หัวใจของกุนซือเจอร์เก้น คล็อปป์ในตอนนี้ คงอยากร้องตะโกนดังๆ โหวกเหวกโวยวายกับผลงานของทีมที่ย่ำกลับไปเหมือนก่อนที่จะได้แชมป์ครั้งประวัติศาสตร์แรกของสโมสรลิเวอร์พูล ทั้งๆ ที่เวลาเพิ่งผ่านมาเพียงปีเดียวเท่านั้น

หากมองย้อนไปกับสิ่งที่ผ่านมาในฤดูกาลนี้ คงพอจะโทษโชคชะตาที่เล่นตลกได้อยู่ไม่น้อย เนื่องจากนักเตะตัวสำคัญต่างเดินเข้าโรงหมอกันเป็นว่าเล่น และระยะเวลาในการรักษาใช้เวลานาน จากแผลเล็กของทีมกลายเป็นค่อยๆเหวอะหวะจนไม่สามารถรักษาเข็มขัดแชมป์เก่าเอาไว้ได้

ไม่ใช่เพียงแค่แชมป์เท่านั้นที่ขึ้นป้องกันไม่ได้ แต่การไม่ได้ไปเล่นถ้วย ยูฟ่า แชมป์เปี้ยนลีกด้วยดูจะเป็นแผลที่ใหญ่เกินไปสำหรับนายใหญ่อย่างคล็อปป์ แม้ผลงานจะทรงตัวไม่หนีจากหัวตารางแต่หลังจากพวกเขาทำได้เพียงเสมอกับลีดส์ ยูไนเต็ด และนิวคาสเซิล ยูไนเต็ด ดูเหมือนอนาคตในการไปเล่นบอลถ้วยยูฟ่า แชมป์เปี้ยนลีกจะดับวูบลง แต่ด้วยบุญพาวาสนาสั่งให้เขายังอยู่ในเส้นทางอีกครั้ง เชลซีดันไปแพ้ให้กับอาร์เซน่อลซะอย่างนั้น กำลังใจของเหล่านักเตะหงส์แดงก็เหิมเกริมขึ้นอีกครั้ง พวกเขาสำแดงเดชปลดล็อคเอาชนะแมนฯ ยูไนเต็ดได้อย่างเสร็จสับ นั่นทำให้พวกเขายังอยู่ในเส้นทางของบอลถ้วยแชมเปี้ยนลีกอย่างมีความหวัง

จนมาถึงเกมที่ 36 ของฤดูกาล ต้องออกไปเยือนเวสต์บรอมวิช อัลเบี้ยน รูปเกมสนุก เป็นลิเวอร์พูลที่เดินหน้าครองบอลบุกอยู่ฝ่ายเดียว ส่วนเจ้าบ้านสวนได้อย่างเพลินตา แต่จนแล้วจนรอดก็ยังเสมอกันอยู่ที่ 1-1จนมาถึงนาทีสุดท้ายของการแข่งขันลิเวอร์พูลได้ลูกเตะมุมครั้งสุดท้าย  อลีสซง เบ็คเกอร์นายทวารชาวบราซิล วิ่งขึ้นมาสร้างแรงกระเพื่อมให้กับทีมด้วยการเพิ่มตัวผู้เล่นมาในกรอบเขตโทษของเจ้าบ้าน วินาทีแห่งแสงสุดท้ายในการได้ไปเล่นแชมเปี้ยนลีกกำลังจะอ่อนแรงลง อลิสซงยืนถูกที่ถูกเวลา เขาโขกประตูชัยให้กับทีมได้สำเร็จ ปาฏิหาริย์ที่สร้างให้กับตัวเอง กลับทำให้แสงที่ริบหรี่กลับสว่างขึ้นอีกครั้ง นี่คือฟางเส้นเล็กๆที่ช่วยให้ลิเวอร์พูลและเจอร์เก้น คล็อปป์มีแสงสว่างที่ปลายอุโมงค์สว่างไสวขึ้น

แม้การเดินทางของลิเวอร์พูลในซีซั่นนี้จะยังเหลืออีก 2 เกม แต่เชื่อได้เลยว่าการทำประตูได้ในนัดนี้ในช่วงทดเวลา จะเป็นกำลังใจที่ยิ่งใหญ่ผลักดันให้ทัพหงส์แดงมีแรงขึ้นอีกเยอะ

อีก 2 เกมที่เหลือดูว่าไม่ยากก็ไม่ใช่ จะง่ายก็ไม่มาก แบ่งเป็นเกมในบ้านเจอกับเบิร์นลี่ย์ และออกไปเยือนคริสตัล พาเลสในเกมสุดท้ายของฤดูกาล แม้เบิร์นลี่ย์จะไม่ใช่คู่ต่อกรที่น่ากลัวนัก ลูกที่เด็ดของพวกเขาคือลูกกลางอากาศความเสี่ยงในเกมรับจะมีให้เห็นตลอดทั้งเกม ส่วนเกมสุดท้ายที่ต้องออกไปเยือนคริสตัล พาเลส ทีมที่ลูกผีลูกคน คิดจะเก่งก็เก่ง พวกเขาเล่นในบ้านได้น่ากลัวทีเดียว สาวกหงส์แดงต้องลุ้นกันจนนาทีสุดท้ายแน่นอนในฤดูกาลนี้ และนี่คือความสนุกของฟุตบอลอังกฤษอย่างไม่ต้องสงสัย

แม้จะอกหักหรือไม่กับการได้ไปเล่นบอลถ้วยสูงสุดของยุโรป แต่ยังไงลิเวอร์พูลต้องปรับทัพกันใหม่พอสมควร หลังจากที่พวกเขาก้าวเท้าไปแตะบัลลังค์แชมป์ได้ในปีที่ผ่านมา และโชว์แผลเหวอะหวะให้ได้เห็นในฤดูกาลนี้ หากในซีซั่นต่อไปของหงส์แดงปรับจูนความผิดพลาดของฤดูกาลนี้ให้เข้ากับความยอดเยี่ยมของฤดูกาลก่อน พวกเขาจะกลายเป็นผู้ท้าชิงแชมป์ในฤดูกาลหน้าอีกครั้งอย่างแน่นอน มั่นใจได้เลยว่าพวกเขาจะกลับมาเปรี้ยงปร้างได้อย่างแน่นอน หากแก้ 3 จุดสำคัญของทีมได้สำเร็จ

เกมรับที่เป็นปัญหา

แผลที่ใหญ่ที่สุดของลิเวอร์พูล คงหนีไม่พ้นเกมรับที่ยวบยาบยามเมื่อขาดฟานไดจ์ ในฤดูกาลหน้านักเตะตัวสำคัญชาวฮอลแลนด์จะกลับมาปักหลักได้แน่ นี่จึงเป็นสิ่งที่แฟนๆจะอุ่นใจได้อีกครั้ง ส่วนกองหลังที่เข้ามาใหม่หรือเด็กน้อยจากทีมสำรองจะมีพัฒนาการจากซีซั่นนี้ เรียกได้ว่าฤดูกาลหน้าจะมีตัวเลือกให้ใช้ล้นมือทีเดียว

ปัญหาหลักของฤดูกาลนี้หลังจากขาดฟานไดจ์ และ โกเมสไปคือการเอาฟาบิญโญ่ลงมาเล่นเป็นเซ็นเตอร์ ผลงานเมื่อมีเขาลงเล่นเป็นกองหลังในฤดูกาลนี้ ย่ำแย่กว่าการเอาเด็กลงมายืนคู่กันเสียอีก นับว่าเป็นการตัดสินใจที่ผิดพลาดของคล็อปป์ แต่อย่างไรก็ตาม ฤดูกาลหน้าลิเวอร์พูลจะพลิกวิกฤตนี้เป็นโอกาสโดยการมีตัวเลือกที่เยอะขึ้นจนไม่รู้จะเลือกใครเลยทีเดียว

รูปเกมที่ปรับตามนักเตะที่ซื้อเข้ามาทำให้เกมรุกดูไม่น่ากลัวเหมือนเดิม

เมื่อมีผู้เล่นใหม่เข้ามา ซึ่งเป็นผู้เล่นระดับเวิลด์คลาส รูปเกมจึงเปลี่ยนไปไม่น้อย การมาของติอาโก้ อัลกันตาร่าสร้างอิมแพคให้กับทีมไม่น้อยในช่วงแรก แต่เอาเข้าจริงๆ กลับสร้างความเก่งกาจได้เพียงชื่อเท่านั้น เหตุผลสำคัญเกิดจาก การเล่นบอลที่เวิลด์คลาสมากขึ้นของผู้เล่นทำให้เกมรุกที่รวดเร็วดูช้าลง เพราะต้องไปพักบอลที่เขาก่อน ซึ่งไม่ตรงกับแผนการเดิมของทีมซักเท่าไหร่ เมื่อแผนการเปลี่ยน ผู้เล่นเดิมก็ต้องปรับตามสภาพ และนั่นทำให้รูปเกมของลิเวอร์พูลไม่เฮฟวี เมทัลเหมือนฤดูกาลก่อนที่ได้แชมป์มาครอง
ด้วยการสร้างทีมของเจอร์เก้น คล็อปป์ใช้เวลาในการปั้นแผนมาให้นักเตะเข้าใจอยู่หลายฤดูกาล พอแผนเข้าที่เข้าทางทีมของเขาก็กลายเป็นแชมป์ เมื่อมีการขยับปรับเปลี่ยนเพื่อความหลากหลาย นักเตะก็ต้องใช้เวลาไม่น้อยในการเข้าใจเหมือนกับที่ผ่านมา โอกาสที่ฤดูกาลหน้าหงส์แดงจะกลับมาน่ากลัวกว่าเดิม กับรูปแบบแผนที่แยบยลมากขึ้นดูจะมีทิศทางมี่ดีไม่น้อยเลยทีเดียว

การจบสกอร์ที่น่าผิดหวัง

เรื่องสำคัญของการเป็นผู้ชนะหรือเป็นผู้แพ้ ขึ้นอยู่กับการยิงประตูทั้งสิ้น ซึ่งการขาดความคมของผู้เล่นเกมรุกของลิเวอร์พูลในฤดูกาลนี้คือความแตกต่างที่ชัดเจนที่สุด

ในช่วงต้นฤดูกาล แม้จะขาดฟานไดจ์ไป แต่ในเมื่อเกมรุกยังผลิตสกอร์ได้ พวกเขาก็กลายเป็นทีมที่น่ากลัวเหมือนเดิม การมีเกมรุกที่วูบวาบเป็นทุนอยู่แล้ว ทำให้ยังพอมีหวังกับการป้องกันแชมป์ เพียงแต่ในช่วงเวลาต่อมาไม่นานปัญหานี้ก็เกิดขึ้น กองหน้าทั้ง 3 คนเกิดช็อตขึ้นมาดื้อๆ แม้จะมีดิโอโก้ โจต้ามาทำให้มีความหวังมากขึ้นแต่ด้วยอาการบาดเจ็บทำให้เขาช่วยอะไรไม่ได้มาก และนั่นส่งผลให้ผลงานของทีมค่อยๆดร็อปลง แค่เพียงเอาตัวรอดในแต่ละนัดยังยากที่จะเอาชนะ และจะเอาอาวุธที่ไหนมาป้องกันแชมป์ ดูแล้วในฤดูกาลหน้าคงต้องให้หลวงพ่อเป่ากะหม่อมเพิ่มความคมให้กับบรรดานักเตะของลิเวอร์พูล ไม่ก็หาตัวจบสกอร์หน้าใหม่ ที่ยิงคมๆเข้ามาสู่ทีมให้จงได้

หากดูปัญหาของลิเวอร์พูลที่เกิดขึ้นในฤดูกาลนี้ ดูจะเป็นสะพานในการสร้างความยิ่งใหญ่ในฤดูกาลหน้าได้ไม่น้อยเลยทีเดียว พวกเขาไม่ได้กำลังเดินหลงทาง ทีมกำลังเดินมาถูกทางเพียงแต่ขาดอะไหล่ชิ้นสำคัญไป หรือไม่ก็อะไหล่ชำรุดเท่านั้น ในฤดูกาลหน้าฟันเฟืองสำคัญจะกลับมาอย่างพร้อมหน้า นั่นทำให้ความหวังของการคว้าแชมป์ในสมัยหน้าดูจะเปิดกว้างให้กับพวกเขาเหมือนครั้งที่ได้แชมป์อีกครา

Text – Centaurus