ทุกวันนี้การมีรายได้มาจากทางเดียวไม่ปลอดภัย ทางออกที่ดีที่สุดเพื่อความมั่นคงของชีวิตและครอบครัวก็คือการสร้างแหล่งที่มาของรายได้จากหลายช่องทาง

ดังนั้นหลายคนในเมื่อทำงานได้ซักพักหากรู้จักเก็บออมไม่สร้างหนี้เกินตัวก็จะมีเงินเก็บ จากนั้นก็สามารถนำเงินเก็บไปลงทุนต่อเงินให้งอกเงยได้

ซึ่งการลงทุนนั้นก็มีหลายทางเลือก เช่น ลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ เปิดกิจการส่วนตัวเล็กๆ และลงทุนในตลาดหุ้น เป็นต้น แต่การลงทุนที่เราอยากจะมาแนะนำให้เพื่อนๆ ได้รู้จักในครั้งนี้ก็คือการลงทุนให้หุ้น เพราะมันง่าย ประหยัดเวลา เหมาะอย่างยิ่งสำหรับมนุษย์เงินเดือนในการสร้างรายได้อีกหนึ่งช่องทาง สำหรับใครที่สนใจการลงทุนในหุ้น และอยากรู้ว่าต้องเริ่มต้นอย่างไร ตามมาดูกันเลย

ทำความเข้าใจหุ้น

ก่อนที่จะลงทุนในหุ้น เราควรจะมาทำความรู้จักกันก่อนว่า “หุ้น” มันคืออะไรกันแน่ จริงแล้วหุ้นก็คือกิจการหรือธุรกิจหนึ่งๆ ที่ถูกนำมาสับซอยเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยเพื่อขายเป็นการเปิดโอกาสให้ใครก็ได้ที่สนใจในตัวกิจการเข้ามาซื้อเพื่อร่วมลงทุนเป็นเจ้าของกิจการตามสัดส่วนหุ้นที่ซื้อไป ยิ่งใครซื้อไว้มาก ก็จะมีความเป็นเจ้าของมากขึ้นไปด้วยนั่นเอง โดยที่หุ้นนั้นสามารถซื้อขายได้ตลอดเวลา และเราสามารถลงทุนในหุ้นไว้กี่กิจการก็ได้ตามใจชอบเลย

สำหรับในเรื่องผลตอบแทนของหุ้นจะมาใน 2 รูปแบบ อย่างแรกก็คือในรูปแบบการซื้อขายเก็งกำไรส่วนต่างจากราคาหุ้น และอย่างต่อมาก็คือในรูปแบบเงินปันผลที่กิจการที่เราซื้อหุ้นไปเมื่อมีกำไรก็จะมีการแบ่งจ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้น ส่วนมากก็จะเป็นปีละครั้ง ได้มากน้อยตามสภาพผลประกอบการ

ตรวจสอบตัวเองว่าเราเป็นนักลงทุนแบบไหน 

นักลงทุนในตลาดหุ้นนั้นมีอยู่ 2 แบบด้วยกัน อย่างแรกก็คือ Trader หรือนักเก็งกำไร เป็นนักลงทุนระยะสั้น มีรายได้จากการซื้อมาขายไป เก็งกำไรส่วนต่างจากตัวหุ้น หวังได้เงินเร็ว ซึ่งนักลงทุนประเภทนี้จำเป็นต้องติดตามความเคลื่อนไหวหุ้นตลอดเวลาชนิดตาไม่กระพริบเลย และอย่างที่สองก็คือ Investor หรือนักลงทุนระยะยาว ซึ่งถือเป็นนักลงทุนในหุ้นอย่างแท้จริง การซื้อหุ้นของนักลงทุนประเภทนี้จัดว่าเป็นการออมชนิดหนึ่ง พวกเขาจะมีรายได้จากเงินปันผลของกิจการที่เข้าซื้อหุ้นเป็นหลัก  

การลงทุนในแบบ Investor จึงเป็นการลงทุนที่มั่นคง มีความเสี่ยงต่ำกว่าการเป็น Trader มาก การลงทุนแบบ Investor ไม่จำเป็นต้องติดตามราคาหุ้นตลอดเวลา จึงค่อนข้างเหมาะกับมนุษย์เงินเดิน แต่การลงทุนในแบบนี้เราจำเป็นต้องศึกษาพื้นฐานของตัวกิจการที่เราจะเข้าไปลงทุนให้ดีกว่ามีความมั่นคงมากน้อยแค่ไหน หากกิจการมั่นคง ความเสี่ยงก็จะต่ำ ได้เงินปันผลอย่างต่อเนื่องทุกปี

ประเภทของบัญชีหุ้น

เมื่อตรวจสอบตัวเองจนทราบแล้วว่าเราอยากเป็นนักลงทุนแบบไหน ก็ถึงเวลาเปิดบัญชีหุ้น ซึ่งบัญชีหุ้นนั้นมีอยู่ 3 ประเภทดังนี้

บัญชี Cash Balance เป็นบัญชีเงินสดที่เราต้องมีเงินเข้าบัญชีจริงๆ ถึงจะทำการซื้อหุ้นได้ ซึ่งมือใหม่เราแนะนำให้ใช้บัญชีแบบนี้

บัญชี Cash Account เป็นบัญชีเงินสดที่สามารถทำให้เราซื้อก่อน จ่ายทีหลังได้ โดยโบรกเกอร์จะให้วงเงินในการซื้อหุ้นมา แล้วเราก็วางเงินประกันไว้ 20% หลังจากนั้น 3 วันเราก็จึงนำเงินค่าซื้อหุ้นทั้งหมดที่ยืมไปคืนโบรกเกอร์

บัญชี Credit Balance เป็นการกู้ยืมเงินโบรกเกอร์มาซื้อหุ้น โดยที่เราต้องวางทั้งหลักประกันและดอกเบี้ยเพื่อใช้ในการกู้ยืม แต่ก็มีข้อดีตรงที่ หากเรามีกำลังซื้อมาก เราก็มีสิทธิ์จะซื้อหุ้นได้มาก แต่สำหรับมือใหม่เรายังไม่อยากให้ใช้บัญชีแบบนี้ เพราะพลาดมาอาจขาดทุนเป็นหนี้หัวโตได้

โบรกเกอร์คืออะไร

เมื่อพูดถึงโบรกเกอร์แล้ว สำหรับคนที่ไม่เคยเล่นหุ้นอาจไม่ทราบมาก่อนว่าโบรกเกอร์คืออะไร เราจะเฉลยให้ได้ทราบว่า จริงๆ แล้วโบรกเกอร์ก็คือตัวกลางที่เชื่อมโยงระหว่างเรากับตลาดหลักทรัพย์ โดยเราจะไม่ซื้อหุ้นผ่านตลาดหลักทรัพย์โดยตรง แต่จะซื้อผ่านโบรกเกอร์ โดยในปัจจุบันก็มีโบรกเกอร์ให้เลือกหลายเจ้ามากเลย

ปัจจัยในการเลือกโบรกเกอร์ก็คือความน่าเชื่อถือ บริการ รายละเอียดเกี่ยวกับการแนะนำหุ้น และค่าทำเนียม สำหรับใครที่สนใจยังไม่กล้าลงทุนหุ้นในสนามจริงก็สามารถลองทดสอบฝีมือในแอปพลิเคชั่นก่อนได้ ยกตัวอย่างเช่น แอพ Streaming Click2Win เป็นต้น

วิธีการเปิดบัญชีหุ้นออนไลน์

ปัจจุบันเราสามารถเปิดบัญชีเล่นหุ้นได้สะดวกมากๆ เลยโดยสามารถทำได้ผ่าน e-Open Account เพียงแค่ 4 ขั้นตอนง่ายๆ ดังนี้

ขั้นตอนแรก เข้าไปที่เว็บไซต์ www.set.co.th/investnow เพื่อกรอกข้อมูลลงทะเบียนให้เรียบร้อย จากนั้นเราก็จะเจอโบรกเกอร์ปรากฏขึ้นมาให้เลือกใช้บริการมากมาย

ขั้นตอนที่สอง คือเลือกโบรกเกอร์ที่เราต้องการจะเปิดบัญชีหุ้นด้วย เลือกมาซักเจ้าเลยที่คุณให้ความเชื่อถือและมั่นใจในบริการ

ขั้นตอนที่สาม คือกรอกข้อมูลเพื่อเปิดบัญชีกับโบรกเกอร์ที่คุณเลือก เมื่อกรอกเสร็จแล้วก็ทำการยืนยันตัวตน จากนั้นทางโบรกเกอร์ก็จะส่งรายละเอียดของสัญญามาให้เรา

ขั้นตอนสุดท้าย คือรอการอนุมัติ และรอการติดต่อกลับจากเจ้าหน้าที่ของโบรกเกอร์ที่เราได้สมัครเปิดบัญชีด้วย ซึ่งรอไม่นาน บางโบรกเกอร์ก็ติดต่อกลับมาภายในวันเดียวกันกับที่เราสมัครด้วยซ้ำ

เมื่อเรียบร้อยแล้วเราจากนั้นเราก็สามารถทำการซื้อขายหุ้นได้เลย จะเห็นได้ว่ามันสะดวกมากๆ เลยใช่มั้ยล่ะ ไม่ว่าจะอยู่ไหนคุณก็สามารถเปิดบัญชีหุ้นได้ผ่านทางออนไลน์ ไม่ต้องเสียเวลาเดินทางเหมือนแต่ก่อน โดยสิ่งที่เราต้องเตรียมไว้ใช้ประกอบการสมัครเปิดบัญชีโบรกเกอร์นั้นมีเพียงเบอร์โทร สมาร์ทโฟน สมุดบัญชี ลายเซ็น  และบัตรประชาชน เท่านั้น เมื่อสมัครเรียบร้อยแล้ว โบรกเกอร์ก็จะให้ Username/Password เพื่อให้เราเข้าไปทำการซื้อ-ขายหุ้น ผ่านเว็บไซต์ หรือ แอปพลิเคชั่นของโบรกเกอร์เจ้านั้นๆ ได้ตลอดเวลา

เงินที่จะเอามาเล่นหุ้นควรเป็นเงินแบบไหน?

นี่คือคำถามสำคัญ ซึ่งเราอยากแนะนำว่าเงินที่ควรนำมาใช้ลงทุนในหุ้นควรเป็นเงินเย็นเท่านั้น ไม่ควรดึงมาจากกระแสเงินสดที่จำเป็นต้องใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน หรือกิจการมาใช้เล่นหุ้น รวมถึงการกู้ยืมเงินมาเล่นหุ้นถือเป็นเรื่องที่ไม่เหมาะสมมากๆ เพราะการลงทุนในหุ้นถือเป็นการลงทุนที่มีความเสี่ยงสูงพอตัว ยิ่งเป็นมือใหม่ด้วยยิ่งไม่ควรรีบร้อน เพราะหากเอาเงินร้อนๆ แบบนี้มาเล่นหุ้น ขาดทุนมาคุณจะลำบากได้นะ

ดังนั้นในช่วงเริ่มต้นลงทุนนั้นเราอยากให้เริ่มจากการใช้เงินเล็กๆ น้อยๆ มาลงก่อน ไม่ต้องรีบร้อนเพราะเวลาขาดทุนมาจะได้ไม่เสียหายมาก พอเริ่มมีกำไรจึงค่อยเพิ่มการลงทุนในภายหลังก็ได้

เราควรจะซื้อหุ้นตัวไหนดี ?

ส่งท้ายด้วยคำแนะนำที่ว่า ให้เลือกหุ้นของบริษัทและกิจการที่คุณสนใจและมีความรู้เกี่ยวกับกิจการลักษณะนั้นจะดีที่สุดครับ เช่นใครที่เป็นวิศวกรก็เหมาะมากที่จะลงทุนในบริษัทด้านพลังงาน และอุตสาหกรรมที่ก้าวหน้าต่างๆ เป็นต้น แต่ใครที่ไม่มีควรรู้อะไรเลยก็ควรจะเลือกลงทุนในบริษัทที่มีความมั่นคง ติดอยู่ใน SET50 ไว้ รับรองว่าไม่ขาดทุนง่ายๆ อย่างแน่นอน

และนี่ก็คือคำแนะนำทั้งหมดสำหรับคนที่เป็นมือใหม่สนใจอยากเล่นหุ้นซึ่งเราอยากแนะนำให้ได้ทราบในครั้งนี้ ก็หวังว่าจะเป็นประโยชน์สำหรับผู้สนใจกันทุกคน เมื่อได้ทราบแล้ว มีเวลาว่างก็ลองทำตามคำแนะนำเหล่านี้กันดู ไม่แน่ว่าหุ้นอาจเป็นอีกหนึ่งช่องทางสร้างรายได้แก่ตัวคุณก็เป็นได้