวอร์ บรูค ตำนานของสโมสรเข้ามาคุมทีมแทน เกล็น โรเดอร์ ในช่วงต้นเดือนเมษายน แต่ก็ไม่สามารถช่วย เวสต์แฮม ได้สำเร็จ

เมื่อ โบลตัน เอาชนะ มิดเดิ้ลสโบรช์ 2-1 ในวันสุดท้าย เวสต์แฮม ต้องตกชั้นไปยังดิวิชั่น 1 นับเป็นเพียง 4 ปี หลังจากได้อันดับ 5 ภายใต้การคุมทีมของ แฮร์รี่ เร็ดแนปป์ ซึ่งเป็นอันดับสูงสุดของสโมสร

2. ลีดส์ ยูไนเต็ด (ปี 2003-2004)

คงไม่มีคำใดที่น่าเกลียดใช้กับ ลีดส์ มากกว่าคำว่า “การใช้ชีวิตในฝัน” นั่นเป็นวลีที่น่าอับอายที่ ปีเตอร์รีดด์เดล อดีตประธานาธิบดีสโมสร ซึ่งพูดเกี่ยวกับความเป็นเจ้าของหายนะของ “ยูงทอง” หลังทีมต้องตกชั้นในปี 2003/04

หลังจากเข้าสู่รอบรองชนะเลิศที่น่าทึ่งของศึกยูฟ่า แชมป์เปียนส์ ลีก ในปี 2000-2001 รีดด์เดล ได้วางอนาคตของสโมสรด้วยการกู้ยืมเงินจำนวนมาก ซึ่งเขาตั้งใจจะจ่ายคืนผ่านรายได้ของศึก แชมเปี้ยนส์ ลีก อย่างต่อเนื่องในทุกๆปี

อย่างไรก็ตาม ลีดส์ ไม่สามารถทำอันดับโควตาไปเล่นใน แชมเปี้ยนส์ ลีก ได้ใน 2 ซีซั่นต่อมา และถูกบังคับให้ขายดาวดังจำนวนมาก อาทิ อลัน สมิธ, ไนเจล มาร์ติน และแฮร์รี่ คีเวลล์ เพื่อป้องกันสถานะทางการเงินของสโมสร

        ขณะที่ นักเตะอย่าง พอล โรบินสัน, เจมส์ มิลเนอร์,ลูคัส ราเดเบ้ และมาร์ค วิดูก้า ก็ไม่สามาถพา “ยูงทอง” รอดตกชั้นได้สำเร็จ

1. ยูเวนตุส (ปี 2005-2006)

ยูเวนตุส คว้าแชมป์กัลโช่ เซเรีย อา ในปี 2006 มาครองได้อย่างยิ่งใหญ่ ด้วยการเก็บแต้มได้มากถึง 91 คะแนน แต่ “เจ้าม้าลาย” กลับถูกริบถ้วยแชมป์คืน และโดนปรับให้ลงไปเล่นในเซเรีย บี เนื่องจากบอร์ดบริหารของสโมสรมีส่วนพัวพันกับการล้มบอล

อย่างไรก็ตาม ผู้เล่นดาวดัง ของ ยูเวนตุส อย่าง จานลุยจิ บุฟฟ่อน, อเลสซานโดร เดล ปิเอโร่, เมาโร คาโมราเนซี่, พาเวล เน็ดเว็ด, และ ดาวิด เทรเซเกต์  ต่างยังอดทนค้าแข้งกับทีมต่อไป

นอกจากนี้ “เจ้าม้าลาย”ยังโดนตัดคะแนนถึง 9 แต้ม ก่อนเปิดซีซั่น แต่พวกเขายังคว้าแชมป์ เซเรีย บี และเลื่อนชั้นกลับคืนสู่ลีกสูงสุดได้สำเร็จ ในฤดูกาลถัดมา

Picture – thesefootballtimes.co, fourfourtwo.com, theguardian.com, grandpascane.blogspot.com, abc.es, premierleague.com, scoopnest.com,

Che Navapun

บทความที่เกี่ยวข้อง

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

Allow All
Manage Consent Preferences
  • Always Active

Save