รวมแข้งฟรีสุดคุ้มแห่งวงการฟุตบอล - The Macho
 
Roral Enfield - Hunter 350
728x150 - Nissan Almera
728x150 - Hunter4
รวมแข้งฟรีสุดคุ้มแห่งวงการฟุตบอล

สำหรับอาชีพนักฟุตบอลนั้น การย้ายทีมถือเป็นเรื่องปกติที่สามารถเกิดขึ้นได้แทบทุกปี ไม่ว่าจะเป็นการโยกย้ายด้วยค่าตัวมหาศาล, การยืมตัว และการหมดสัญญาก่อนจะเลือกย้ายไปยังสโมสรใหม่แบบไม่มีค่าตัว

        ขณะเดียวกัน การย้ายทีมแบบฟรีๆของนักเตะหลายคนช่วงที่ผ่านมาทำให้ต้นสังกัดใหม่ของพวกเขาคุ้มค่าอย่างมากในการลงทุน และนี่คือ สุดยอดแข้งไร้ค่าตัวสุดคุ้มของวงการลูกหนังเลยก็ว่าได้

1. โซล แคมป์เบลล์ (ท็อตแนม ฮอทสเปอร์ ไปยัง อาร์เซน่อล ปี 2001)

“มันเป็นการตัดสินใจครั้งใหญ่ ผมสามารถหาเงินได้มากกว่านี้จากการย้ายไปต่างประเทศ แต่ผมรู้สึกว่าน อาร์เซน่อล คือ สโมสรที่ผมควรย้ายไปอยู่” โซล แคมป์เบลล์ อดีตกองหลังทีมชาติอังกฤษ ให้สัมภาษณ์ถึงการตัดสินใจย้ายจาก ท็อตแน่ม ฮอทสเปอร์ ไปเล่นกับทีมคู่อริอย่าง อาร์เซน่อล แบบไร้ค่าตัวในปี 2001

แคมป์เบลล์ เติบโตมาจากอคาเดมี่ของ สเปอร์ส และค้าแข้งกับสโมสรนานถึง 9 ปี ซึ่งการที่เจ้าตัวเซ็นสัญญากับ อาร์เซน่อล นั้น สร้างความโกรธแค้นให้กับสาวก “ไก่เดือยทอง” อย่างหนักจนถูกตราหน้าว่าเป็นคนทรยศ

อย่างไรก็ตาม แคมป์เบลล์ กลับประสบความสำเร็จอย่างมากกับ อาร์เซน่อล โดยลงเล่นไปรวมทุกรายการ 197 เกมตลอด 5 ฤดูกาล พร้อมกับพาพลพรรค “ไอ้ปืนใหญ่” คว้าแชมป์พรีเมียร์ลีก 2 สมัย และแชมป์เอฟเอ คัพ 2 สมัย

2. ซลาตัน อิบราฮิโมวิช (ปารีส แซงต์ แชร์กแมง ไปยัง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ปี 2016)

ตลอดทศวรรษที่ผ่านมา อิบราฮิโมวิช ได้รับการยกย่องว่า เป็นหนึ่งในกองหน้าที่ดีที่สุดในโลกเลยก็ว่าได้ เขาประสบความสำเร็จอย่างมากมาย และค้าแข้งกับสโมสรดังทั่วยุโรปไล่ตั้งแต่ อาแจ็กซ์ อัมสเตอร์ดัม, ยูวเนตุส, อินเตอร์ มิลาน, บาร์เซโลน่า, เอซี มิลาน ปารีส แซงต์ แชร์กแมง และเซ็นสัญญากับ แมนฯ ยูไนเต็ด แบบไร้ค่าตัวเมื่อปี 2016

ในวัย 34 ปี ที่ย้ายมายังถิ่นโอลด์ แทรฟฟอร์ด นั้น อิบราฮิโมวิช โดนหลายคนมองว่า เลยจุดพีคมาแล้ว และไม่น่าจะเล่นในพรีเมียร์ลีกได้ แต่ในฤดูกาลแรก ดาวยิงสวีดิช ระเบิดฟอร์มซัดไปถึง 28 ประตู จาก 46 เกมรวมทุกรายการพร้อมกับพา “ปีศาจแดง” ภายใต้การคุมทีมของกุนซือ โชเซ่ มูรินโญ่ คว้าแชมป์ลีก คัพ และยูโรป้า ลีก ไปครองได้สำเร็จ

อย่างไรก็ตาม น่าเสียดายที่ในปีต่อมา อิบราฮิโมวิช โดนอาการบาดเจ็บรบกวน และไม่ได้โอกาสลงสนามมากเท่าที่ควร เขาจึงยกเลิกสัญญากับ แมนฯ ยูไนเต็ด ด้วยความยินยอมทั้ง 2 ฝ่ายในเดือนมีนาคมปี 2018 ก่อนจะย้ายไปยัง แอลเอ แกแล็คซี่ ในเวลาต่อมา

3. โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้ (โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ ไปยัง บาเยิร์น มิวนิค ปี 2014)

เลวานดอฟสกี้ ไม่ใช่ผู้เล่นคนแรก และคนสุดท้ายที่ย้ายจาก ดอร์ทมุนด์ ไปยัง บาเยิร์น แต่ถ้าถามว่า นักเตะคนใดประสบความสำเร็จมากที่สุดในการย้ายจาก “เสือเหลือง” ไปยัง “เสือใต้” แน่นอนว่า หัวหอกชาวโปแลนด์ คือหนึ่งในนั้น

หลังย้ายมายังถิ่นอัลลิอันซ์ อารีน่า ในปี 2014 นั้น เลวานดอฟสกี้ แทบไม่ต้องปรับตัวใดๆเลย เขากลายเป็นกำลังสำคัญในแนวรุกของ บาเยิร์น ทันที และกระหน่ำไปถึง 266 ประตู จาก 327 เกจนถึง ณ เวลานี้ ซึ่งสถิติดังกล่าวจะยังคงเพิ่งต่อไปอีก

ศูนย์หน้าวัย 32 ปี พา บาเยิร์น คว้าแชมป์บุนเดสลีกา ปี 2015, 2016, 2017, 2018, 2019,2020 แชมป์เยอรมัน คัพ ปี 2016, 2019, 2020 และแชมป์ยูฟ่า แชมเปียนส์ ลีก ปี 2020 รวมทั้งยังคว้ารางวัลคว้ารางวัลนักฟุตบอลชายยอดเยี่ยมของสหพันธ์ฟุตบอลนานาชาติ (ฟีฟ่า) ในปี 2020 อีกด้วย

4. เจมส์ มิลเนอร์ (แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ไปยัง ลิเวอร์พูล ปี 2015)

มิลเนอร์ ประสบความสำเร็จกับ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ด้วยการคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีก 2 สมัย และแชมป์เอฟเอ คัพ อีก 1 สมัย แต่เขาได้โอกาสลงสนามเป็นตัวจริงให้กับ “เรือใบสีฟ้า” ในเกมลีกเพียง 89 จาก 190 นัดตลอด 5 ปี

หลังหมดสัญญาในถิ่นเอติฮัด สเตเดี้ยม มิลเนอร์ ในวัย 30 ปี ตัดสินใจเซ็นสัญญากับ ลิเวอร์พูล แบบไร้ค่าตัวในยุค เบรนแดน ร็อดเจอร์ส อดีตเทรนเนอร์ชาวไอร์แลนด์ และยังคงเป็นสมาชิกทีมชุดแรกของ “หงส์แดง” มาจนถึงยุคกุนซือ เจอร์เก้น คล็อปป์

ปัจจุบันในวัย 35 ปี มิลเนอร์ ยังคงฟิตเต็มเปี่ยม และเป็นนักเตะสารพัดประโยชน์ช่วยแก้ปัญหาเฉพาะหน้าให้กับ ลิเวอร์พูล ได้อย่างยอดเยี่ยม นอกจากนี้ มิดฟิลด์ชาวอังกฤษ ยังถือเป็นแกนหลักที่พา “หงส์แดง” คว้าแชมป์พรีเมียร์ลีก, ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก, ยูฟ่า ซุเปอร์ คัพ และแชมป์สโมสรโลก อีกด้วย 

5. อันเดรีย ปิร์โล่ (เอซี มิลาน ไปยัง ยูเวนตุส ปี 2011)

“ตอนที่ อันเดรีย บอกผมว่า เขามาร่วมงานกับเราที่ ยูเวนตุส สิ่งแรกที่ผมคิดคือ พระเจ้ามีอยู่จริง เขาเป็นนักเตะระดับท็อป และมีความสามารถมากๆ ซึ่งการได้ตัวเขามาแบบฟรีๆ ผมคิดว่า มันเป็นการเซ็นสัญญาแห่งศตวรรษ” จานลุยจิ บุฟฟอน ตำนานโกล์ทีมชาติอิตาลี ของ ยูเวนตุส ให้สัมภาษณ์ถึงวันที่รู้ว่า ปิร์โล่ จะย้ายมาเล่นกับ “ม้าลาย” ในปี 2011

ในปีดังกล่าว มิลาน มองว่า ปิร์โล่ วัย 32 ปี เลยจุดพีคไปแล้ว และไม่น่าจะเป็นตัวหลักของทีมอีกต่อไป จึงทำให้พวกเขาปล่อยอดีตจอมทัพทีมชาติอิตาลีออกจากถิ่นซาน ซิโร่ แบบไร้ค่าตัว ก่อนที่ ยูเวนตุส จะยื่นข้อเสนอให้พิจารณาทันที

หลังย้ายมาเล่นกับ ยูเวนตุส ปิร์โล่ กลายเป็นกำลังสำคัญในแดนกลางทันที เขาบัญชาเกมให้กับ “ม้าลาย” ได้อย่างสุดยอดพร้อมกับพาทีมคว้าแชมป์กัลโช่ เซเรีย อา 4 สมัยติด และย้ายไปยัง นิวยอร์ค เอฟซี ในปี 2015

6. ปอล ป็อกบา (แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ไปยัง ยูเวนตุส ปี 2012)

        หลังจากไม่มีโอกาสลงเล่นให้กับทีมชุดใหญ่ของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ภายใต้การคุมทีมของ เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ยอดกุนซือชาวสก็อตแลนด์ ป็อกบา จึงตัดสินใจอำลา “ปีศาจแดง” ไปเล่นกับ ยูเวนตุส แบบไม่มีค่าตัวในปี 2012

        ในสีเสื้อของ ยูเวนตุส นั้น มิดฟิลด์ทีมชาติฝรั่งเศส พัฒนาตัวเองอย่างก้าวกระโดดพร้อมยึดตำแหน่งตัวจริงในแดนกลางของพลพรรค “ม้าลาย” ได้อย่างยอดเยี่ยม และพาทีมคว้าแชมป์กัลโช่ เซเรีย อา 4 สมัย ตลอดระยะเวลา 4 ฤดูกาล

        ในปี 2016 แมนฯ ยูไนเต็ด ยอมกัดฟันทุ่มเงิน 89 ล้านปอนด์ คว้าตัว ป็อกบา กลับไปร่วมทีมอีกครั้ง และปัจจุบันในวัย 27 ปี เขายังคงเป็นกำลังสำคัญในทีมชุดแรกของ “ปีศาจแดง”

ภาพประกอบ :  skysports.com

Che Navapun

บทความที่เกี่ยวข้อง

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

Allow All
Manage Consent Preferences
  • Always Active

Save