การวิ่งถือเป็นการออกกำลังกายที่เริ่มได้ง่ายที่สุดตราบใดที่คุณมีรองเท้า คุณก็สามารถวิ่งได้ด้วยตัวเองคนเดียวทุกที่ทุกเวลา

คุณ Masahiro Nanai ผู้เชี่ยวชาญได้เลือกรองเท้าวิ่งที่เหมาะสำหรับนักวิ่งทุกระดับประจำปี 2023 ไว้ โดยเน้นไปที่เรื่องการรองรับแรงกระแทกในระดับสูงพร้อมคำแนะนำวิธีการเลือกรองเท้าที่ถูกต้องซึ่งหลายคนอาจจะไม่เคยรู้มาก่อน และ The Macho ขอนำมาแบ่งปันสำหรับทุกรุ่นที่มีวางขายในประเทศไทย

คำแนะนำจากคุณ Masahiro ได้ถึงวิธีเลือกรองเท้าวิ่งสำหรับผู้เริ่มต้น

[1] อย่าใหญ่หรือเล็กเกินไป เลือกขนาดที่พอดีๆ

หนึ่งในสิ่งที่นักวิ่งมือใหม่ชอบทำบ่อยๆ คือการเลือกรองเท้าวิ่งที่ไซส์ใหญ่กว่าเท้าตัวเอง ซึ่งไม่ใช่เรื่องแปลกที่หลายๆ คนจะเลือกรองเท้าใหญ่ขึ้นกว่าเท้าตัวเองเล็กน้อยสำหรับรองเท้าผ้าใบที่ใส่ในชีวิตประจำวัน เพราะมักพิจารณาจากการถอด และใส่ได้ง่าย แต่กับรองเท้าวิ่งไม่ควรเลือกแบบนี้

ควรเลือกขนาดที่มีพื้นที่เหลือพอดีกับนิ้วเท้า และส้นเท้า อีกสิ่งสำคัญนอกจากนี้คือต้องพอดีกับความยาว และความกว้างของเท้าด้วย ซึ่งขึ้นอยู่กับรูปทรงเท้าของแต่ละคน

[2] “รองเท้าเบา = รองเท้าดี” เป็นความเชื่อที่ผิดของนักวิ่งมือใหม่

รองเท้าที่เบาเมื่อถือไว้ที่มือเรามักคิดว่ามันจะทำให้วิ่งได้เร็ว แต่ไม่เหมาะกับผู้เริ่มต้นที่ขายังไม่แข็งแรงพอ

ขณะที่เราวิ่งว่ากันว่าแรงกระแทกนั้นประมาณ 3 เท่าของน้ำหนักตัวจะส่งไปที่เท้า แต่รองเท้าวิ่งที่เบาประสิทธิภาพในการดูดซับแรงกระแทก ที่ถูกส่งจากกำลังขาไปสู่พื้นถนนจะลดลง ซึ่งทำให้ส่งผลกับเท้าโดยตรง สำหรับมือใหม่ในการวิ่งเท้าคุณอาจจะบาดเจ็บได้ จึงควรเลือกรองเท้าที่ดูดซับแรงกระแทกได้ดีกว่าการเลือกรองเท้าที่น้ำหนักเบา

[3]เลือกรุ่นที่เหมาะกับสไตล์การวิ่งของคุณ

ในการลงน้ำหนักเท้า และการหมุนเท้าที่เรียกว่า Pronation หลังจากเท้าเราเหยียบไปบนพื้นแล้วแต่ละคนจะแตกต่างกัน ถ้าเป็นการเคลื่อนไหวไม่รุนแรงก็อาจจะไม่ใช่เรื่องใหญ่ แต่ถ้าเป็นการวิ่งอาจจะนำไปสู่ความเจ็บปวดได้

ธรรมชาติเท้าของคนเราสามารถแบ่งออกได้หลัก ๆ 3 ประเภท และแบ่งย่อยได้เป็น 5 ประเภทย่อยตาม Pronation ดังนี้

Normal Arch
อุ้งเท้าปกติ โดยมีการวางเท้าและข้อเท้าอยู่ในลักษณะข้อเท้าตั้งตรง โดยการเลือกรองเท้าของคนที่มีอุ้งเท้าปกตินั้น ควรเลือกรองเท้าแบบ Stability เพื่อช่วยรองรับแรงกระแทกจากการวิ่งได้ดีขึ้น

High Arch
อุ้งเท้าสูง มีการวางเท้าแบบปกติและข้อเท้าตั้งตรง ควรเลือกรองเท้าวิ่งแบบ Neutral ที่จะทำให้คุณสามารถวิ่งได้สบายมากยิ่งขึ้น แต่อีกกรณีหนึ่ง คือคนที่มีอุ้งเท้าสูงที่มาพร้อมกับอาการข้อเท้าโก่ง ออกด้านข้าง ส่งผลให้ลงน้ำหนักไปที่ฝ่าเท้าด้านนอกมากกว่าด้านในอย่างเห็นได้ชัด ควรเลือกรองเท้าวิ่งแบบ Cushioned ที่ออกแบบมาพิเศษ โดยมีตัวช่วย Support แรงกระแทกจากการวิ่ง และทำให้วางเท้าในลักษณะปกติได้

Flat Arch
เท้าประเภทสุดท้ายคือเท้าแบน จะมีลักษณะของข้อเท้าเอียงเข้าด้านใน ทำให้ฝ่าเท้าด้านนอกยกสูงกว่าด้านใน ควรเลือกรองเท้าวิ่งแบบ Motion Controlled ซึ่งออกแบบมาเพื่อคนเท้าแบนโดยเฉพาะ สามารถสดอาการปวด และควบคุมการเคลื่อนไหวของเท้าได้ดีขึ้น

โดยสามารถดูน้ำหนักการลงเท้าจากตำแหน่งการสึกพื้นรองเท้าของเรา

ประเภทรองเท้าวิ่งที่ได้รับความสนใจอย่างมากช่วงปี 2023 คือ รองเท้าวิ่งประเภทที่รองรับแรงกระแทกได้ในระดับสูง ด้วยพื้นรองเท้าที่หนาขึ้นกว่าเดิม ซึ่งผลการทดสอบออกมาแล้วว่านอกจากปกป้องขาของนักวิ่งจากแรงกระแทกแล้ว ยังช่วยลดความเมื่อยล้าให้นักวิ่งระดับกลางที่วิ่งระยะทางมากกว่า 30 กม. ขึ้นไป ซึ่งที่จริงแล้วประสิทธิภาพในการวิ่งรองเท้าที่หนากว่านั้นก็เหมาะกับนักวิ่งทุกระดับอีกด้วย

รองเท้าวิ่งที่แนะนำโดย Masahiro Nanai

Asics gel nimbus 25

ราคาอย่างเป็นทางการบนเว็บไซต์คือ 6,500 บาท

รุ่นกันกระแทกตัวแทนของ ASICS “Gel Nimbus” ซึ่งฉลองครบรอบ 25 ปี และเป็นรองเท้าที่ลดแรงกระแทกได้มากที่สุดในซีรีส์นี้

ส่วนบนใช้ใช้การออกแบบในรูปแบบตาข่าย ที่ปรับความพอดี และการระบายอากาศให้เหมาะสมกับเท้า โดยเปลี่ยนวิธีการถักของผ้าชิ้นเดียวที่ให้ความสบายแม้ต้องวิ่งเป็นเวลานาน นอกจากนี้ ส่วนหุ้มข้อนุ่มสบาย และลิ้นรองเท้ายืดหยุ่นให้ความกระชับพอดีโอบรับเท้าของคุณได้อย่างสบาย

พื้นรองเท้าชั้นกลางคือ “FF BLAST PLUS” ที่มีน้ำหนักเบา นุ่ม โดยวัสดุในชั้นนี้ประมาณ 24% ทำจากพืช และวัสดุโฟมใหม่ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมถูกนำมาใช้กับพื้นรองเท้าชั้นกลางทั้งหมด

ระบบลดแรงกระแทก “GEL” ที่ติดตั้งที่ส้นยังได้พัฒนาจาก “PureGEL” นุ่มกว่า และยังเบากว่าอีกด้วย

“ซีรีส์ ASICS Nimbus เป็นรุ่นที่เป็นตัวแทนของรองเท้าวิ่งประเภท Neutral เรามักได้เห็นรองเท้าซีรีส์นี้อยู่ที่เท้าของนักวิ่งหลายคนในงานวิ่งมาราธอนในฝั่งสหรัฐอเมริกา และยุโรป

รองเท้าที่มีพื้นหนาเป็นพิเศษด้วยการใช้ “FF BLAST PLUS ECO” ขนาดใหญ่ที่พื้นรองเท้าชั้นกลางทั้งหมด คุณจะเพลิดเพลินไปกับความรู้สึกในการวิ่งที่แตกต่างจากรุ่นทั่วไปในซีรีส์ รองรับแรงกระแทกที่ดีขึ้นได้แม้ในระหว่างการวิ่ง 6 กม. ทุกวัน

ในอดีต ASICS มักจะคงคุณสมบัติประมาณ 70% ของรุ่นก่อนหน้าโดยคำนึงถึงลูกค้าขาประจำของแต่ละซีรีส์ในการเปลี่ยนแปลงโมเดล แต่ “Gel Nimbus 25” นี้ไม่มีร่องรอยของ “Gel Nimbus 24” รุ่นก่อนหน้าเลย ทั้งหมดนี่คือจุดเริ่มต้นของการเดินทางครั้งใหม่ของซีรีย์นี้เลย

Nike Invincible 3

ราคาอย่างเป็นทางการบนเว็บไซต์คือ 6,600 บาท

ซีรีส์ “Invincible” ของ Nike โดดเด่นเรื่องการรองรับแรงกระแทกจากการวิ่งอย่างมาก ได้เปิดตัว “Nike Invincible 3” รุ่นที่สาม มอบความสบายใต้ฝ่าเท้าระดับสูงสุดที่ ช่วยให้คุณวิ่งวันนี้ พรุ่งนี้ และวันต่อๆ ไปได้สบายๆ

รุ่นนี้ผ่านการเปลี่ยนแปลงรูปแบบมาแล้ว โดยเปลี่ยนส่วนบน และส่วนพื้นรองเท้าจากรุ่นก่อนหน้า วัสดุกันกระแทก “Nike Zoom X” ไม่เพียงปรับปรุงการรองรับแรงกระแทกเท่านั้น แต่ยังปรับปรุงเรื่องการทรงตัวเพิ่มขึ้นมากอีกด้วย นอกจากนี้ยังสนับสนุนการวิ่งตั้งแต่การลงสู่พื้นจนถึงการออกตัว ผสานการรองรับ และความยืดหยุ่นเข้าด้วยกัน เป็นรองเท้าคู่ที่สมบูรณ์แบบสำหรับนักวิ่งที่ต้องการความรู้สึกในการวิ่งที่สบาย และไม่เกิดการบาดเจ็บจากการวิ่งบ่อยๆ ในทุกวัน

จุดเด่นของ “Nike Invincible 3” ในรุ่นนี้คือความมั่นคงในการลงน้ำหนักเท้าที่ได้รับการปรับปรุงอย่างมาก ในขณะที่สืบทอดประสิทธิภาพการลดแรงกระแทกที่โดดเด่นมาจากรุ่นที่แล้ว ความพอดีของอัปเปอร์ ‘Flyknit’ ก็ได้รับการปรับปรุงเช่นกัน ดังนั้นแม้คุณจะวิ่งด้วยความเร็ว ก็สามารถวิ่งได้ไม่ยาก

Mizuno wave rider 26

ราคาอย่างเป็นทางการบนเว็บไซต์คือ 4,800 บาท

หนึ่งในผลิตภัณฑ์ที่ขายดีที่สุดของ Mizuno Running ได้รับการปรับปรุงหลายอย่าง “Wave Rider” ซึ่งไม่เพียงแต่รองรับแรงกระแทก และความยืดหยุ่น แต่ยังมีน้ำหนักเบาและกระชับเท้า มีการนำตาข่ายระบายอากาศที่ยืดหยุ่น และระบายอากาศมาใช้กับส่วนบนใน “Wave Rider 26″ ครั้งที่ 26 นอกจากนี้ โดยการเพิ่มความหนาของ ” MIZUNO ENERZY” ที่พื้นรองเท้าชั้นกลางทั้งหมดเพิ่มขึ้น 2 มม. ปริมาณวัสดุที่สะสมเพิ่มขึ้น 17% สิ่งนี้สร้างความยืดหยุ่นและความยืดหยุ่นที่ดีที่สุดในประวัติศาสตร์ของซีรีส์นี้ โดยสนับสนุนนักวิ่งด้วยการวิ่งที่นุ่มนวลขึ้น

นอกจากนี้ เกี่ยวกับเทคโนโลยีกันกระแทกตัวแทนของ Mizuno “Mizuno Wave” ก่อนหน้านี้ “แผ่นคลื่น” ถูกม้วนขึ้นเฉพาะด้านในเพื่อให้ความรู้สึกมั่นคง แต่คราวนี้ด้านนอกยังถูกม้วนขึ้นเพื่อปรับปรุงการทรงตัว Waverider 26 รุ่นใหม่จะรองรับนักวิ่งทุกระดับ

Adidas Ultraboots

ราคาอย่างเป็นทางการบนเว็บไซต์คือ 7,000 บาท

Adidas “Ultraboost” เปิดตัวในปี 2015 ให้ความรู้สึกในการวิ่งที่นุ่มเป็นพิเศษ ซึ่งความโดดเด่นเรื่องการรองรับแรงกระแทกนี้มาจาก “โฟม BOOST” ที่ถูกนำมาใช้เป็นวัสดุในพื้นรองเท้าชั้นกลาง และ “Adidas Prime Knit” ที่โอบรับบริเวณเท้าอย่างนุ่มนวล ด้วยการผสมผสานที่พอดี ทำให้ได้รับความนิยมไม่เพียงแค่ในวงการวิ่งเท่านั้นแต่ยังได้รับความนิยมในแวดวงไลฟ์สไตล์อีกด้วย

“Ultra Boost Light” ที่เปิดตัวในช่วงฤดูใบไม้ผลิก็ประสบความสำเร็จในการลดน้ำหนักลงถึง 30% เมื่อเทียบกับรุ่นทั่วไป โดยการนำ “Light BOOST” ซึ่งเบากว่า และมีการคืนพลังงานเพิ่มขึ้นอีก 4%

วัสดุของพื้นรองเท้าชั้นนอกเป็น “ยางคอนติเนนทอล” ซึ่งถูกใช้ในล้อรถยนต์ และจักรยานแข่งด้วย ช่วยให้มีกำลังยึดเกาะสูงในทุกสภาพอากาศและทุกสภาวะ แถมยังลดการสูญเสียพลังงานเนื่องจากการลื่นไถลด้วย

Brooks Glycerin20

ราคาอย่างเป็นทางการบนเว็บไซต์คือ 6,400 บาท

Brooks Glycerine 20 เป็นรองเท้าวิ่งที่นุ่มที่สุดเท่าที่แบรนด์เคยผลิตมา พื้นรองเท้าชั้นกลางใช้การรองรับแรงกระแทกจาก DNALOFTV3 ซึ่งใช้วิธีการผลิตขึ้นโดยการฉีดไนโตรเจนเข้าไปในส่วนรองพื้นรองเท้า “DNALOFT” รุ่นดั้งเดิมของ Brooks และทำให้เกิดฟองที่นุ่มขึ้นตอนลงน้ำหนัก

อัปเปอร์ทำจากผ้าตาข่ายที่ได้รับการออกแบบใหม่ให้การระบายอากาศที่ดีขึ้น และความกระชับพอดีในการโอบรับเท้า ให้รู้สึกสบายแม้ใส่วิ่งเป็นเวลานาน

Monster clound

ราคาอย่างเป็นทางการบนเว็บไซต์คือ 5,500 บาท

“Cloud Monster” เป็นรุ่นที่ให้การรองรับแรงกระแทกในระดับที่สุดยอด และการคืนพลังงานแก่นักวิ่งด้วย “CloudTec” ตั้งแต่เปิดตัวในฤดูใบไม้ผลิปี 2022 เป็นหนึ่งในสินค้าขายดีของแบรนด์

ตามชื่อที่บอกไว้ “Cloud Monster” คือ “รองเท้าสัตว์ประหลาด” ที่ช่วยให้คุณวิ่งผ่านถนนได้อย่างสนุกสนาน การออกแบบที่จัดจ้านโดดเด่น เมื่อรวมกับรูปทรงของยูนิตพื้นรองเท้าที่มีโครงสร้างแบบโยก การเคลื่อนไหวตั้งแต่ขาลงสู่พื้นจึงราบรื่นยิ่งขึ้น เป็นการผสมผสานสเปคและการออกแบบที่ดุดัน ทำให้คุณอยากวิ่งได้นานขึ้น สบายขึ้น และเร็วกว่าปกติ

NEW BALANCE Fresh Foam X More v4

ราคาอย่างเป็นทางการบนเว็บไซต์คือ 5,490 บาท

“Fresh Foam” เป็นเทคโนโลยีรองรับแรงกระแทกซึ่งถือเป็นตัวแทนของ New Balance “Fresh Foam X More v4” คือพื้นรองเท้าชั้นกลาง “FRESH FOAM X” ที่หนาและนุ่มที่สุดในบรรดารองเท้าที่ใช้เทคโนโลยีนี้ ถือว่ารุ่นนี้เป็นสัญลักษณ์ของซีรีส์เลยก็ว่าได้

พื้นรองเท้าชั้นนอกที่มีรูปแบบใหม่ทำให้รองรับการเคลื่อนที่ของจุดศูนย์ถ่วงได้อย่างดี และมีความมั่นคงด้วยความหนาของพื้นรองเท้า ช่วยให้นักวิ่งรู้สึกอยากวิ่งได้นานขึ้น

นอกจากนี้ อัปเปอร์ตาข่ายออกแบบเชิงวิศวกรรมที่ระบายอากาศได้สูงซึ่งโอบรับเท้าอย่างสบายยังเป็นสีที่เข้าคู่กันได้ง่าย เป็นรุ่นที่นอกจากสามารถรองรับนักวิ่งที่มีรูปเท้ามาตรฐาน แล้วยังรองรับนักวิ่งที่มีเท้ากว้างอีกด้วย

HOKA Clifton 9

ราคาอย่างเป็นทางการบนเว็บไซต์คือ 5,290 บาท

“Clifton” ของ HOKA เปิดตัวในปี 2014 เป็นรุ่นยอดนิยมที่ครองตำแหน่งยอดขายดีที่สุดทั่วโลก และเป็นรุ่นแรกที่มีพื้นรองเท้าชั้นกลางหนาปานกลาง

Clifton 9 เป็นเจนเนอเรชั่นที่ 9 ซึ่งเปิดตัวในฤดูใบไม้ผลิปี 2023 ได้ทำการอัพเกรดการรองรับแรงกระแทก และความเบา เพื่อให้ใส่สบายขึ้น ในขณะที่เพิ่มความสูงของพื้นรองเท้าชั้นกลางขึ้น 3 มม. จากพื้น พื้นรองเท้ามีน้ำหนักเบา และใช้โฟมแบบใหม่ที่มีความสมดุลของการรองรับแรงกระแทก แรงส่งที่ดี

พื้นรองเท้าชั้นนอกได้รับการออกแบบใหม่เพื่อความทนทานที่ดีขึ้น นอกจากนี้ ส่วนบนที่เพรียวบางยังช่วยลดการทับซ้อนของวัสดุและส่วนที่เป็นจีบ รูปร่างส้นรองเท้าที่ให้ความรู้สึกสบายเท้า แผงส้นสะท้อนแสง และโครงสร้างที่มีเป้ากางเกงด้านในเท่านั้นเพื่อป้องกันไม่ให้ลิ้นรองเท้าลื่นไถล

ที่มา – kakakumag