11 รายชื่อหนังดีที่สุดแห่งปี 2018 ที่ควรค่าหามาดูให้ครบ - The Macho
 
Roral Enfield - Hunter 350
728x150 - Nissan Almera
728x150 - Hunter4
11 รายชื่อหนังดีที่สุดแห่งปี 2018 ที่ควรค่าหามาดูให้ครบ

เป็นประจำทุกช่วงสิ้นปีแบบนี้จะมีการจัดลำดับสุดยอดหนังดีที่สุดในรอบปีและ “National Board of Review”  หรือที่รู้จักกันในชื่อว่าสมาคมนักวิจารณ์ภาพยนตร์แห่งอเมริกา ซึ่งถือได้ว่าเป็น 1 ใน 4 ของสมาคมนักวิจารณ์ยักษ์ใหญ่ที่ได้รับการยอมรับมากที่สุดของอเมริกาได้ประเดิมการประกาศผลรางวัลเป็นสถาบันแรกในสาขาต่างๆ ออกมาเป็นที่เรียบร้อย มาดูกันว่าหนังเรื่องไหนเด็ดจริง เรื่องไหนยังไม่ได้ดู และควรค่าไปตามเก็บกันบ้างขึ้น

1. The Ballad of Buster Scruggs

หนังจาก Netflix เรื่อง The Ballad of Buster Scruggs หรือลำนำของบัสเตอร์ สกรั๊กส์ เป็นหกเรื่องสั้นแนวคาวบอยเกี่ยวกับการผจญภัยนอกกฎหมายของกลุ่มผู้ตั้งถิ่นฐานดินแดนอเมริกาที่ได้สองพี่น้องสายรางวัลอย่าง โจเอล และอีธาน โคเอน  มานั่งแท่นเขียนบทและกำกับร่วมกัน ทำให้การเล่าเรื่องมีเอกลักษณ์ไม่เหมือนใคร ทั้งน่าติดตาม ชวนขันแต่ก็แฝงไปด้วยเรื่องราวสุดลึกซึ้งการันตีความดีงามด้วยรางวัลบทหนังยอดเยี่ยมจากเทศกาลหนังเวนิส นอกจากนั้นการถ่ายภาพ การตัดต่อ รวมถึงบทเพลงประกอบก็ทำออกมาได้ดีมากๆ ชวนให้คิดถึงกลิ่นอายดินแดนตะวันตกได้เป็นอย่างดี

2. Black Panther

หนังแจ้งเกิดซุปเปอร์ฮีโร่ผิวสีจากค่าย Marvel  ที่นอกจากจะประสบความสำเร็จเรื่องรายได้แล้วยังกวาดคะแนนวิจารณ์ด้านบวกจากสื่อหลายสำนักไปเพียบ พวกเขาต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าหนังมีความโดดเด่นถึงขั้นปฏิวัติวงการภาพยนตร์ได้เลยทีเดียวด้วยฝีมือการเขียนบท การกำกับ การแสดง การสร้าง การดีไซน์เสื้อผ้า ดนตรี และเทคนิคล้วนยิ่งใหญ่ชนะเลิศหนังเรื่องอื่นๆของมาร์เวลในทุกด้าน จนก่อให้เกิดการเคลื่อนไหวทางสังคมที่ทรงพลังและเต็มไปด้วยความคิดสร้างสรรค์ของคอมมินิตี้คนดำผ่านกิจกรรม Black Lives Matter  เพราะหนังเรื่องนี้เขาใช้ทีมงามและนักแสดงผิวดำเกือบทั้งหมด โดยเนื้อเรื่องของหนังเล่าถึงเหตุการณ์หลังจากการสู้รบใน Captain America: Civil War (2016) ของกษัตริย์ T’Challa ที่กลับมายังวากานดาประเทศบ้านเกิดอันเต็มไปด้วยวิทยาการอันล้ำสมัยเพื่อทำหน้าที่กษัตริย์ แต่บังเอิญได้พบกับศัตรูเก่า ทำให้เขาต้องข้ามบททดสอบสำคัญที่ชะตากรรมของวากานดาและทั้งโลกไปให้ได้

3. Can You Ever Forgive Me?

หนังพลังหญิงที่สร้างมาจากเรื่องจริงโดยได้ เมลิสซ่า แม็คคาร์ธี่ย์ (Melissa McCarthy) จากหนังคอมเมดี้สุดฮาอย่าง SPY มาพลิกบทบาทลบมาดตลกโปกฮาเป็น ลี อิสราเอล (Lee Israe)l ผู้ทำหน้าที่เขียนชีวประวัติของเหล่าคนดังในช่วงยุค 70-80 ที่ต้องเผชิญหน้ากับจุดเปลี่ยนในอาชีพและการทำงานจนทำให้ชีวิตของเธอต้องพบเจอกับอะไรต่อมิอะไรที่ไม่คาดฝัน เพื่อเอาตัวรอด นอกจากการพลิกบทบาทครั้งสำคัญของแม็คคาร์ธี่ย์ การได้แมเรียล เฮลเลอร์ (Marielle Heller) จาก Diary of A Teenage Girl มานั่งแท่นกำกับก็ทำให้หนังเรื่องนี้ออกมาเป็นงานดราม่าที่ปนความตลก อัดแน่นไปด้วยแง่คิด จนกวาดคะแนนวิจารณ์ด้านบวกไปอย่างท่วมท้น โดยได้คะแนนจากเว็บมะเขือเทศไปถึง 8.2 /10  และถูกเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลอีกเพียบ

4 . Eighth Grade

เห็นหนังบอกเล่าเรื่องราวแสนว้าวุ่นของวัยฮอร์โมนพลุ่งพลานอย่างไฮสคูลมาก็มาก แต่สำหรับ Eight Grade เป็นหนังอินดี้ฝีมือโบ เบิร์นแฮม  (Bo burnham) ดาราตลก นักร้องหนุ่ม และอดีต Youtuber วัย 28 ปี  ที่หันมาเขียนบทพร้อมกำกับหนังเองครั้งแรก โดยพูดถึงช่วงชีวิตอาทิตย์สุดท้ายของเคย์ลา  (Kayla) สาวเกรด 8 (ม.2) ผู้กำลังจะโบกมือลามัธยมต้นเพื่อก้าวเข้าสู่มัธยมปลาย  ช่วงเวลายากลำบากวัยเรียนอันเต็มไปด้วยเรื่องราวเปิ่นๆ ชวนฮา ปัญหากับครอบครัว หรือกับเพื่อนร่วมวัยอันชวนให้ย้อนคิดถึงวันวานครั้งตัวเองเป็นเด็กไม่ได้ หลังจากออกฉายครั้งแรกก็กวาดคำวิจารณ์ไปได้ดีเกินคาด ถูกเสนอชื่อเข้าชิงไปรายรางวัล รวมถึงได้คะแนนจาก IMDb ไปถึง 7.6 เลยทีเดียว

5. First Reformed

ผลงานการแสดงล่าสุดของ อีธาน ฮอว์ค (Ethan Hawke)หลังหายหน้าหายตาไประยะหนึ่ง โดยได้ผู้กำกับอาวุโสอย่าง พอล ชเรเตอร์ (Paul Schrader) จาก Auto Focus, Dog Eat Dog และ American Gigoloมาเขียนบทเองและควบตำแหน่งผู้กำกับด้วย หนังได้เข้าฉายรอบปฐมทัศน์โลกเมื่อปีที่แล้วในเทศกาลหนังเวนิซและได้รับคำวิจารณ์ดีมาก ได้คะแนนจากเว็บไซต์  ไปถึง 7.1 รวมถึงเว็บมะเขือเทศ 93% First Reformed บอกเล่าเรื่องราวของบาทหลวงคนหนึ่งที่จมอยู่กับความเศร้าเพราะการจากไปของลูกชายในสงครามอิรัก แต่เมื่อมีสมาชิกของโบสถ์มาขอคำปรึกษาเกี่ยวกับสามีที่เป็นนักสิ่งแวดล้อมหัวสุดโต่งผู้กำลังจะระเบิดฆ่าตัวตาย เขาก็ถูกดูดกลับสู่ความทุกข์ในอดีตอีกครั้ง และเกิดความท้อแท้ต่ออนาคตจนเกิดวิกฤติศรัทธาขึ้นมา

6. If Beale Street Could Talk

หนังดัดแปลงจากนิยายดังของเจมส์ บอลด์วิน ที่ได้ แบรี่ เจนกินส์ (Barry Jenkins ) ผู้กำกับหนังยอดเยี่ยมจากออสการ์อย่าง Moonlight  และผู้ชนะรางวัลออสการ์สาขาบทดัดแปลงยอดเยี่ยมมารับหน้าที่ถ่ายทอดเรื่องราวความรักดราม่าเข้มข้นของเด็กสาวแอฟริกัน-อเมริกันในครอบครัวยากจนที่ต้องต่อสู้เพื่อให้คู่หมั้นผู้โดนใส่ร้ายว่าข่มขืนหญิงสาวเปอร์โตริกันพ้นผิดก่อนที่ลูกของเธอและเขาจะเกิดมา  

7. Mary Poppins Returns

ผลงานจากค่าย Disney ที่นำ Mary Poppins แห่งปี 1964 มาปัดฝุ่นใหม่อีกครั้ง โดยได้ เอมิลี่ บลันท์ (Emily Blunt) มาสวมบทแมรี่ ป๊อปปิ้นส์ พี่เลี้ยงสาวเจ้าของเวทมนตร์วิเศษ  และได้ร็อบ มาร์แชล (Rob Marshall) จากเรื่อง Into the Woods มาถ่ายทอดเรื่องราว  25 ปีหลังจากเหตุการณ์ในภาคแรกของสองพี่น้อง เจน และไมเคิล แบงค์ส ที่เดินทางกลับไปเยี่ยม แมรี่ ป๊อปปิ้นส์ แต่ละคนต่างประสบปัญญาในชีวิตของตัวเอง ซึ่งคราวนี้ แมรี่ ป๊อปปิ้นส์ ต้องร่วมมือกับเพื่อนใหม่อย่าง แจ็ค หาทางช่วยให้พวกเขาค้นพบความสุขที่หายไป

8. A Quiet Place

หนังที่แทบไม่กล้าหายใจ เรียกว่าเป็นมิติใหม่แห่งหนังสยองขวัญเลยก็ว่าได้ กับการเดินเรื่องด้วยการไม่มีบทพูด แต่สามารถสะกดคนดูได้ด้วยความอึดอัดและตื่นเต้นอย่างลงตัว   ผลงานของผู้กำกับจอห์น กราซินสกี  (John Krasinski) ผู้ทำหน้าที่ทั้งกำกับภาพยนตร์ เขียนบท และเป็นผู้แสดงนำอีกด้วย แถมยังได้ภรรยาตัวจริงอย่าง (Emily Blunt) มาร่วมแสดงด้วยกันครั้งแรก โดยเนื้อเรื่องพูดถึงครอบครัวหนึ่งที่อาศัยอยู่กันตามลำพังอย่างโดดเดี่ยวท่ามกลางธรรมชาติ  โดยหลบจากบางสิ่งบางอย่างอันน่าสะพรึงกลัว  และมันพร้อมจะมาเล่นงานพวกเขาได้  ถ้าพวกมันได้ยินเสียง ความเงียบงัน แต่ทรงพลังของหนังทำให้สามารถกวาดคะแนนวิจารณ์และรายได้ด้านบวกไปอย่างท่วมท้น

9. Roma

ผลงานของผู้กำกับเจ้าของรางวัลออสการ์จากเรื่อง Gravity อัลฟอนโซ กัวรอน (Alfonso Cuarón) ที่ขอกลับไปทำหนังในบ้านเกิดตัวเองโดยควบตำแหน่งทั้งเขียนบท  กำกับ ถ่ายภาพ และตัดต่อเองเสร็จสรรพ  Roma เป็นเรื่องราวที่พาคนดูย้อนกลับไปยังเม็กซิโกซิตี้ ต้นทศวรรษที่ 70 ช่วงเวลาที่ประวัติศาสตร์ของเม็กซิโกกำลังถึงจุดเปลี่ยนผ่าน นักศึกษาหัวก้าวหน้าออกมาเรียกร้องสิทธิจากรัฐบาลที่มีทหารเป็นกองหนุนเพื่อทำลายโครงสร้างทางชนชั้นและความเหลื่อมล้ำของประเทศ โดยไม่ได้พูดเรื่องการเมืองแบบโต้งๆ แต่หนังเล่าเรื่องผ่านครอบครัวชนชั้นกลางครอบครัวหนึ่งในย่านโรม่า นักวิจารณ์ทั่วโลกยกย่องต่างก็พูดเป็นเสียงเดียวกันว่าหนังเรื่องนี้อาจจะเป็นหนังภาษาต่างประเทศเรื่องแรกที่คว้ารางวัลออสการ์สาขาภาพยนตร์ยอดเยี่ยม

10. A Star is Born

หนังที่ถูกนำมารีเมคใหม่ครั้งที่ 4  โดยได้แบรดลี่ย์ คูเปอร์มาควบตำแหน่งผู้กำกับและร่วมนำแสดงนำด้วย และได้ เลดี้ กาก้า มาโชว์พลังเสียง แม้บทจะธรรมดามากแต่การแสดงของทั้งคู่และ ฝีไม้ลายมือการกำกับที่ไม่ธรรมดาของ คูเปอร์  ทำให้องค์ประกอบต่างๆ ของหนังทำออกมาได้ดีเกินคาดไม่ว่าจะเป็นการถ่ายภาพ ตัดต่อ สถานที่ รวมถึงเพลงประกอบที่เพราะโดนใจจนใครๆก็พูดถึง หนังว่าด้วยเรื่องราวของนักดนตรีหนุ่มใหญ่ที่พานักร้องสาวชีวิตตกต่ำไปเจิดจรัส แต่ตัวเองกลับตกต่ำแทน เส้นทางความสัมพันธ์กับความฝันของพวกเขาจึงต้องฝ่าฟันอุปสรรคร่วมกันไปให้ได้

11. Green Book

หนังม้ามืดที่สร้างจากเรื่องจริงของโทนี่ ลิป(Tony Lip )นักเลงไนท์คลับที่ได้มาเป็นคนขับรถให้นักเปียโนผิวสีดอน เชอร์ลีย์ (Don Shirley )ในช่วงยุค 1960  นำแสดงโดยสองนักแสดงฝีมือคุณภาพ วิกโก้ มอร์เทนเซน ผู้เข้าชิงสองรางวัลออสการ์จาก Eastern Promises, Captain Fantastic ร่วมด้วย มาเฮอร์ชาลา อาลี เจ้าของรางวัลออสการ์จาก Moonlight โดยหนังได้รับกระแสรีวิวเทบวกมากที่สุดในปี 2018 และสามารถคว้ารางวัลใหญ่ 9 รางวัลจาก 9 เวทีใหญ่ มาการันตีว่านี่คือหนังคุณภาพที่มีสิทธิได้เข้าสู่เวทีออสการ์  Green Book  เล่าถึงเรื่องราวของ สองคู่หูต่างขั้วที่จับผลัดจับผลูตระเวนเดินทางไปทั่วตอนใต้ของอเมริกาด้วยกัน โดยมีสิ่งเดียวที่นำทางทั้งคู่คือ สมุดปกเขียวที่บอกสถานที่เป็นมิตรกับคนผิวสี พวกเขาต้องฝ่าทั้งกำแพงแห่งสีผิว ภัยอันตรายต่างๆ เช่นเดียวกับน้ำใจจากเพื่อนมนุษย์ในการเดินทางครั้งสำคัญนี้

Source & Photo : 1|2|3|4|5|6|7|8|9|10

 

Suthamat
The girl with flowers tattoo

บทความที่เกี่ยวข้อง

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

Allow All
Manage Consent Preferences
  • Always Active

Save