เหล็กกล้าไร้สนิมที่มีทั้งความแข็งแรง ความสวยงาม ความทนทาน ได้รับการผสมผสานกับเรซินเสริมคาร์บอนไฟเบอร์ที่มีน้ำหนักเบา ที่มีความแข็งแรงสูง โดยการเลือกใช้เทคโนโลยีขั้นสูง และการออกแบบใหม่ทั้งหมด จึงทำให้ MT-G Series คอลเลคชั่นนี้กลายเป็นหนึ่งในนาฬิกาข้อมือระดับพรีเมียมที่น่าจับจองเป็นเจ้าของ
ขอแนะนำ MT-G MTGB2000 ซึ่งมาพร้อมกับตัวเรือนรูปทรงแบบใหม่ทั้งหมดขนาด 51 มม. × 15.9 มม. ที่ผสมผสานความสแตนเลสสตีลเข้ากับโครงสร้าง “Dual Core Guard” ใหม่ที่รวมส่วนประกอบเคสเรซินเสริมคาร์บอนไฟเบอร์ เพื่อให้มีน้ำหนักเบา และแข็งแกร่ง
“โครงสร้างคู่ใช้ตัวเรือน carbon monocoque ที่ล้อมรอบด้วยกรอบโลหะทำให้นาฬิกาดูเป็นโลหะอย่างปราณีตเมื่อมองจากมุมตรง และด้านข้าง โครงสร้างใหม่นี้ทำให้นาฬิกามีโลหะที่มองเห็นได้ชัดเจนขึ้น ในขณะที่ยังคงตัวเรือนขนาดกลางยอดนิยมไว้” ตามสไตล์ของ Casio
โดยเฉพาะอย่างยิ่งนี่เป็นครั้งแรกในซีรีส์ที่ติดตั้งมอเตอร์ขดลวดคู่สามตัว เพื่อการทำงานที่เร็วขึ้น และรับสัญญาณการปรับเทียบเวลาได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น รวมถึงการปรับเวลาผ่านบลูทูธทันทีเมื่อจับคู่กับสมาร์ทโฟนโดยใช้เฉพาะ แอพ G-Shock Connected
นอกเหนือจากการซิงค์เวลาบลูทูธ เมื่อเชื่อมต่อกับแอพ G-Shock แล้วนาฬิกายังมีความสามารถในการเชื่อมต่อกับสัญญาณคลื่นวิทยุปรมาณู เพื่อเป็นข้อมูลสำรอง นอกจากนี้ยังมีการเคลื่อนไหวของ Tough Solar ที่มีแบตเตอรี่ที่ชาร์จโดยอัตโนมัติจากแสงแดด
ฟังก์ชั่น G-Shock ทั่วไปรวมถึงการเตือนภัยรายวัน, LED,โหมดนาฬิกาจับเวลา 24 ชั่วโมง , โหมดเวลาโลกที่มีการปรับเวลา, โหมดจับเวลาถอยหลัง และปฏิทินอัตโนมัติ
ในซีรี่ส์นี้จะมีให้เลือกด้วยกัน 2 รุ่นคือ MT-G อ้างอิง MTGB2000D-1A ที่โดดเด่นด้วยตัวเรือนสีสตีล และกรอบสีดำ พร้อมสายรัดข้อมือเหล็กแบบหลายชั้นที่ทำจากเรซินในสัดส่วนที่สูงขึ้น จับคู่กับชิ้นส่วนโลหะทำให้นาฬิกามีน้ำหนักเบากว่ารุ่นก่อนหน้าราวๆ 15% ตัวเลือกที่สองคือ MTGB2000B-1A2 ซึ่งมีตัวเรือนที่ทำจาก PVD สีดำพร้อมกรอบสีน้ำเงิน และสายยูรีเทนแบบนุ่ม ขอบของเคสแต่ละตัวได้รับการปรับมุม และขัดเงาเพื่อเพิ่มรูปลักษณ์ที่โดดเด่น
นาฬิกาข้อมือ MT-G ใหม่ทั้งสองรุ่นใช้กระจกแซฟไฟร์แบบเรียบที่มีการเคลือบด้านในแบบไม่สะท้อนแสง การกันน้ำอยู่ที่ 200 เมตร และมีเทคโนโลยี Triple G Resist (Shock, Vibration และ Centrifugal Force Resistance) เพื่อเพิ่มความทนทานในทุกสถานการณ์
