มันแทบเป็นไปไม่ได้เลยที่จะทำตัวสบายๆ นอนเล่นอยู่บ้านแล้วได้สมดั่งหวังในโลกยุคเก่า หากเราไม่ใช่เจ้าขุนมูลนาย ทุกคนต้องดิ้นรนถือเสื่อผืนหมอนใบบากบั่นหาเลี้ยงชีพ ลุยไปในโลกใบใหม่ที่ไม่เคยเจอ มุมานะ อุตสาหะ ทำงานทุกวันเพื่อหาเลี้ยงชีพและครอบครัวโดยไม่มีวันได้พัก
แต่กับโลกในยุคปัจจุบันทุกอย่างแคบลงจนเราสามารถนอนอยู่แต่บนเตียงเพื่อหาเลี้ยงชีพได้ตามต้องการ เพียงแต่หนทางความสำเร็จในการปลดล็อคอิสระของชีวิตในขณะที่ตัวเองนอนอยู่บนเตียงนั้นช่างยากไม่ต่างกัน แต่ก็ไม่ใช่เป็นไปไม่ได้ บทความนี้จะเป็นจุดเริ่มต้นฉบับง่ายๆ เพียง 3 วิธีเท่านั้น ในการเตรียมพร้อมเป็นคนขี้เกียจที่มีพร้อมดั่งที่หวัง
ทำความเข้าใจกันซักเล็กน้อยก่อนเข้าสู่กลเม็ดต่างๆ ในการปลดล็อคชีวิตนี้ไม่ใช่สูตรสำเร็จในการพุ่งสู่ความมั่งคั่ง เป็นเพียงการปลดล็อคสู่อิสระที่คนเราควรได้รับเท่านั้น หากคุณเป็นคนหนึ่งที่ต้องการอยากไปไหนก็ได้ตามต้องการ อยากทำตามอิสระที่หวังไว้ และอยากมีให้คนอื่นมากพอที่จะไม่ทำให้ตัวเองกลับมาเสียดายภายหลัง 3 เคล็ดลับนี้จะช่วยให้คุณปลดล็อคชีวิตให้คุณได้พบว่าการนอนตื่นสายก็ไม่ใช่เรื่องที่แย่อะไรเหมือนดั่งที่โบราณที่เคยกล่าวเอาไว้
อย่าเพิ่งพึ่งพาคนอื่น
สิ่งแรกที่เราจำเป็นที่สุดก่อนที่จะสบายที่สุดย่อมเป็นสิ่งที่ตรงข้ามกัน ทุกอย่างบนโลกล้วนสมดุล อยากสบายก็จำเป็นต้องลำบากก่อน แต่วิธีการลำบากของเรานั้นแสนเรียบง่าย คือ ”รู้ในทุกสิ่ง” อ่านแล้วคงดูยาก เพียงแต่ ในช่วงเวลาแรกที่เรามีกำลังมีแรง เราจำเป็นต้องเรียนรู้ และหาประสบการณ์ คุณไม่จำเป็นต้องทำจนเป็นมืออาชีพหรอก การเป็นมืออาชีพคือการทำซ้ำจนสิ่งที่ทำผสมกลมเกลียวกับร่างกาย จึงกลายเป็นมืออาชีพ ไม่จำเป็นต้องถึงขั้นนั้น เพียงแต่คุณออกไปเรียนไปรู้จิปาถะในเรื่องที่จำเป็นในชีวิต
คนฉลาดจะรู้ว่าควรเรียนรู้สิ่งไหน เช่นหากคุณอยากมีเงินมากมาย จงเรียนรู้เรื่องการขาย การตลาด การเจรจาและการเงิน ลองเรียนรู้เรื่องเหล่านี้ด้วยตัวเอง ลงมือทำเพื่อจะได้คุ้นชิน ที่สำคัญเลยคือ ลงมือทำด้วยตัวเอง อย่าเพิ่งไปพึ่งพาใคร แค่หาลู่ทางไว้ก็พอ ร่างกายจะได้ซึมซับความรู้พวกนั้นอย่างถ่องแท้ และหากคุณทำได้ในสิ่งที่ต้องการโดยไม่จำเป็นต้องยืมมือคนอื่น คนอื่นก็จะยินดีมอบสิ่งที่คุณต้องการให้ เพราะเขารู้ว่าคุณมีสิ่งที่พวกเขาต้องการและคุณทำได้จริง การพึ่งพาที่แท้จริงจะเกิดขึ้นจากจุดนี้ เพราะฉะนั้น อย่าเพิ่งไปพึ่งพาใครในการเริ่มเรียนรู้ จงใช้ทุกอย่างที่ตัวเรามีในการเรียนรู้ก่อน
จงเรียนรู้ทุกวัน
ในฐานะคนขี้เกียจคนหนึ่ง สิ่งที่มีค่ามากกว่าสิ่งไหนคือความรู้ และสิ่งนี้เราหามันได้ฟรีบนเตียงของเราเอง มีผู้ให้มากมายบนโลกยุคใหม่ พวกเขามอบความรู้ผ่านโลกออนไลน์ที่แสนจะเข้าถึงง่าย เราเองอย่าพยายามหาข้ออ้างในการไม่ยอมเรียนรู้ การรับสิ่งใหม่อาจขัดกับธรรมชาติมนุษย์ที่อยากเพียงทำอะไรซ้ำๆ เดิมๆ เพื่อให้ตัวเองเสียพลังงานน้อยที่สุด
เราจงเรียนรู้ทำมันให้เป็นกิจวัตร เปิดฟังตอนเข้าห้องน้ำ เปิดรับมันตอนอารมณ์สุนทรีในอาหารมื้อเช้าที่แสนสบาย หรือฟังเพลินๆ ตอนขับรถไปทำงาน เพราะสุดท้ายสิ่งที่จะได้รับย่อมเป็นความรู้ที่นำมาใช้ได้ในชีวิตจริง การฟังข่าวบันเทิง ซุบซิบดารา หรือข่าวอาชญากรรมย่อมส่งผลร้ายด้านจิตใจมากกว่าหลายเท่า การเรียนรู้เป็นพื้นฐานของความสำเร็จอยู่แล้ว แล้วทำไมถึงหยุดที่จะเรียนรู้ จงเรียนรู้กันไปทุกวันซิ
ใช้สิ่งที่มีบนโลกให้ได้มากที่สุด
สิ่งสำคัญที่สุดในการเป็นคนเก่งที่แสนจะขี้เกียจนั่นคือการใช้ประโยชน์จากอะไรก็ตามบนโลกนี้ได้อย่างดี บางคนอาจจะขี้เกียจลุกจากที่นอน แต่ก็ขยันพอที่จะหยิบโทรศัพท์มาเช็คราคาหุ้นในตอนเช้า บางคนไม่ชอบเดินทางไปทำงาน พวกเขาจึงหาทุกวิธีเพื่อจะได้ทำงานอยู่ที่บ้าน ทุกอย่างล้วนมีประโยชน์ของมัน อยู่ที่เราจะใช่สอยมันยังไง แม้แต่ในหนังเรื่อง Shawshank ตัวเอกของเรื่องยังใช้ช้อนทานข้าวขุดพื้นเพื่อหนีออกมาจากคุกได้ เพราะฉะนั้นมันอยู่ที่เราจะหยิบอะไรมาใช้ให้เกิดประโยชน์กับตัวเองมากที่สุด มากกว่าที่สิ่งๆ นั้นมันเกิดมาเพื่ออะไร คนฉลาดที่ขี้เกียจมักจะเก่งเรื่องนี้ที่สุด เพราะพวกเขามักจะใช้สิ่งรอบกายให้มีประโยชน์สูงสุดอยู่เสมอ แล้วทำไมเราจึงพลาดอะไรบางอย่างไป เพียงเชื่อว่าสิ่งนั่นต้องเป็นแบบนั้นเท่านั้นล่ะ
นี่เป็น 3 เคล็ดลับง่ายๆ ที่คนขี้เกียจใช้สมองในการปลดล็อคอิสรภาพให้กับตัวเอง พวกเขามักจะหาวิธีที่ง่ายกว่าในการลงมือทำเสมอ สตีฟ จ็อบ ผู้ก่อตั้งแอปเปิ้ลก็เคยกล่าวไว้ไม่ต่างกัน เขาจะเลือกคนที่ขี้เกียจ เพราะคนพวกนี้มักจะมีวิธีที่ง่ายกว่าเสมอ แต่ขอเน้นย้ำไว้ก่อนนะครับ ว่าคนขี้เกียจแล้วใช้สมองย่อมต่างกับคนขี้เกียจที่ไม่ยอมทำอะไร เอาแต่พึ่งพาคนอื่นโดยสิ้นเชิง ลพกม.