750S ถือเป็นรถยนต์เรือธงของแบรนด์ในกลุ่มซุปเปอร์คาร์สำหรับผู้บริโภค โดยมาแทนที่ 765LT แม้ว่าในเชิงตัวเลขจะ “ลดลง” จากรุ่นก่อน แต่ 750S ก็นำคุณสมบัติ และส่วนประกอบมาจาก 765LT ในขณะเดียวกันก็เพิ่มประสิทธิภาพ และปรับแต่งแพลตฟอร์ม720S

ในความเป็นจริง McLaren ระบุว่าร้อยละ 30 ของรถเป็นรถใหม่ หรือมีการเปลี่ยนแปลง โดยให้ความสำคัญกับโครงสร้างที่มีน้ำหนักเบา และการเร่งความเร็วเพื่อสร้างตัวเลขที่จริงจังในแพ็คเกจที่คุ้นเคย กำลังอยู่ที่ 740 แรงม้า และแรงบิด 590 ปอนด์-ฟุตจากเครื่องยนต์เบนซิน V8 เทอร์โบคู่ 4.0 ลิตรอันสวยงาม ซึ่งไม่มีระบบส่งกำลังไฟฟ้าแบบไฮบริด เลยทำให้ 750S มีแรงม้าลดลงเล็กน้อยจาก 765LT แต่สอดคล้องกับค่าแรงบิด และเวลา 0-60 และทำความเร็วสูงสุดของรุ่นก่อนได้อย่างน่าประหลาดใจที่ 205 ไมล์ต่อชั่วโมง แชสซีน้ำหนักเบาที่เป็นคาร์บอนไฟเบอร์/อลูมิเนียมทำให้มีน้ำหนัก 2,815 ปอนด์

รายละเอียดภายนอกก็น่าประทับใจเช่นกัน ตัวแทนของ McLaren ระบุว่าการออกแบบที่โดดเด่นนั้นมีประโยชน์ใช้สอยอย่างมากในการมองเห็นจากมุมมองด้านหลัง ซึ่งเป็นคุณสมบัติที่เราทดสอบในขณะที่เราขับเคียงข้าง 750Ses รุ่นอื่นๆ หลังคาแข็งแบบยืดหดได้ และหน้าต่างที่เปิดขึ้นโดยที่กระจกเครื่องด้านหลังอยู่ด้านล่าง

ภายในห้องโดยสารได้รับการปรับปรุงเพื่อให้ทุกอย่างเป็นมิตรกับผู้ใช้มากขึ้น McLaren กล่าวว่าจุดสัมผัสทั้งหมดได้รับการปรับให้เหมาะสม ตั้งแต่การควบคุม และสวิตช์เลือกโหมดที่ด้านบนของแผงมาตรวัด ไปจนถึงการเปลี่ยนตำแหน่งสวิตช์ที่ไม่จำเป็น เช่น การปรับกระจก การยกเพลา แม้แต่สวิตช์ไฟหน้า โดยให้ห่างจากมือของคุณบนพวงมาลัย มีเบาะนั่งแบบ “สบาย” แบบไฟฟ้า 10 ทิศทางที่ปรับได้ทำให้ตำแหน่งการขับขี่ที่เหมาะสมเป็นเรื่องง่าย ทั้งเบาะนั่งแบบ Bucket Seat ที่บุด้วย Alcantara และเบาะนั่งแบบเปลือกหอย “Senna” ทั้งหมดมีการตกแต่งภายในที่สะดวกสบายมากขึ้น

McLaren 750S มีจำหน่ายแล้วทั้งรุ่นคูเป้ และรุ่น Spider ในราคาเริ่มต้นที่ 324,000 ดอลลาร์และ 345,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ ตามลำดับ

#car #cars #McLaren750S #McLaren