ในปัจจุบัน เบลเยียม เป็นชาติลำดับต้นๆของยุโรปในการผลิตนักฟุตบอลฝีเท้าดีออกไปค้าแข้งกับหลายสโมสรทั่วโลก และพวกเขาก็มีนักเตะเดินตามรอยกันมาแบบไม่ขาดสานจนกลายเป็นทีมชาติชั้นนำของวงการฟุตบอลไปแล้ว

10 สุดยอดแข้งชาวเบลเยียมทั้งหมดนี้ได้รับการประเมินมูลค่าว่า เป็นนักเตะที่แพงที่สุดในชาติของตัวเอง ซึ่งดูจากชื่อแต่ละคนแล้วเป็นผู้เล่นที่คอบอลคุ้นเคยกันเป็นอย่างดี

10. แด็นนิส ปราต (เลสเตอร์ ซิตี้)

       ปราต เริ่มต้นค้าแข้งกับ อันเดอร์เลชท์ ในบ้านเกิด และลงสนามไปรวมทุกรายการมากกว่า 180 เกมก่อนจะย้ายไปเล่นในอิตาลีกับ ซามพ์โดเรีย ในปี 2016-2019 โดยรับใช้พลพรรค “ลา ซามพ์” ไปเกิน 100 เกม ซัดไป 4 ประตู

        หลังเล่นกับ ซามพ์โดเรีย นาน 3 ฤดูกาล มิดฟิลด์วัย 27 ปี ก็ย้ายมาค้าแข้งในอังกฤษกับ เลสเตอร์ ซิตี้ ภายใต้การนำทัพของ แบรนแดน ร็อดเจอร์ส กุนซือชาวไอร์แลนด์เหนือ และกลายเป็นคีย์แมนในแดนกลางของ “สุนัขจิ้งจอก” ทันที

        ปราต เล่นให้ เลสเตอร์ ไปแล้ว 60 เกม ซัดไป 3 ประตู โดยปัจจุบันเขาถูกประเมินค่าตัวไว้ที่ 19 ล้านปอนด์

9. ทิโมธี คาสตาญ (เลสเตอร์ ซิตี้)

       คาสตาญ เริ่มเล่นฟุตบอลกับ เกงค์ ก่อนจะย้ายไปพัฒนาฝีเท้า และสร้างชื่อจนโด่งดังกับ อตาลันต้า ในศึกกัลโช่ เซเรีย อา อิตาลี โดยเจ้าตัวลงเล่นให้กับพลพรรค “ลา เดีย” ไปถึง 96 เกม ซัดไป 8 ประตู ในช่วงปี 2017-2020

       ดาวเตะสารพัดประโยชน์วัย 25 ปี ซึ่งเล่นได้ทั้งกองกลาง และฟูลแบ็ค ย้ายมาเล่นกับเมื่อซัมเมอร์ที่ผ่านมา และตอนนี้เขาก็ยึดตำแหน่งตัวจริงในทัพ “สุนัขจิ้งจอก” ไปเรียบร้อยแล้ว และ ณ เวลานี้ เขาถูกประเมินมูลค่าไว้ที่ 21 ล้านปอนด์

8. ยานนิค การ์ราสโก้ (แอตเลติโก มาดริด)

       ตัวรุกวัย 27 ปี มีเส้นทางอาชีพที่ค่อนข้างแปลกพอสมควร เขาเริ่มค้าแข้งกับอคาเดมี่ของ เกงค์ ก่อนจะย้ายไปเล่นในฝรั่งเศสกับ โมนาโก ในระหว่างปี 2010-2015 และทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมโดยลงสนามไป 105 เกม ซัดไป 20 ประตู

        จากนั้น การ์ราสโก้ ก็ย้ายไปเล่นในสเปนกับ แอตเลติโก มาดริด ด้วยค่าตัวราว 20 ล้านปอนด์ และก็ถือว่าประสบความสำเร็จอย่างมากด้วยการคว้าแชมป์ลา ลีกา 1 สมัย และแชมป์ยูโรป้า ลีก 1 สมัย ก่อนจะข้ามฟากไปเล่นในไชนีส ซุเปอร์ลีกกับ ต้าเหลียน โปรเฟสชั่นแนล แบบสุดเซอร์ไพรส์

        อย่างไรก็ตาม การ์ราสโก้ ไม่ประสบความสำเร็จกับการเล่นในจีน และก็เป็น แอตฯ มาดริด ยืมตัวเขากลับมาร่วมทีมอีกครั้งก่อนจะเซ็นสัญญาถาวรในเวลาต่อมา และล่าสุดเขาถูกประเมินมูลค่าไว้ที่ 27 ล้านปอนด์

7. เลอันเดร์ เดนดองเคอร์ (วูล์ฟแฮมป์ตัน)

       หนึ่งในนักเตะอันเดอร์เรตของทีมชาติเบลเยียม เดนดองเคอร์ เริ่มเล่นฟุตบอลกับ อันเดอร์เลชท์ โดยลงเล่นไปมากถึง 171 เกม ซัดไป 11 ประตู ตลอด 5 ปีกับสโมสรจากนั้นในปี 2018 เขาก็ย้ายมาเล่นในอังกฤษกับ วูล์ฟแฮมป์ตัน ด้วยสัญญายืมตัว

        หลังจากทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยม วูล์ฟแฮมป์ตัน ก็ซื้อตัว เดนดองเคอร์ มาเสริมทัพเป็นการถาวรในราคา 15 ล้านปอนด์ และเจ้าตัวก็กลายเป็นกำลังสำคัญคอยปัดกวาดเกมหน้าแผงแนวรับให้กับ “หมาป่า” จนถึง ณ เวลานี้ โดยถูกประเมินมูลค่าไว้ที่ 28 ล้านปอนด์

6. ธอร์กกาน อาซาร์ (โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์)

       สิ่งที่น่าแปลกใจก็คือ ธอร์กกาน ซึ่งเป็นน้องชายของ เอเด็น อาซาร์ ตัวรุก เรอัล มาดริด นั้น ไม่ได้เริ่มเล่นฟุตบอลในบ้านเกิด ซึ่งเขาอยู่ในอคาเดมี่ของ ล็องส์ ในฝรั่งเศสก่อนจะย้ายไปยัง เชลซี ในปี 2012 แต่เจ้าตัวก็ไม่ประสบความสำเร็จกับทัพ “สิงโตน้ำเงินคราม” และถูกปล่อยออกไปด้วยสัญญายืมตัวกับหลายๆทีม

       อย่างไรก็ตาม จอมทัพวัย 28 ปี กู้เส้นทางอาชีพของตัวเองกลับมาอีกครั้งกับ โบรุสเซีย มึนเช่นกลัด บลัค ในช่วงปี 2015-2019 โดยลงเล่นไปมากกว่า 180 เกม ซัดไปถึง 46 ประตู ก่อนจะย้ายไปยัง โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์

        ในเวลานี้ ธอร์กกาน กลายเป็นเพลย์เมคเกอร์คนสำคัญของ ดอร์ทมุนด์ ไปแล้ว โดยลงสนามให้ “เสือเหลือง” ไป 70 เกม ยิงไป 11 ประตู และถูกประเมินมูลค่าไว้ที่ 28 ล้านปอนด์

5. ยูรี ตีเลอมันส์ (เลสเตอร์ ซิตี้)

        อีกหนึ่งนักเตะชาวเบลเยียมของ เลสเตอร์ ซิตี้ โดย ตีเลอมันส์ ได้รับการยกย่องว่า เป็นดาวรุ่งที่มีพรพสวรรค์ลำดับต้นๆในวงการฟุตบอลยุโรปเลยก็ว่าได้ ซึ่งหลังจากเริ่มค้าแข้งกับ อันเดอร์เลชท์ เขาก็ไปพัฒนาฝีเท้ากับ โมนาโก และย้ายมา “สุนัขจิ้งจอก” เมื่อปี 2018

        ดาวเตะวัย 24 ปี เป็นกองกลางที่สมบูรณ์แบบไม่ว่าจะเป็นการผ่านบอล, การครองบอล, การอ่านเกม, เทคนิค รวมถึงวิสัยทัศน์ของเขานั้นสุดยอดมาก และเจ้าตัวจะก้าวขึ้นไปเป็นนักเตะระดับโลกได้ไม่ยาก โดยเวลานี้ เขาถูกประเมินมูลค่าไว้ที่ 45 ล้านปอนด์

4. เอเด็น อาซาร์ (เรอัล มาดริด)

       หลังประสบความสำเร็จกับ ลีลล์ ด้วยการคว้าแชมป์ลีกเอิง 1 สมัย อาซาร์ ก็ย้ายมาเล่นกับ เชลซี ในปี 2012 และก็กลายเป็นคีย์แมนในเกมรุกของทีมทันทีโดยเจ้าตัวพา “สิงโตน้ำเงินคราม” คว้าแชมป์พรีเมียร์ลีก 2 สมัย และยูโรป้า ลีก 2 สมัย ตลอด 7 ปี

        ในปี 2019 ตัวรุกวัย 30 ปี ก็ย้ายมาเล่นกับ เรอัล มาดริด ด้วยค่าตัวถึง 120 ล้านปอนด์ พร้อมกับถูกวางไว้เป็นตัวแทนของ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ที่ย้ายไป ยูเวนตุส แต่น่าเสียดายที่ อาซาร์ โดนอาการบาดเจ็บเล่นงานจนแทบไม่ได้ลงสนามมากนัก

        จนถึงตอนนี้ อาซาร์ ลงเล่นให้ มาดริด ไปเพียง 45 เกมเท่านั้น ซัดไป 5 ประตู และเจ้าตัวยังต้องพิสูจน์ตัวเองกับ “ราชันชุดขาว” อีกครั้ง และมูลค่าของเขาก็อยู่ที่ 45 ล้านปอนด์

3. ธิโบต์ กูร์ตัวส์ (เรอัล มาดริด)

        นายทวารมือ 1 ทีมชาติเบลเยียม เริ่มต้นเฝ้าเสากับอคาเดมี่ของ เกงค์ ก่อนจะย้ายไป เชลซี ในปี 2011 แต่เขาก็ถูกปล่อยให้กับ แอตฯ มาดริด ยืมตัวไปใช้งานทันทีนานถึง 3 ฤดูกาลเต็ม ซึ่ง กูร์ตัวส์ ก็พา “ตราหมี” คว้าแชมป์ลาลีกา 1 สมัย และยูโรป้า ลีก 1 สมัย

        ในปี 2014 กูร์ตัวส์ หวนกลับไปที่ เชลซี อีกครั้งในฐานะมือ 1 และเจ้าตัวก็พา “สิงโตน้ำเงินคราม” คว้าแขมป์พรีเมียร์ลีก 2 สมัย ก่อนะย้ายมาเฝ้าเสากับ มาดริด ในปี 2018 จนถึง ณ เวลานี้ โดยถูกประเมินมูลค่าไว้ที่ 67 ล้านปอนด์

2. โรเมลู ลูกากู (อินเตอร์ มิลาน)

       ลูกากู โด่งพังเป็นพลุแตกตั้งแต่สมัยเป็นเยาวชนกับ อันเดอร์เลชท์ แล้ว และ เชลซี ก็รีบคว้าตัวเขามาล่าตาข่ายในปี 2011 ก่อนจะปล่อยให้ เวสต์บรอมวิช อัลเบี้ยน ยืมไปใช้งานต่อด้วย เอฟเวอร์ตัน และขายขาดให้ “ทอฟฟี่สีน้ำเงิน” ในปี 2014

        ลูกากู ระเบิดฟอร์มกับ เอฟเวอร์ตัน ได้อย่างสุดยอดจึงทำให้ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ทุ่มเงินมหาศาลถึง 75 ล้านปอนด์คว้าตัวเขาไปร่วมทีม แต่น่าเสียดายที่เจ้าตัวไม่ประสบความสำเร็จนักตลอด 2 ฤดูกาลกับ “ปีศาจแดง”

       อย่างไรก็ตาม หัวหอกวัย 28 ปี เรียกฟอร์มเก่งกลับมาได้อีกครั้งหลังย้ายมาเล่นกับ อินเตอร์ มิลาน ในปี 2018 และเพิ่งพา “งูใหญ่” คว้าแชมป์กัลโช่ เซเรีย อา ในรอบ 10 ปีของสโมสรได้สำเร็จด้วย โดยตอนนี้ถูกประเมินมูลค่าไว้ที่ 81 ล้านปอนด์

 1. เควิน เดอ บรอยน์ (แมนเชสเตอร์ ซิตี้)

       สุดยอดจอมทัพแห่งวงการฟุตบอลยุคปัจจุบัน เดอ บรอยน์ เป็นเด็กปั้นของ เกงค์ และทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมจนไปเตะตาแมวมอง เชลซี จึงทำให้เขาได้ย้ายมาเล่นในถิ่นสแตมฟอร์ด บริดจ์ เมื่อปี 2012 ด้วยค่าตัว 7 ล้านปอนด์

        หลังย้ายมา เชลซี เดอ บรอยน์ ก็ถูกปล่อยให้ แวรเดอร์ เบรเมน ยืมตัวไปใช้งาน 1 ฤดูกาล และเจ้าตัวก็กลับไปที่ “สิงโตน้ำเงินคราม” อีกครั้งแต่ไม่มีโอกาสลงสนามจึงถูกขายให้กับ โวล์ฟบวร์ก ในปี 2013 ด้วยค่าตัว 18 ล้านปอนด์

เดอ บรอยน์ ทำผลงานให้กับ โวล์ฟบวร์ก ได้อย่างสุดยอดตลอด 3 ซีซั่นกับทีม และในปี 2015 แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ก็ทุ่มเงิน 55 ล้านปอนด์ คว้าตัวเขามาเสริมทัพจนกลายเป็นคีย์แมนของสโมสรจนถึงตอนนี้พร้อมกับประสบความสำเร็จมากมาย ซึ่งเจ้าตัวถูกประเมินมูลค่าไว้ที่ 108 ล้านปอนด์เลยทีเดียว

ภาพประกอบ : bt.com, world-today-news.com, skysports.com, eurosport.com