คอตกกันทำไม!? มาดู 8 สิ่งที่แฟน “หงส์แดง” ควรภาคภูมิใจในฤดูกาลนี้ - The Macho
 
Roral Enfield - Hunter 350
728x150 - Nissan Almera
728x150 - Hunter4
คอตกกันทำไม!? มาดู 8 สิ่งที่แฟน “หงส์แดง” ควรภาคภูมิใจในฤดูกาลนี้

ช่วงนี้จะเป็นช่วงหงอยๆ เซ็งๆ สักหน่อยนะครับ สำหรับสาวก “The KOP” หงส์แดง-ลิเวอร์พูล เพราะแม้ปีนี้จะสร้างผลงานได้ยอดเยี่ยมที่สุดของทีม ตั้งแต่มีพรีเมียร์ลีกมา แต่ก็ยังไม่วายโดนอาการสะดุดติดหล่มเล่นงาน จนโดนผู้ที่คอยหายใจรดต้นคอมาตลอดอย่าง “เรือใบสีฟ้า” แมนเชสเตอร์ ซิตี้ แซงขึ้นมาเป็นจ่าฝูง ในช่วงโค้งสุดท้ายของฤดูกาล ซึ่งเหลือเพียง 9 นัดสุดท้าย

ย้ำประโยคข้างบนอีกทีนะครับ ว่า “หงส์แดง” ในปีนี้ทำผลงานได้ดีที่สุดของทีม (นับถึงนัดที่ 29 นี้) ตั้งแต่ลงเล่นพรีเมียร์ลีกมา แม้โอกาสคว้าแชมป์จะต้องลุ้นกันหนักหน่อย แต่ด้วยผลงานระดับเทพขนาดนี้ มันควรมีสิ่งที่ The KOP ควรยืดอกภาคภูมิใจ มากกว่าจะหงอยเหงาเศร้าเซ็งกันแหละน่า

เพื่อให้ง่ายต่อความเข้าใจ เดี๋ยวผมจะพาไปดูกันว่า 10 สิ่งที่ทีมพัฒนา และเป็นไปในทิศทางที่ดีขึ้น นั้นมีอะไรบ้าง อย่างน้อยหวังว่า จะช่วยทำให้คุณอยากกลับมาร้อง “Allez Allez Allez” เชียร์ทีมอีกครั้งให้เต็มเสียง ในช่วงโค้งสุดท้าย ไม่มากก็น้อย

Allez 1 : เกมรับที่แข็งแกร่ง และนักเตะระดับท็อป

สิ่งนี้ทุกคนคงเห็นตรงกัน เพราะสถิติการเสียประตูของหงส์แดงในฤดูกาลนี้นั้นน้อยลงมาก นับเฉพาะในลีกตอนนี้ เล่นไป 29 นัด เสียเพียง 15 ประตู เก็บคลีนชีตไปแล้ว 17 นัด หรือถ้าเอาให้เห็นภาพ คือ 4 นัดหลังในลีกไม่เสียประตูเลย แม้จะต้องออกไปเยือนแมนฯ ยู และเอฟเวอร์ตัน ซึ่งถ้านับรวมเอานัด UCL กับบาเยิร์นเข้าไปด้วย เท่ากับว่าตอนนี้ทีมไม่เสียประตูมาแล้ว 5 นัด หรือนับเป็นเวลาก็ 7 ชั่วโมงครึ่งแน่ะ!

ราคาค่าตัว 75 ล้านปอนด์ของเวอร์จิล ฟาน ไดค์ ไม่มีข้อสงสัยอีกแล้ว เขาคือบอสตัวจริงในแนวรับ นอกจากฟอร์มตัวเองจะเข้าขั้นเกือบไร้ที่ติแล้ว บิ๊กเวอร์จิลยังทำให้เซ็นเตอร์ที่เล่นคู่กับเขาได้ยกระดับฟอร์มการเล่นขึ้นมาด้วย นั่นทำให้เราไว้วางใจมาติปมากขึ้น ทำให้เราเห็นศักยภาพของโจ โกเมซ ที่จะพัฒนาฝีเท้าเป็นนักเตะระดับท้อปได้ในอนาคต

อยากพูดถึงแอนดี้ โรเบิร์ตสันด้วย เพราะปีนี้เป็นความต่อเนื่องที่การันตีว่ากัปตันทีมชาติสก็อตแลนด์รายนี้ ขึ้นมาเป็นแบ็คซ้ายชั้นนำของลีกแล้ว ปีนี้ทีมยอดเยี่ยมของพรีเมียร์ลีกนี่จองมาแต่ไกล ความขยัน และความโดดเด่นทั้งรุก-รับ ทำให้ปฏิเสธไม่ได้ว่าหงส์แดงมีแบ็คระดับท็อปอยู่ในทีมเรียบร้อยแล้ว

นี่ยังไม่ได้พูดถึง “พี่หมี” อลิสซง เบ็คเกอร์ อีกคน ที่ไม่มีข้อสงสัยแล้วว่าเขาเป็นระดับท็อปในชั่วโมงนี้จริงๆ ดังนั้นแล้ว ฤดูกาลนี้ (และต่อไป) หงส์แดงขันน็อตเกมรับแน่น และมีสตาร์พร้อมเพรียงยืนอยู่ข้างหลังบ้านแล้ว

Allez 2 : แก้ปัญหาการเล่นกับทีมรอง

แม้ก้าวเข้าสู่ปี 2019 หงส์แดงจะมีสะดุดเสมอทีมรองที่ไม่ใช่ Top 6 มากไปสักหน่อย (เสมอเลสเตอร์, เวสต์แฮม และเอฟเวอร์ตัน) แต่ต้องยอมรับว่าฤดูกาลนี้ หงส์แดงเล่นกับทีมรองได้ดีขึ้นอย่างมาก มันอาจจะพูดได้ไม่เต็มปากว่าปิดประตูแพ้ แต่ด้วยทรงเกม และความพร้อมของทีม จะพูดว่าโอกาสแพ้นั้นน้อยเอามากๆ ก็คงไม่ผิด

สิ่งนึงที่หงส์แดงปรับเปลี่ยนไปมาก คือรู้จักการเล่นแบบรอจังหวะมากขึ้น กองกลางมีความแน่นอนขึ้น (แม้จะยังมีปัญหาบ้างในด้านการสนับสนุนเกมรุกก็เถอะ) กองหลังไม่ต้องพูดถึง เพราะแข็งแกร่งอย่างที่ว่าไป ดังนั้นแล้วเกมส่วนใหญ่กับทีมรอง มักจะขึ้นอยู่กับว่าหงส์แดงจะจบลงหรือไม่มากกว่าจะรอดมั้ย สิ่งนี้ควรเป็นสิ่งที่เจอร์เก้น คล็อปป์สามารถนำไปต่อยอดได้ในอนาคตในเรื่องของความเฉียบขาด ถ้าปรับได้ดีขึ้น และรักษาทรงของฤดูกาลนี้ไว้ ยังไงเสีย แต้มเป็นกอบเป็นกำควรจะต้องตามมา

Allez 3 : แอนฟิลด์กลับมาเป็นป้อมปราการเหล็กอีกครั้ง

สถิติยังไม่แพ้ทีมไหนในแอนฟิลด์ฤดูกาลนี้คงไม่ได้มาเพราะโชคช่วย แน่นอนว่าเกิดจากการปรับปรุงทีม และพัฒนารูปแบบความแน่นอนของทีมอย่างที่กล่าวไป ซึ่งถึงแม้ฤดูกาลที่แล้ว หงส์แดงจะยอดเยี่ยมไม่แพ้ใครในบ้านเช่นกันจากการเล่นในลีก 19 นัด (ชนะ 12 เสมอ 7) แต่ถ้าเทียบถึงฤดูกาลนี้แล้วนั้น หงส์แดงทำได้ยอดเยี่ยมกว่า เพราะเก็บชัยชนะได้ 12 นัดเท่าฤดูกาลที่แล้วทั้งซีซั่นไปเรียบร้อย (มีเสมอไป 2 นัด) ทั้งที่ยังมีแมทช์ให้เล่นในบ้านอีก 5 นัด

ในส่วนเกมรุก ดูผ่านๆ ความร้อนแรงในการถล่มประตูดูจะดร็อปลงไป แต่ถ้าลงลึกถึงสถิติแล้ว ฤดูกาลที่แล้วยิงในบ้านได้ทั้งหมด 45 ลูก (นับเฉพาะในลีก) จาก 19 นัด ปีนี้ผ่านการเล่นในบ้านไป 14 นัด ทีมทำไปแล้ว 40 ลูก ซึ่งถือว่าไม่ได้ดร็อปลงเลย ในส่วนการเสียประตู ตอนนี้ก็อยู่ที่เพียง 7 ลูก ดีที่สุดในลีก แม้จะมีนัดที่เสียให้พาเลซไปถึง 3 ประตูก็ตาม

จากรายละเอียดที่ว่ามาในเชิงสถิติ จะเห็นได้ว่าทีมแข็งแกร่งขึ้นชัดเจนกับการเล่นในบ้าน สามารถสร้างความน่าเกรงขามให้กับทีมที่มาเยี่ยมเยือนได้มากขึ้น ดังจะเห็นได้จากการปรับแผนการเล่นของโคตรทีมอย่างแมนฯ ซิตี้, บาเยิร์น หรือเปแอสเช ที่รู้ว่าไม่สามารถมาเปิดเกมแลกกับหงส์แดงแบบสุ่มสี่สุ่มห้าได้ในแอนฟิลด์

Allez 4 : ไม่มีผลกระทบจากการเปลี่ยนสตาฟฟ์โค้ช

แฟนหงส์แดงคงเสียวๆ กับประวัติการแยกทางกับมือขวาแล้วทีมเป๋ของราฟา เบนิเตซในอดีต แต่กับคล็อปป์แล้ว การแยกทางกับเซจ์โก้ บูวัช ที่ทำงานกันมาเนิ่นนาน ดูจะไม่เป็นปัญหาส่งผลกระทบต่อรูปแบบการเล่นของหงส์แดงในฤดูกาลนี้เลย เพราะ เป๊ป ลินเดอร์ ที่ดึงกลับมา ดูจะทำงานร่วมกับคล็อปป์ และปีเตอร์ คราวิทช์ ได้ดี ไร้ปัญหา

เข้าใจแหละ ว่าช่วงหลังแฟนบอลหงส์แดงหลายคน เริ่มหงุดหงิดกับการเลือกเปลี่ยนตัว หรือแก้เกมของคล็อปป์ โดยเฉพาะในยามออกไปเยือน แต่ถ้ามองดูดีๆ มันไม่ใช่ปัญหาจากการขาดบูวัชไปเลย ออกจะเป็นปัญหาการรับมือกับความกดดัน และความมั่นใจที่จะเล่นให้คงเส้นคงวาของนักเตะเสียมากกว่า ซึ่งปัญหาที่ว่านี้ก็เป็นงานชิ้นต่อไปที่คล็อปป์จะปรับแต่งให้เข้ารูปเข้ารอย และสม่ำเสมอกว่าที่เป็น

Allez 5 : การทำกำไรของทีม และการเข้าสู่การสร้างแบรนด์ชั้นนำ

หลายคนคงทราบข่าวเมื่อต้นปีแล้วที่หงส์แดงประกาศทำกำไรจากปีที่แล้วสูงสุดในประวัติศาสตร์สโมสรฟุตบอล ซึ่งถือเป็นเครดิตที่ต้องยกให้ FSG และทีมบริหารที่สามารถพลิกฟื้นให้ทีมที่ร่อแร่ในยุคปลิงมะกันฮิคส์ & ยิลเล็ตต์ ให้กลายเป็นทีมแนวหน้าในเรื่องของมูลค่าแบรนด์ภายในเวลาไม่นานนัก

ความก้าวหน้าของมูลค่าแบรนด์ไม่ได้สะท้อนเพียงการปรับเปลี่ยนกลยุทธ์ทางการตลาดที่ประสบความสำเร็จ อย่างเช่น การเตรียมได้ดีลขายสปอนเซอร์เสื้อแข่งมูลค่าระดับเดียวกับแมนฯ ยูในซีซั่นหน้า ยังมีทรงทิศทางที่ดีในแง่การพัฒนาคุณภาพของทีมระยะยาวด้วย ทั้งการต่อเติมสนาม, การตลาดซื้อ-ขายนักเตะที่ไม่มีขาดทุนง่ายๆ เหมือนสมัยก่อน แถมยังมีโครงการก่อสร้างศูนย์ซ้อมใหม่ที่เคิร์กบี้ ซึ่งจะเป็นรูปเป็นร่างต่อไปในอนาคต

Allez 6 : นักเตะสำคัญของทีมฝากอนาคตระยะยาว

ต่อเนื่องจากความสำเร็จในการปูรากฐานด้านแบรนด์ของสโมสร ในแง่การเซ็ตอัพทีมฟุตบอล ฤดูกาลนี้หงส์แดงประสบความสำเร็จอย่างสูงในการต่อสัญญาระยะยาวกับนักเตะตัวหลักของทีม จนไม่มีใครเสี่ยงต่อการถูกฉก (ในราคาต่ำกว่าจริง) ยกตัวอย่างง่ายๆ นักเตะที่เซ็นต่อสัญญาในซีซั่นนี้มีทั้ง ซาล่าห์, มาเน่, โรเบิร์ตสัน, เทรนต์ อาโนลด์, โจ โกเมซ, เฮนเดอร์สัน รวมถึงดาวรุ่งที่คาดหวังไว้สูงทั้ง แฮร์รี่ วิลสัน, เรียน บริวสเตอร์, มาร์โก้ กรูยิช ก็ต่อกันไปหมดเรียบร้อย

ก็จริงอยู่ที่การพลาดคว้าถ้วยบิ๊กเอียร์สมัยที่ 6 เมื่อปีที่แล้ว และหากปีนี้มาพลาดเป็นแชมป์พรีเมียร์ลีกทั้งๆ ที่โอกาสอยู่แค่เอื้อม นั้นจะสร้างความเจ็บช้ำ และตอกย้ำความเป็นกุนซือพระรองของคล็อปป์ต่อไป แต่ด้วยความกลมเกลียว ความมุ่งมั่น และอายุเฉลี่ยของทีมที่ยังน้อย น่าจะไม่มีปัญหาอะไร ที่ทีมจะก้มหน้ารวมตัวต่อสู้กันต่อไป ไม่ว่าผลในฤดูกาลนี้จะเป็นอย่างไรก็ตาม

Allez 7 : ได้ประสบการณ์การลุ้นแชมป์ไงล่ะ

เชื่อเถอะว่าอาการสะดุดที่เกิดขึ้นกับหงส์แดงในตอนนี้ จะมีคำพูดว่า “ขาดประสบการณ์การลุ้นแชมป์” เอามาอ้างเป็นเหตุผลว่าหงส์แดงชุดนี้ยังไม่ดีพอจะผ่านแรงเสียดทานจนไปถึงฝั่งฝัน เพราะทั้งทีมก็มีแค่เจมส์ มิลเนอร์เท่านั้น ที่เคยเป็นแชมป์พรีเมียร์ลีกมาก่อน

ดังนั้นแล้ว หากผ่านฤดูกาลนี้ไป ไม่ว่าแชมป์หรือไม่แชมป์ก็เหอะ ทั้งคล็อปป์ และนักเตะ จะได้เป็นส่วนร่วมในประสบการณ์การลุ้นแชมป์ที่ดุเด็ดเผ็ดมันส์ที่สุดครั้งนึงนับตั้งแต่พรีเมียร์ลีกมีมา ซึ่งหากทุกคนหยิบเอาประสบการณ์นี้มาเป็นแรงผลักด้านบวกได้ มันจะล้ำค่าต่อการเตรียมตัวฤดูกาลหน้าอย่างมากแน่นอน

Allez 8 : ได้พิสูจน์ตัวตนของ The KOP อย่างคุณไงล่ะ!

อันนี้สำคัญมาก และเป็นเครื่องกระตุ้นอารมณ์ที่เหล่า The KOP ถวิลหามานาน นั่นคือความรู้สึกสนุกในการได้ลุ้นแชมป์ลีกกันแบบยาวๆ ซึ่งห่างหายไปตั้งแต่ฤดูกาล 2013/14 ซึ่งตอนนั้นก็ดวลกับซิตี้จนถึงเกือบฎีกาเช่นกัน

แน่นอนแหละครับว่าด้วยมาตรฐานที่สูงมากในฤดูกาลปัจจุบัน ขนาดที่หงส์แดงทำแต้มได้เยอะที่สุดตั้งแต่เคยเล่นพรีเมียร์ลีกมา แต่ก็ยังไม่วายตามหลังซิตี้ที่ทำได้ดีกว่า ย่อมทำให้ความรู้สึกมันหวานอมขมกลืน ไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบตลอดเส้นทางอย่างที่หวัง แต่มันก็เป็นเครื่องพิสูจน์ได้ดีว่าเรารัก และสนับสนุนทีมแค่ไหนกัน ความผิดหวัง และความหัวเสียที่เหล่าแฟนบอลปลดปล่อยลงในโซเชี่ยล คงไม่มากไปกว่าความรู้สึกของคนที่รับผิดชอบกับการลุ้นแชมป์โดยตรง อย่างเหล่านักเตะ และทีมงานซึ่งอยู่ใกล้ชิดกับอารมณ์ร่วมทุกสิ่ง ดังนั้นแล้ว มันจะวัดใจเลยครับ ว่าคุณจะสนับสนุนทีมในยามต้องการกำลังใจได้ดีแค่ไหน และช่วยเตือนสติว่าคุณเชียร์ทีมด้วยความรัก หรือด้วยความกลัวที่จะโดนเพื่อนล้อ อันนี้แหละเป็นเหตุผลข้อสำคัญที่จะทำให้คุณได้ยืดอกภาคภูมิใจกับการสู้กับทีมในซีซั่นนี้ ไม่ว่าผลสุดท้ายจะออกมายังไงก็ตาม

ครบไปแล้วครับกับ 8 ข้อที่คิดว่า “หงส์แดง”​ และเหล่า “The KOP” ควรจะได้ภาคภูมิใจกับผลงานที่ทีมยืนหยัดสู้กับซิตี้มาได้สูสีจนถึงตอนนี้ จะว่ามันเป็น 8 ข้อปลอบใจ เพื่อให้เรามองโลกในแง่ดีก็ใช่อยู่ แต่หากจะมองว่ามันเป็น 8 ข้อที่ช่วยให้เรามองไปข้างหน้าได้ชัดขึ้น (เพราะแหงล่ะ อดีตกลับไปแก้ไขไม่ได้) ก็คงจะจริงไม่มากก็น้อย

หวังว่า 9 นัดที่เหลือ เหล่า The KOP จะ Walk On และร่วมแบ่งปันสุขทุกข์ด้วยกันไปจนสุดทางฝัน ก็ไม่รู้เหมือนกันว่ามันจะจบแบบไหน แต่อย่างน้อยก็อยากให้อยู่เคียงข้างทีมต่อไป ตาม Motto ของทีมที่เราใช้กันจนเคยชินว่า You’ll Never Walk Alone

Picture : Daily Post, Liverpool FC, Getty Images, Goal.com, Gulf News, The Liverpool Offside, Football365, The Mirror, The Guardian, 90min.com

[บทความเก่า] ช้าก่อน! มาดูเหตุผลที่อาจทำให้หงส์น้ำตาตก พลาดแชมป์ลีก! คลิกที่นี่

rocketseer

ทำงาน Sports content | บ้าบอล-เป็น The KOP | (เคย)บ้าดูหนัง-(เคย)ทำเพจหนัง | อยู่บ้านนาน ก็ชักเป็นบ้า!

บทความที่เกี่ยวข้อง

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

Allow All
Manage Consent Preferences
  • Always Active

Save