เมื่อวันที่ 8 ต.ค. 2021 มีเหตุการณ์ใหญ่ที่สะเทือนวงการฟุตบอลทั่วโลก และโดยเฉพาะอย่างยิ่งในศึกพรีเมียร์ ลีกอังกฤษ ก็คือ กลุ่มทุนจากซาอุดิอาระเบีย ในนาม “พับบลิค อินเวสต์เมนต์ ฟันด์” ที่มี โมฮัมเหม็ด บิน ซัลมาน มกุฎราชกุมารแห่งประเทศซาอุดิอาระเบียเป็นผู้บริหารนั้น เข้ามาเทคโอเวอร์สโมสร นิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด ต่อจาก ไมค์ แอชลีย์ ด้วยจำนวนเงินมูลค่ามหาศาลถึง 305 ล้านปอนด์

         ตลอด 14 ปีที่ผ่านมา นิวคาสเซิ่ล ภายใต้การดูแลของ แอชลีย์ เรียกได้ว่า เป็นทีมระดับกลางๆ และไม่มีเงินเสริมทัพต่อกรกับบรรดาสโมสรยักษ์ใหญ่ได้เลย รวมถึงยังเคยตกชั้นจากพรีเมียร์ลีก ไปเล่นในศึกเดอะ แชมเปี้ยนชิพ อังกฤษ ส่วนเรื่องถ้วยรางวัลสาวก “ทูน อาร์มี่” ส่วนใหญ่ไม่เคยคิดถึงมันเลย

         ในเวลานี้ นิวคาสเซิ่ล กลายเป็นสโมสรฟุตบอลที่รวยที่สุดในโลกไปเรียบร้อยแล้ว ซึ่งทำให้แฟนบอลมีความสุขอย่างมาก และนับจากนี้ไปพลพรรค “สาลิกาดง” ในยุคนายทุนใหม่ก็เริ่มมองถึงโปรเจกต์ไล่ล่าความสำเร็จกันแล้ว

โมฮัมเหม็ด บิน ซัลมาน คือใคร ?

         โมฮัมเหม็ด บิน ซัลมาน เป็นมกุฎราชกุมารแห่งประเทศซาอุดิอาระเบีย ที่มีทรัพย์สินมูลค่ามหาศาลมูลค่าถึง 3.2 แสนล้านปอนด์ หรือถ้าแปลงเป็นเงินไทยก็ประมาณ 14.72 ล้านล้านบาทเลยทีเดียว ซึ่งเรียกได้ว่า บิน ซัลมาน นั้น รวยกว่า ชีค มันซูร์ เจ้าของ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ 10 เท่า และรวยกว่ากว่า นาสเซอร์ อัล เคไลฟี่ เจ้าของ ปารีส แซงต์-แชร์กแมง ถึง 50 เท่าเลยทีเดียว

         ก่อนหน้านี้ในเดือนกรกฎาคมปี 2020 บิน ซัลมาน ในนามกลุ่ม “พับบลิค อินเวสต์เมนต์ ฟันด์” หรือ PIF พยายามยื่นข้อเสนอเทคโอเวอร์มาครั้งหนึ่งแล้ว และ แอชลีย์ ก็ตอบรับข้อเสนอด้วย แต่สุดท้ายการเจรจาก็ล่มไป เนื่องจากพวกเขาถูกต่อต้านในหลายเรื่อง อาทิ การละเมิดลิขสิทธิ์ ซึ่ง PIF ตกเป็นข่าวว่า มีส่วนเกี่ยวข้องกับ beoutQ สถานีโทรทัศน์ซาอุดิอาระเบีย ที่ละเมิดลิขสิทธิ์ถ่ายทอดสดกีฬาทั่วโลกมากมาย และหนึ่งในนั้นคือ พรีเมียร์ลีก อังกฤษ ด้วย

         อย่างไรก็ตาม ในที่สุด พรีเมียร์ลีก ก็รับรองการเทคโอเวอร์ของ PIF กับ นิวคาสเซิ่ล เป็นทางการเรียบร้อยแล้ว ซึ่งเท่ากับว่าในตอนนี้ “สาลิกาดง” มีเงินทุนทหาศาลมากพอที่จะจ้างผู้จัดการทีมระดับโลก และซื้อนักเตะชั้นนำเข้ามาเสริมทัพในอนาคต

เป้าหมายของ นิวคาสเซิ่ล

         แน่นอนว่า ในเวลานี้เป้าหมายของ นิวคาสเซิ่ล ไม่ใช่แค่การอยู่รอดในพรีเมียร์ลีกอีกแล้ว พวกเขาสามารถมองไปได้ไกลถึงโควต้าฟุตบอล ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก หรือบางทีอาจก้าวขึ้นมาท้าท้ายแชมป์ลีกกับทีมอย่าง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด, เชลซี, ลิเวอร์พูล และ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ก็ได้

ขณะเดียวกัน สตีฟ บรูซ กุนซือคนปัจจุบัน นิวคาสเซิ่ล ก็รู้อยู่เต็มอกว่า อนาคตของตัวเองในถิ่น เซนต์ เจมส์ ปาร์ค ไม่แน่นอนอีกแล้ว โดย PIF ตกเป็นข่าวว่า จะเริ่มเปลี่ยนตัวเทรนเนอร์เป็นอันดับแรก ซึ่งรายชื่อที่พวกเขาให้ความสนใจก็คือบิ๊กเนมอย่าง ซีเนดีน ซีดาน อดีตนายใหญ่ เรอัล มาดริด และ อันโตนิโอ คอนเต้ อดีตโค้ช อินเตอร์ มิลาน

         นอกจากกุนซือแล้ว นักเตะระดับโลกก็เป็นสิ่งที่ PIF ต้องการ ซึ่งบรรดาแข้งอย่าง คีลิยัน เอ็มบัปเป้, หัวหอก เปแอสเช, เออร์ลิง ฮาแลนด์ กองหน้า โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์,  ฟิลิปเป้ คูตินโญ่ และ มาร์ค-อันเดร แทร์ สเตเก้น  2 นักเตะ บาร์เซโลน่า, มิลาน สคริเนียร์ และ เลาตาโร่ มาร์ติเนซ 2 คีย์แมน อินเตอร์ และ อารอน แรมซีย์ มิดฟิลด์ ยูเวนตุส ก็อยู่ในลิสต์ที่พวกเขาอยากได้มาเล่นกับ นิวคาสเซิ่ล

อนาคตของวงการฟุตบอล

         ในอีก 1-2 ปีข้างหน้า นิวคาสเซิ่ล อาจไม่ต้องมานั่งลุ้นหนักในเกมที่ต้องเจอกับทีมอย่าง นอริช ซิตี้, แอสตัน วิลล่า, หรือ เซาธ์แฮมตัน อีกแล้ว พวกเขาอาจเป็นคู่แข่งที่สมน้ำสมเนื้อของ แมนฯ ยูไนเต็ด, เชลซี, ลิเวอร์พูล หรือ แมนฯ ซิตี้ ก็ได้

         ขณะเดียวกัน นิวคาสเซิ่ล อาจจะขยับไปขับเคี่ยวกับยอดทีมในยุโรปอย่าง เปแอสเช, บาเยิร์น มิวนิค, มาดริด หรือ บาร์เซโลน่า ซึ่งมันเกิดขันได้จากพลังเงินของกลุ่มทุนซาอุฯ PIF ที่เข้ามาเนรมิตรพวกเขาให้ความฝันอาจจะกลายเป็นความจริง

         ปัจจุบันวงการฟุตบอลเป็นธุรกิจที่มีมูลค่ามหาศาล และในอนาคตมูลค่าของวงการลูกหนังก็จะยิ่งเพิ่มขึ้นไปอีกหลายเท่าตัว ดังนั้น ปฎิเสธไม่ได้เลยว่า สโมสรที่มีเงินทุนมากพอในการบริหารจัดการทีมนั้น ก็ย่อมได้เปรียบกว่าสโมสรที่ต้องดิ้นรนเรื่องการเงิน และต่อไปเราอาจได้เห็นทีมมหาเศรษฐีรายใหม่เกิดขึ้นอีกก็เรื่อยๆก็ได้