เคยคิดกันไหมว่าชีวิตในอนาคต 10 ปีข้างหน้าชีวิตเราจะเป็นอย่างไร มันอาจไกลเกินไปที่จะคาดเดา ต่อให้วางระบบการใช้ชีวิตเพื่ออนาคตเอาไว้ อนาคตก็อาจเปลี่ยนแปลงได้ตามปัจจัยภายนอกรวมถึงตัวเราที่อาจจะมีจุดพลิกผันในชีวิต นั่นเท่ากับไม่มีใครมั่นใจได้ว่า อีกหนึ่งปีข้างหน้า หรืออีก 10 ปีข้างหน้าจะเป็นอย่างไร

เพียงแต่บทความนี้มีเคล็ดลับให้คุณมองเห็นอนาคต  4 เคล็ดลับที่จะเป็นตัวแปรสำคัญกับชีวิต ภาพนิมิตของอนาคตตัวเองจะลอยออกมาโดยไม่ต้องใช้คัมภีย์เล่มไหนเลย

เรื่องราวของชีวิตเราผ่านไปทุกวินาที ควรทราบตรงนี้ว่าจงใช้เวลาอย่างคุ้มค่าและไม่เปลืองร่างกายมากเกินไปนัก ซึ่งหากคุณใช้วันนี้เพื่อทำเหมือนปีที่แล้ว อนาคตก็คงทำไม่ต่างกันกับวันนี้ที่ยังทำเหมือนอดีต ซึ่งนั่นไม่ต่างกับการมีชีวิตเพียงแค่ปีเดียวและใช้มันซ้ำไปซ้ำมาจนวันจนท้ายของชีวิต มันช่างไม่คุ้มค่าและออกจะดูน่าเบื่อใช่ไหมล่ะ 4 เคล็ดลับต่อไปนี้จะช่วยในการทำความเข้าใจอนาคตที่จะมาถึง และช่วยปรับทัศนคติให้กับตัวเราในวันที่ทุกอย่างยังไม่เข้าที่เข้าทาง

การเรียนรู้

หากตอนนี้คุณมีความมุ่งหวังที่จะเรียนรู้สิ่งใดอย่างขมักเขม้น สิ่งนั้นจะกลายเป็นอาวุธติดตัวคุณไปตลอด เคล็ดลับนี้ทำให้เราสามารถเห็นอนาคตอันใกล้ได้ดี เพราะชีวิตอาจขึ้นอยู่กับสิ่งที่คุณกำลังตามหา ซึ่งในโลกของการทำงาน การเสริมทักษะดูจะเป็นสิ่งที่จำเป็นอย่างมาก ไม่ว่าจะเป็นการทำงานเป็นทีมหรือทำงานคนเดียว การแก่งแย่งชิงดีในทุกสถานที่เกิดขึ้นอยู่ตลอดเวลา และนั่นหมายถึงคนที่มีทักษะน้อยกว่าย่อมตกเป็นรองอีกฝ่ายที่มีทักษะยอดเยี่ยมกว่า เช่นเดียวกันทักษะการเลียแข้งเลียขาก็ถือเป็นทักษะหนึ่ง เพียงแต่หากคุณเรียนรู้ทักษะนี้และใช้มันได้อย่างคล่องแคล่ว อนาคตก็คงไม่ต้องเดากันให้ยุ่งยาก เพราะฉะนั้นเรียนรู้ทักษะที่เหมาะสมกับตัวเราจะส่วนหนึ่งที่จะทำให้เรากลายเป็นคนแบบนนั้นในอนาคต

เรื่องที่หมกมุ่น

การขลุกตัวอยู่กับอะไรบางอย่างนานๆ เรามักจะได้รับอิทธิพลจากสิ่งนั้นมาโดยไม่รู้ตัว มันอาจส่งผลดีหรือผลเสียได้เหมือนกัน แต่นั่นจะส่งผลต่อคุณเป็นอย่างมาก คนที่บ้างานมากเกินไป ชีวิตมีแต่การทำงานเพื่อหาเงินให้ได้เยอะๆ พวกเขามักจะมีปัญหาเรื่องของครอบครัวหรือมีปัญหาเรื่องการปฏิสัมพันธ์กับผู้อื่น เราลองย้อนกลับมองตัวเองในสามเดือนที่ผ่านมาเราหมกมุ่นอยู่กับสิ่งไหน แล้วตอนนี้ยังทำมันอยู่หรือไม่ หากยังวนเวียนอยู่กับมัน นั่นอาจหมายถึงสิ่งนั้นคือสิ่งที่จะอยู่กับคุณไปอีกนาน เมื่อรู้แบบนี้แล้ว หากมันเป็นเรื่องไม่ดีเท่าไหร่ ไม่ทำให้ชีวิตของเราไปข้างหน้า ก็ควรเปลี่ยนมันได้แล้ว ไม่งั้นอาจส่งผลและผสมกับตัวเราจนเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตโดยไม่รู้ตัว

เพื่อนที่คบ

เรื่องนี้ถือเป็นเรื่องใหญ่มาก เพราะมนุษย์ทุกคนล้วนต้องการสังคม แม้แต่คนที่ชอบอยู่คนเดียวก็ตาม(introvert) ความสำเร็จในอนาคตขึ้นอยู่กับเรื่องนี้ สังคมที่เราอยู่จะช่วยผลักดันเราไปข้างหน้าหรือย่ำอยู่กับที่ก็ขึ้นอยู่กับคนที่อยู่รอบตัว นี่คือเรื่องสำคัญที่พ่อแม่ของเรามักอยากให้เราไปอยู่ในโรงเรียนที่ดี ในสังคมที่ดี เพื่อที่จะได้มีโอกาสในความก้าวหน้า ได้เจอคนที่จะนำพาเรื่องราวที่ดีมาให้ แต่ต่อให้สถานที่ดีแค่ไหน คนที่อยู่ในนั้นก็อาจไม่ใช่คนในแบบที่เราต้องการทุกคน เราจึงต้องเลือกเพื่อนหรือคนใกล้ตัวที่จะนำพาเรื่องราวดีๆมาสู่เราไปตลอดชีวิต

วิธีคิด

ปัจจัยหลักที่สามารถพูดได้เต็มปากเลยว่าชีวิตจะดีหรือจะแย่ขึ้นอยู่กับสิ่งนี้เป็นหลัก อุปสรรคมากมายจะถาโถมเข้ามาในทุกท่วงทำนองของชีวิต ซึ่งหากวิธีคิดของเราเป็นลบ นั่นหมายถึง โอกาสในการมีคุณภาพชีวิตแย่จะทวีขึ้น แต่ก็ใช่ว่าคิดบวกอย่างเดียวจะทำให้ชีวิตดีขึ้น เราจำเป็นต้อง”คิดให้เป็น” จึงจะสามารถรับมือกับสถานการณ์ได้อยู่เสมอ มีเคล็ดลับเรื่องนี้ที่อยากบอกให้ฟัง นั่นคือการอย่าวิตกเมื่อมีสถานการณ์ต่างๆเกิดขึ้น สูดลมหายใจเข้าให้ลึกและนานขึ้น อย่าเกร็งร่างกาย จงผ่อนคลายกับร่างกายทุกส่วนให้ได้มากที่สุด แล้วค่อยคิดหาทางออกหรือทางรอดให้ได้มากหนทางที่สุดโดยเจ็บตัวน้อยที่สุดและที่สำคัญคนที่อยู่ข้างๆต้องปลอดภัยร้อยเปอร์เซ็นต์ การทำแบบนี้จะทำให้เราตั้งวิธีคิดในการหาทางออกได้เร็วขึ้น และสามารถจัดการกับปัญหาได้อย่างรอบคอบที่สุดเท่าที่เวลาจะอำนวย การมีวิธีคิด(Mindset) ที่ดี อนาคตของคุณจะมีแต่โอกาสที่ดีวิ่งเข้าหาเสมอเช่นกัน

4 เรื่องที่ได้กล่าวไปนั้นเป็นตัวกระตุ้นให้เราสามารถเห็นอนาคตของคนๆ นั้นได้อย่างแน่นอน ทั้งในระยะเวลาสั้นและในอนาคตหลายปีข้างหน้า เราหนีจากการกระทำของตัวเองไม่ได้ ร่างกายซึมซับสิ่งที่เราทำอยู่ตลอดเวลา ซึ่งกับบางอย่างเช่นสุขภาพของเรา หากเป็นสายปาร์ตี้ออกดิ้นทุกคืน สิ่งสุดท้ายที่จะต้องหยุดคืออวัยวะในร่างกาย แบบนี้อนาคตก็คงไม่ต้องคาดเดาให้ยุ่งยาก ตัวแปรทั้ง 4 ข้อด้านบนจะกลายเป็นอนาคตของชีวิตเรา จงใช้ปัจจุบันสร้างอนาคตที่ดี ลพกม.