ประกาศรายชื่อผู้เข้าชิงทั้งหมดออกมาแล้วเมื่อวันที่ 22 ม.ค. ที่ผ่านมา สำหรับรางวัล “ออสการ์” หรือ “Academy Awards” ครั้งที่ 91 โดยสาขาที่น่าสนใจที่สุดหนีไม่พ้น “ภาพยนตร์ยอดเยี่ยม” ซึ่งโดยกติกาแล้ว คณะกรรมการของออสการ์สามารถเลือกรายชื่อเข้าชิงในรางวัลนี้ได้สูงสุดถึง 10 เรื่อง แต่ปีนี้เขาเลือกมาทั้งหมดเบ็ดเสร็จเพียง 8 เรื่อง ดังต่อไปนี้
A Star Is Born
หนัง Musical/Drama ที่ถือเป็นการนำเค้าโครงเรื่องเดิมมาทำใหม่เป็นครั้งที่ 3 แล้ว โดยหนังเรื่องนี้ ถือเป็นการประเดิมการกำกับหนังยาวเต็มตัวเรื่องแรกของ “Bradley Cooper” ซึ่งเขาแสดงนำเองร่วมกับ “Lady Gaga” ซึ่งก็เป็นการแสดงบทนำในหนังใหญ่เรื่องแรกของเธอเช่นกัน โดยนอกจากเข้าชิงหนังยอดเยี่ยม ทั้งคู่ยังเข้าชิงทั้งนำชาย และนำหญิง รวมกับรางวัลอื่นๆ ก็เข้าชิงรวมถึง 8 รางวัล
“A Star Is Born” เป็นหนังบอกเล่าเรื่องราวความรักหวานขม เกี่ยวกับนักร้องชายที่มีชื่อเสียง แต่กำลังเริ่มประสบปัญหาหมดไฟ และติดแอลกอฮอล์อย่างหนัก จนชีวิตเขาเปลี่ยนไปเมื่อมีโอกาสได้เจอนักร้องสาวโนเนม ซึ่งทำให้เขาตกหลุมรัก จนกลับมามีชีวิตชีวาในการสร้างผลงานปลุกปั้นให้เธอเป็นที่รู้จักมากขึ้นเรื่อยๆ
BlacKkKlansman
หนังแสบๆ คันๆ สร้างจากเค้าโครงเรื่องจริงที่ฟังดูไม่น่าเชื่อ ของตำรวจผิวสีคนแรกแห่งโคโลราโดสปริง ที่สับขาหลอกหัวหน้าสาขาของแกงค์นิยมคนผิวขาวสุดโต่งคู คลักซ์ แคลน ด้วยเสียง ให้หลงเชื่อว่าเขาเป็นคนผิวขาวจนเกิดความไว้ใจ ร้อนถึงการต้องขอร้องเพื่อนตำรวจยิวคู่หูให้สวมบทบาทเป็นเขาแทน เพื่อแทรกซึมเข้าไปสืบเรื่องราวต่างๆ
หนังกำกับโดย “สไปค์ ลี” ผู้กำกับเด็กแนวที่ผลงานไม่เข้าตามานานในขวบปีหลัง แต่กับเรื่องนี้หนังได้เข้าชิงถึง 6 ออสการ์ โดยลีเข้าชิงผู้กำกับยอดเยี่ยมด้วย น่าเสียดายนิดนึงที่ “จอห์น เดวิด วอชิงตัน” ที่ได้รับคำชมมากมายชวดชิงนำชาย แต่ก็ยังพี่ไคโลเรน “อดัม ไดรเวอร์” ที่รับบทตำรวจยิว เข้าชิงประเภทสมทบชายอยู่
Black Panther
หนังฮีโร่องค์ชายวากันดาแห่งมาร์เวล ซึ่งไม่ต้องเล่าเนื้อหากันให้เสียเวลา โดย “Black Panther” ถือเป็นหนังเรื่องแรกของมาร์เวล สตูดิโอ ที่เข้าชิงสาขาภาพยนตร์ยอดเยี่ยม รวมถึงยังเป็นหนังที่สร้างจากคอมมิคเรื่องแรกที่เข้าชิงอีกด้วย
นอกเหนือจากภาพยนตร์ยอดเยี่ยม “Black Panther” ไม่ได้มาเล่นๆ เพราะเข้าชิงมากถึง 7 รางวัล เน้นหนักไปทางด้านโปรดักชั่น ซึ่งนอกจากจะสร้างความปลื้มปริ่มให้สตูดิโอ เพราะได้ทั้งเงิน และเตะตาเวทีรางวัล ยังช่วยเสริมบารมีให้ผู้กำกับหนุ่ม “ไรอัน คูกเลอร์” วัยเพียง 32 ปี ได้อีกเพียบเลย
Bohemian Rhapsody
อีกหนึ่งหนัง Musical/Drama ที่ถูกพูดถึงกันจนเป็นกระแส กับเรื่องราวชีวประวัติของวงควีน โดยเน้นหนักไปที่ฟรอนท์แมนฟ้าประทาน “เฟรดดี้ เมอร์คิวรี่” ซึ่งรับบทโดย “เรมี มาเลค” ผู้สวมบทเฟรดดี้ได้ทรงพลังแทบไร้ที่ติ โดยนอกจากหนังจะถูกใจเวทีรางวัลแล้ว ยังไปได้สวยในแง่รายได้ แถมยังทำให้เพลงของควีนดังกระหึ่มอีกครั้งทั่วทั้งโลก
หนังเรื่องนี้เข้าชิงทั้งหมด 6 ออสการ์ ซึ่งจะว่าไป การทำรายได้สวยงาม และถูกใจออสการ์ ก็ช่วยกลบกระแสความวุ่นวายเบื้องหลังการโปรดักชั่นในช่วงท้าย ซึ่งผู้กำกับของเรื่องอย่าง “ไบรอัน ซิงเกอร์” ถูกปลดกลางอากาศจากพฤติกรรมไม่เหมาะสม โดยคาดว่าน่าจะเกิดจากการไม่ลงรอยกับสตูดิโอผู้สร้างนั่นเอง
Green Book
หนัง Drama/Comedy สร้างจากเค้าโครงเรื่องจริง ซึ่งมาแรงในช่วงโค้งสุดท้ายปลายปี ได้รับคำชมมากมายในเรื่องบทหนัง และการแสดงระดับคุณภาพของ “วิกโก้ มอร์เทนเซ่น” และ “มาฮาซาล่า อาลี” ซึ่งเป็น 2 ตัวละครหลักที่ขับเคลื่อนเรื่องราวของหนัง จนเข้าชิงรวม 5 รางวัล
“Green Book” พาเราย้อนไปในยุค 60 บอกเล่าเรื่องราวการเจอกันของ 2 คนต่างขั้ว ต่างฐานะ ระหว่างชายผิวขาวเชื้อสายอิตาเลียน ผู้มารับหน้าที่ขับรถพานักเปียโนคลาสสิกผิวสี ออกทัวร์ทางแถบภาคใต้ของอเมริกา
Roma
หนังปรากฏการณ์ที่ถูกจับตามองอย่างมาก เพราะนอกจากหนังจะเป็นขาว-ดำ และพูดภาษาหลักไม่ใช่ภาษาอังกฤษแล้ว ตัวหนังเองยังถือเป็นหนังที่มาจาก Netflix โดยตรงอีกด้วย โดยนอกจากการดูผ่านสตรีมมิ่งแพลตฟอร์ม Netflix หนังออกฉายแค่เพียงจำกัดโรงเท่านั้น ว่ากันว่า “Roma” น่าจะมีออสการ์กลับไปฝาก Netflix หลายตัว จากการเข้าชิงสูงสุดในปีนี้มากถึง 10 รางวัล
ทีเด็ดของ “Roma” คือผู้กำกับ “อัลฟองโซ่ คัวร็อง” ชาวเม็กซิกันคนแรกที่ชนะผู้กำกับยอดเยี่ยมออสการ์จาก “Gravity” เมื่อ 5 ปีก่อน โดย “Roma” เล่าเรื่องราวของแม่บ้าน ที่ดูแลครอบครัวชนชั้นกลางของเม็กซิโก ในยุค 70 ซึ่งในพล็อตที่ดูธรรมดาแบบนี้ แต่คัวร็อง สามารถใส่ชั้นเชิงต่างๆ ทำให้หนังน่าติดตาม แถมองค์ประกอบศิลป์ยังงามหยดอีกด้วย
The Favourite
หนังอิงลิชพีเรียดที่เข้าชิงทุกอย่างที่ขวางหน้าในบาฟต้า หรือออสการ์ของอังกฤษ สร้างจากเรื่องจริงในรั้วในวังของอังกฤษ ในยุคศตวรรษที่ 18 เล่าเรื่องในแบบตลกร้าย กับความวุ่นวายของ “ควีนแอน” และผู้คนรอบข้างของเธอ โดยหนังเข้าชิงถึง 10 รางวัล มากที่สุดร่วมกับ Roma เลย
จุดที่น่าจับตาของหนังหนีไม่พ้นนักแสดงที่เข้มข้นจัดเต็ม “โอลิเวีย โคลมัน” มีโอกาสลุ้นชนะนำหญิง ขณะที่สมทบหญิงเข้าชิงถึง 2 คน ทั้ง “เอ็มม่า สโตน” และ “ราเชล ไวซ์” ยังไม่รวมทีเด็ดจากผู้กำกับอินดี้ที่เวทีรางวัลชื่นชอบอย่าง “ยอร์กอส มาฟโรซาริดิส” อีกต่างหาก
Vice
อีกหนึ่งหนังสร้างจากเรื่องจริง ซึ่งโฟกัสไปที่เส้นทางการเมืองของ “ดิค เชนี่ย์” บุคคลสำคัญทางการเมืองของสหรัฐฯ ซึ่งต้องสั่งสมประสบการณ์ และอาศัยความเก๋าเกม ก่อนก้าวขึ้นมาเป็นบุคคลสำคัญของทำเนียบขาวมานานเกินกว่า 10 ปี
แม้ตอนเข้าฉาย หนังจะกระแสไม่ถึงกับดีนัก แต่ไปๆ มาๆ ออสการ์ก็ถูกใจเลือกเข้าชิงถึง 8 รางวัล การแปลงโฉมมารับบทเชนี่ย์ ชายสูงวัยรูปร่างท้วมใหญ่ของ “คริสเตียน เบล” ถูกอกถูกใจเวทีรางวัล เข้าชิงนำชายเรียบวุธ บทสมทบหญิงของ “เอมี่ อดัมส์” ก็เข้าชิง รวมถึงการรับบทจอร์ช ดับเบิลยู บุช ของ “แซม ร็อคเวลล์” เอง ออสการ์ก็เลือกเข้าชิงเป็นปีที่ 2 ติดต่อกัน หลังปีที่แล้วร็อคเวลล์ชนะออสการ์ตัวแรกไปแล้วจาก Three Billboards
ครบถ้วนไปแล้ว 8 เรื่องเข้มข้นประจำปีนี้ ใครจะชนะรางวัลภาพยนตร์ยอดเยี่ยม ต้องติดตามการประกาศผล ในช่วงเช้า วันจันทร์ที่ 25 ก.พ. ตามเวลาบ้านเรา หรือจะติดตามพวกเราที่ The Macho ก็ได้เช่นกัน รับรองว่าจะอัพเดทให้ทราบกันครบถ้วนทุกรางวัลเลย
Text – Rocketseer
เครดิตภาพ: Screen Rant, Variety, Medium, Digital Trends, The New Yorker, IndieWire, Den of Geek, Spin