5 อันดับนักเตะที่ทำประตูได้มากที่สุดในวัย 21 ปี - The Macho
 
Roral Enfield - Hunter 350
728x150 - Nissan Almera
728x150 - Hunter4
5 อันดับนักเตะที่ทำประตูได้มากที่สุดในวัย 21 ปี

สำหรับอาชีพนักฟุตบอลในช่วงอายุ 20 ต้นๆนั้น ถือเป็นช่วงก้าวแรกที่จะได้โอกาสเข้าสู่ทีมชุดใหญ่เพื่อปูเส้นทางของตัวเอง และเมื่อคุณมีพรสวรรค์ และคุณภาพมากพอบางทีก็อาจทำให้ยึดตำแหน่งตัวจริงได้ในทันที

         5 ผู้เล่นต่อไปนี้พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่า เมื่อคุณเก่งพอคุณก็แก่พอที่จะลงเล่นเป็น 11 คนแรก และพวกเขายังทำสถิติเป็นนักเตะที่ระเบิดสกอร์ได้มากที่สุดในวัยเพียง 21 ปีอีกด้วย

5. ไมเคิ่ล โอเว่น (156 เกม ยิง 76 ประตู)

(Source – 365dm)

         ย้อนกลับไปในปี 1996 โอเว่น สร้างปรากฏการณ์ให้กับวงการฟุตบอลเมืองผู้ดีหลังแสดงพรสวรรค์แจ้งเกิดขึ้นมาเล่นกับทีมชุดใหญ่ของ ลิเวอร์พูล ในวัยเพียง 17 ปี เท่านั้น ภายหลัง รอย อีแวนส์ อดีตกุนซือ “หงส์แดง” เป็นคนให้โอกาส

         หัวหอกเจ้าของฉายา “เบบี้โกล” พัฒนาตัวเองจนกลายเป็นกำลังสำคัญในแดนหน้าของ ลิเวอร์พูล และทีมชาติอังกฤษในทันที โดยในวัยเพียง 21 ปี โอเว่น ระเบิดสกอร์ให้กับบ้านเกิด และต้นสังกัดอย่าง “หงส์แดง” ไปถึง 76 ประตู

         ในปี 2004 โอเว่น ซึ่งเป็นเด็กลูกหม้อขนานแท้ของ ลิเวอร์พูล สร้างความเจ็บใจให้กับสาวก “เดอะ ค็อป” อย่างมากหลังย้ายไปร่วมทีม เรอัล มาดริด ด้วยค่าตัวเพียง 8 ล้านปอนด์ แต่เขาไม่ประสบความสำเร็จมากนักกับ “ราชันชุดขาว” และย้ายกลับมาเล่นกับ นิวคาสเซิ่ล, แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด และแขวนสตั๊ดกับ สโต๊ค ซิตี้ ในปี 2013

4. เซอร์คิโอ อเกวโร่ (213 เกม ยิง 84 ประตู)

(Source – 365dm)

         สิ่งที่น่าเหลือเชื่อก็คือ อเกวโร่ ลงเล่นฟุตบอลอาชีพเป็นครั้งแรกในวัยเพียง 15 ปี กับ 35 วันเท่านั้น หลังได้ประเดิมสนามให้กับ อินดิเพนเต้ ในอาร์เจนติน่าบ้านเกิดเมื่อปี 2003 หลังจากนั้น เขาก็ค่อยๆพัฒนาตัวเองจนกลายเป็นหัวหอกคนสำคัญของสโมสร

         ในปี 2006 อเกวโร่ ย้ายมาสร้างชื่อในยุโรปกับ แอตเลติโก มาดริด และก็ทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมด้วยการพาพลพรรค “ตราหมี” คว้าถ้วยยูโรป้า ลีก 1 สมัย โดยตลอด 5 ปีกับสโมสรเจ้าตัวลงเล่นไปมากกว่า 230 เกมเลยทีเดียว

         ซัมเมอร์ปี 2011 อเกวโร่ ย้ายจาก แอตฯ มาดริด มากอบโกยความสำเร็จกับ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ด้วยการคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีก 5 สมัย และอำลา “เรือใบสีฟ้า” หลังหมดสัญญากลับมาเล่นในสเปนกับ บาร์เซโลน่า เมื่อปี 2021

3. คิเลียน เอ็มบั๊บเป้ (199 เกม ยิง 116 ประตู)

(Source – 365dm)

        สุดยอดกองหน้าดาวรุ่งแห่งยุคปัจจุบัน เอ็มบั๊บเป้ เป็นเด็กปั้นในอคาเดมี่ของ โมนาโก และก้าวขึ้นมาแจ้งเกิดกับทีมชุดใหญ่ได้สำเร็จในปี 2015 โดยดาวยิงเฟรนช์แมน ค้าแข้งกับ โมนาโก นาน 3 ฤดูกาลก่อนจะย้ายไปเล่นกับคู่แข่งร่วมลีกอย่าง ปารีส แซงต์ แชร์กแมง ด้วยค่าตัว 145 ล้านยูโร

         ณ เวลานี้ เอ็มบั๊บเป้ ในวัยเพียง 22 ปี กลายเป็นกองหน้าที่สมบูรณ์แบบที่สุดของหนึ่งของวงการลูกหนังยุโรป เขามีทั้งความเร็ว เทคนิค การสร้างสรรค์เกม และการจบสกอร์ที่เฉียบขาด ซึ่งคุณสมบัติที่กล่าวมาทำให้เจ้าตัวได้รับการยกย่องอย่างมาก

          เอ็มบั๊บเป้ เหลือสัญญาฉบับปัจจุบันกับ เปแอสเช เพียงปีเดียวเท่านั้น และยังไม่มีท่าทีว่สเจ้าตัวจะตัดสินใจอย่างไรต่อไป โดยมี เรอัล มาดริด กำลังจับตามองสถานการณ์อย่างใกล้ชิด

2. เนย์มาร์ (227 เกม ยิง 140 ประตู)

(Source – 365dm)

        นักเตะค่าตัวแพงที่สุดของโลกในยุคนี้ เนย์มาร์ แจ้งเกิดขึ้นมากับ ซานโตส ก่อนจะย้ายมาเล่นในยุโรปกับ บาร์เซโลน่า เมื่อปี 2013 และสร้างชื่อด้วยการพาพลพรรค “เจ้าบุญทุ่ม” คว้าแชมป์ลา ลีกา 3 สมัย, ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก 1 สมัย และแชมป์สโมสรโลก 1 สมัย

         ในปี 2017 เนย์มาร์ สร้างเรื่องสุดช็อกให้กับวงการฟุตบอลหลังย้ายออกจากถิ่นคัมป์ นู มาเล่นกับ ปารีส แซงต์ แชร์กแมง ด้วยค่าตัวมหาศาลถึง 222 ล้านยูโร พร้อมกับเป็นกำลังสำคัญช่วยให้ เปแอสเช กวาดแชมป์ลีก เอิง ได้ถึง 3 สมัย

         ดาวยิงทีมชาติบราซิลในวัย 29 ปี เพิ่งตัดสินใจจรดปากกต่อสัญญาฉบับใหม่กับ เปแอสเช ออกไป ซึ่งทให้เขาจะค้าแข้งอยู่ในถิ่น ปาร์ค เด แพรงซ์ นานถึงปี 2025 เลยทีเดียว

1. โรนัลโด้ (185 เกม ยิง 167 ประตู)

(Source – daznservices)

        สุดยอดกองหน้าเบอร์หนึ่งของโลก และหนึ่งในนักเตะที่ดีที่สุดของโลกในยุค 90 แน่นอนว่า ไม่มีใครกล้าปฏิเสธความสุดยอดของดาวเตะเจ้าของฉายา “โล้นทองคำ” รายนี้ หลังจากเข้าแจ้งเกิดกับ ครูเซโร่ ในลีกบ้านเกิด

         ย้อนกลับไปในปี 1994 โรนัลโด้ ย้ายมาเขย่าวงการลูกหนังยุโรปกับ พีเอสวี ไอนด์โอเฟ่น จากนั้น ย้ายไปสร้างชื่อกับ บาร์เซโลน่า, อินเตอร์ มิลาน, เรอัล มาดริด และ เอซี มิลาน โดยเจ้าตัวประสบความสำเร็จมากมายตลอดเส้นทางอาชีพนักฟุตบอล

         ในปี 2009 อดีตหัวหอกทีมชาติบราซิลย้ายกลับไปเล่นใสนบ้านเกิดกับ โครินเธียนส์ ก่อนจะประกาศอำลาสนามเมื่อปี 2011

ภาพประกอบ : skysports.com, goal.com

Che Navapun

บทความที่เกี่ยวข้อง

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

Allow All
Manage Consent Preferences
  • Always Active

Save